“พล.ต.ต.สุรเชษฐ์” ร่วม บก.ปอศ. และชุด ศปอส.ตร. แถลงผลจับกุมสองผัวเมีย หลอกระดมทุนแปรรูปทองคํา มีผู้เสียหายกว่า 160 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท เผยจับกุมได้ขณะเดินทางไปทำบุญที่วัดดัง

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 พ.ย.61 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. พ.ต.อ.พุฒิพงศ์ มุสิกูล รอง ผบก.ปอศ. พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.ควบคุมธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ บช.ทท. ตำรวจสตม. ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจ บก.ปอศ. และชุด ศปอส.ตร. แถลงจับกุมนายรักประมวล หลุยจันทึก อายุ 55 ปี นางเพ็ญศรี มีพิมพ์ อายุ 51 ปี สองสามีภรรยา ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หลังหลอกระดมทุน ทำทองรูปพรรณ มีผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 160 คน มูลค่าความเสียหายราว 200 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้ที่วัดบางบัว แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากผู้ต้องหาเดิมทีเปิดธุรกิจส่วนตัวอยู่แล้ว ในชื่อบริษัท เคทีพีโกลด์ จำกัด ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับแปรรูปทองคำอยู่แล้ว จากนั้นเมื่อช่วงปี 2560 เริ่มชักชวนให้ประชาชนมาร่วมลงทุนโดยมีการโฆษณาผ่านเว็บไซต์ www.ktpgoal.com ให้ร่วมลงทุนซื้อทองคําแท่ง แปรสภาพเป็นทองคํารูปพรรณ เมื่อผู้เสียหายสนใจจะพาไปดูโรงงานแปรรูปทองคำของตนภายในบ้านเลขที่ 127 ซ.เพชรเกษม 48 แยก 4 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กทม.

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จากนั้นจะให้เข้ากลุ่มไลน์ ชื่อ "วันที่ทุกคนรอคอย" (KPT GOLD) แนะนำการลงทุน 3 แบบ แบ่งเป็น 1.ปันผลรายวัน เช่น ลงทุน 1 ล้านบาท ได้เงิน 25,000 บาทต่อวัน จำนวน 60 วัน รวมเป็นเงิน 1,500,000 บาท 2.ปันผลต่อสัปดาห์ เช่น ลงทุน 1 ล้านบาท ได้เงิน 140,000 บาทต่อสัปดาห์ ต่อสัปดาห์จำนวน 10 สัปดาห์ รวมเป็นเงิน 1,400,000 3.โครงการออมทอง KTP เช่น ลงทุน 1 สลึง ออมอย่างน้อย 30 วัน หากถอนสามารถเลือกรับทองหรือเงินสดได้ จะได้ผลตอบแทน 4 เปอร์เซ็นต์ ของราคาทองที่ออม เป็นต้น และหากผู้ลงทุนสามารถชักชวนผู้อื่นลงทุนก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่นต่อหัว 6 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้แต่ละการลงทุนจะมีโบนัสอื่นๆ เพิ่มให้ เมื่อผู้เสียหายเชื่อจะได้รับไอดีและพาสเวิร์ดเข้า www.ktpgoal.com ดูผลกำไรที่ลงทุนและโปรโมชั่นอื่นๆ ที่จะลงทุนเพิ่มได้ ซึ่งช่วงแรกผู้เสียหายได้รับเงินปันผลตามที่กำหนด จึงหลงเชื่อและลงทุนมากขึ้น

...

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า กระทั่งช่วงเดือน ก.ค. ผู้ต้องหาเริ่มจ่ายเงินไม่ตรงเวลา กลุ่มผู้เสียหายได้ติดตามทวงถามก็ถูกบ่ายเบี่ยง และต่อมาได้ประกาศว่าไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนได้โดยอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่อายัดบัญชีเนื่องจากสงสัยว่าฟอกเงินผู้เสียหายเชื่อว่าน่าจะเป็นการสร้างเรื่องจึงรวมตัวกันมาแจ้งความร้องทุกข์ ส่วนทางผู้ต้องหาได้หลบหนีไปอาศัยในย่านปริมณฑล กระทั่งวันที่ 6 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองจะเดินทางไปทำบุญที่วัดบางบัว จึงส่งกำลังไปสังเกตการณ์บริเวณวัดจนสามารถจับกุมได้ในที่สุด

พล.ต.ต.สุรเชรษฐ์ กล่าวว่า จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ฉ้อโกงเงินของผู้เสียหายไปจริง โดยเปิดให้ร่วมลงทุนมาแล้วประมาณ 1 ปี ทั้งนี้อยากประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อว่าจะมีการได้รับผลตอบแทนที่สูงเกินความเป็นจริง จากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งดำเนินการหาเส้นทางการเงินเพื่อจะได้ยึดทรัพย์นำมากระจายคืนให้ผู้เสียหาย เบื้องต้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.