ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ ตำรวจหนุ่มที่ตกเป็นข่าว ‘20 ปีล้างแค้นไม่สาย’ ตามจับคนฆ่าพ่อตัวเองได้ ก่อนคดีหมดอายุความเดือนเดียว เผยจับตามหน้าที่ ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช่การแก้แค้น ย้ำเป็นตำรวจเพราะพ่ออยากให้เป็น

จากกรณี เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา มีการเสนอข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธรภาค 8 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบและเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดชุมพร จับกุม นายบุญฤทธิ์ ครุฑละออง อายุ 54 ปี 1 ใน 3 คนร้ายที่ก่อเหตุฆ่า นายประสิทธิ์ แซ่อื้อ และนายชาณี ทองหญีต แล้วนำศพมาทิ้งไว้ที่บริเวณสระน้ำริมทาง บ้านท่าตะเภา ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เหตุเกิดเมื่อเดือน ธ.ค.41 โดยจับกุมได้ที่สวนปาล์มแห่งหนึ่งใน ม.2 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ก่อนคดีหมดอายุความเพียง 1 เดือน

ทั้งนี้ มีการระบุว่า การจับกุมดังกล่าวมี ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ผู้บังคับหมู่กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งเป็นลูกชายนายประสิทธิ์ แซ่อื้อ 1 ใน 2 ผู้เสียชีวิตร่วมในการติดตามจับกุม โดย ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิตั้งใจเข้ามาเป็นตำรวจเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ฆ่าพ่อตัวเอง 

...

ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ย. ผู้สื่อข่าวได้พบ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ผู้บังคับหมู่กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ที่กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ขณะกำลังเข้าพบ พล.ต.ต.ชินรัตน์ ฤทธิธาคณานนท์ ผู้บังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 8 โดยระบุว่า จากที่มีการเสนอข่าวไปก่อนหน้านั้น บางส่วนไม่ถูกต้อง ตนเองเข้ามาเป็นตำรวจด้วยความชอบและเป็นสิ่งที่พ่อต้องการให้เป็น ไม่ใช่ตั้งใจเข้ามาเพื่อทำคดีนี้โดยเฉพาะ ซึ่งหลังจากที่บรรจุเข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจเมื่อเดือนกุมพาพันธ์ที่ผ่านมา ได้ตั้งใจปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาทั้งหมด 

ในส่วนของคดีนี้นั้น ตั้งแต่ที่ตนเองทราบว่าพ่อถูกฆ่าตาย ก็คิดว่าคนร้ายถูกจับหมดแล้ว และมาทราบอีกครั้งเมื่อคนละแวกบ้านมาบอกว่า หนึ่งในคนร้ายที่ร่วมกันฆ่าพ่อกลับมาที่บ้าน ซึ่งขณะนั้นตนปฏิบัติหน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว ประกอบกับนโยบายของส่วนงานที่รับผิดชอบ เป็นการติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีค้างเก่า โดยเฉพาะในรายที่คดีใกล้หมดอายุความ เมื่อเห็นว่าคดีนี้เป็นบุคคลที่มีหมายจับ จึงประสานงานกับกองปราบปรามและชุดสืบสวนในพื้นที่ตามขั้นตอนร่วมติดตามจับกุมตัว

“หากถามว่าใช่คนที่ฆ่าพ่อหรือไม่ ก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่ทำตามหมายจับ ซึ่งจะต้องต่อสู้กันตามกระบวนการ หากทำจริงก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย แต่หากไม่ได้กระทำก็ต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งนี้ ตัวเองมีความภาคภูมิใจในอาชีพตำรวจ และจะตั้งใจปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด” ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ กล่าว

ขณะที่ พล.ต.ต.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การจับกุมผู้ต้องหารายนี้เป็นการจับตามคดีค้างเก่าตามปกติในพื้นที่ความรับผิดชอบของภาค 8 ทั้งหมด โดยมีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับโดยเฉพาะ ซึ่งทุกกองกำกับจะมีการเร่งรัดในการดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามสืบสวนจับกุม โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ งานเดือนสิบ เป็นต้น ทางเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนติดตามคนร้ายที่มีหมายจับคดีค้างเก่า โดยไม่ได้เป็นการเจาะจงจับกุมแต่อย่างใด.

...

อ่านข่าว