ถือเป็นอีกความหวังกลุ่มคนหลากหลายทางเพศในไทย หรือคนรักเพศเดียวกัน จะมีกฎหมายรับรองสิทธิ์ชีวิตคู่ จากการผลักดันร่าง พ.ร.บ.การจดทะเบียนคู่ชีวิต ของกระทรวงยุติธรรม คาดหากไม่ติดปัญหาใดๆ จะมีผลบังคับใช้ในปี 62 เป็นประเทศแรกในเอเชีย

เพราะล่าสุดทางกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ได้นำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นเว็บไซต์เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เป็นเวลา 15 วัน ควบคู่เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในต่างจังหวัดที่ จ.ขอนแก่น จ.เชียงใหม่ จ.สงขลา จ.พระนครศรีอยุธยา และ กทม. ช่วง 12-16 พ.ย.นี้ ก่อนสรุปเนื้อหานำเสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาในเดือน พ.ย.

สำหรับเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.การจดทะเบียนคู่ชีวิต มีทั้งสิ้น 70 มาตรา โดยระบุหลักการเหตุผลว่า ปัจจุบันกลุ่มบุคคลที่มีอัตลักษณ์ทางเพศ เพศสภาพ หรือมีการแสดงออกที่แตกต่างจากเพศโดยกำเนิด ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ได้ใช้ชีวิตร่วมกันดั่งครอบครัวทั่วไป แต่ไม่มีกฎหมายรองรับ สิทธิ์และหน้าที่ในการเป็นคู่ชีวิตเช่นเดียวกับคู่สมรส ซึ่งถือเป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม และขัดต่อหลักการที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ ตลอดจนหลักการสิทธิมนุษยชนสากลตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคี

ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ยังคงใช้คำว่าคู่ชีวิต เนื่องจากสถานภาพยังไม่ใช่คู่สมรส แต่ใกล้เคียงสถานภาพผู้จดทะเบียนสมรส โดยที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมได้ร่วมกับภาคประชาสังคมเสนอแนวคิด เทียบเคียงกับต่างประเทศ พร้อมแก้ไขปรับปรุง โดยสาระสำคัญยังเน้นการแก้ปัญหาให้กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศที่ต้องการสร้างครอบครัว และใช้สิทธิ์ในการอยู่ร่วมกันที่ควรจะเป็นในการช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและฐานะ รวมทั้งการระบุถึงทรัพย์สินที่ทั้ง 2 ฝ่ายสร้างมา หลังใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน และการจัดการมรดก หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิตลงไป

...

ส่วนผู้ทำหน้าที่นายทะเบียนจดทะเบียนคู่ชีวิต ให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการ เนื่องจากเป็นการจดทะเบียนครอบครัว หากกลุ่มคนหลากหลายทางเพศต้องการจดทะเบียนซึ่งทั้งสองต้องบรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย สามารถเดินทางมาแจ้งความประสงค์ได้ทุกอำเภอทั่วประเทศ ทุกเขตใน กทม. หนือกรณีอยู่ต่างประเทศสามารถทำไ้ด้โดยให้พนักงานทูต หรือกงสุลไทย เป็นนายทะเบียน เช่นเดียวกับการจดทะเบียนสมรสของคู่ชาย-หญิง ยกเว้นมีคู่สมรส หรือได้จดทะเบียนคู่ชีวิตอยู่ก่อนแล้ว รวมถึงบุคคลทั้งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์เป็นผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรม

ที่น่าสนใจกรณีคู่ชีวิตไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้โดยปกติสุข หรืออีกฝ่ายมีชู้ อาจร้องต่อศาลให้มีคำสั่งอนุญาตให้ต่างฝ่ายต่างอยู่ มีการกำหนดจำนวนค่าอุปการะเลี้ยงดูตามควร หรือแล้วแต่กรณี ซึ่งการจดทะเบียนคู่ชีวิตจะเป็นโมฆะ ต้องร้องขอให้ศาลพิพากษาเท่านั้น โดยทรัพย์สินที่ทำมาร่วมกันให้แบ่งคนละครึ่ง นอกจากนี้กรณีสมัครใจเลิกกันจากการเป็นคู่ชีวิตจะสมบูรณ์ต้องทำหนังสือ และมีพยานลงชื่ออย่างน้อยสองคนต่อหน้านายทะเบียน เป็นต้น