เสาร์พรุ่งนี้ 3 พฤศจิกายน เวลา 18.30-24.00 น. สมาคมนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง จัดงาน “ราตรีนิติศาสตร์ราม คืนประสาน ลานพ่อขุน” ศิษย์เก่าท่านใดจะร่วมงาน กรุณาโทร. 06-4508-8883 คุณยะห์ครับ

23 มกราคม 2558 กษัตริย์อับดุลลอฮ์ บิน อับดุลอาซิซ อัล ซาอูด สิ้นพระชนม์ ซาอุดีอาระเบียก็มีกษัตริย์พระองค์ใหม่คือ กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ อัล ซาอูด พระเชษฐาต่างพระมารดาของกษัตริย์พระองค์เดิม

ต้น พ.ศ.2558 มีการปลดเจ้าชายมุคริน บิน อับดุลอาซิซ บิน ซาอูด น้องชายต่างมารดาของกษัตริย์ออกจากตำแหน่งมกุฎราชกุมารและผู้สืบราชบัลลังก์ จากนั้นก็ตั้งเจ้าชายมูฮัมหมัด บิน นาเยฟ อายุ 55 ปี หลานชายเป็นมกุฎราชกุมาร และทรงตั้งพระโอรสของกษัตริย์ซัลมาน คือเจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน ที่มีอายุเพียง 29 ปี เป็นรองมกุฎราชกุมารและรัฐมนตรีกลาโหม

มิถุนายน 2559 กษัตริย์ซัลมานปลดหลานชายที่เป็นมกุฎราชกุมาร แล้วทรงตั้งพระโอรสคือเจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน เป็นมกุฎราชกุมารแทน ทั้งยังทรงให้ควบตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกลาโหม ทำให้เจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน เป็นมกุฎราชกุมารที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก

การแต่งตั้งเจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน เป็นมกุฎราชกุมารเป็นการแหวกประเพณีปฏิบัติในการสืบราชบัลลังก์ เพราะโดยปกติการสืบทอดบัลลังก์ของราชวงศ์ซาอูด จะเป็นการหมุนเวียนระหว่างพี่น้องต่างมารดา แต่มาคราวนี้ ประเพณีปฏิบัติถูกเปลี่ยนจากพี่น้องมาเป็นหลาน และในที่สุดก็เวียนมาจนถึงพระโอรส เรื่องนี้เป็นคลื่นใต้น้ำที่สร้างความไม่สงบภายในราชวงศ์ซาอูด

หลังจากเจ้าชายซัลมานเป็นกษัตริย์ กองทัพซาอุดีอาระเบียภายใต้การนำของเจ้าชายมูฮัมหมัด บิน ซัลมาน และพันธมิตรอีก 10 ประเทศก็โจมตีเยเมนรุนแรง สร้างความเสียหายให้อาคารสถานที่และชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก ซาอุดีอาระเบียหนุนกลุ่มติดอาวุธในซีเรียเพื่อให้ไปโค่นระบอบการปกครองของอัสซาด และซาอุดีอาระเบียทำทุกวิถีทางที่จะลดอิทธิพลของอิหร่าน

...

ซาอุดีอาระเบียเป็นพี่ใหญ่ในตะวันออกกลางและเป็นประเทศที่มีความสำคัญต่อโลก เราละเลยที่จะไม่ศึกษาความเป็นไปของซาอุดีอาระเบียไม่ได้ ก่อนหน้ารัชสมัยของกษัตริย์ซัลมาน ผู้อ่านท่านจะเห็นว่าซาอุดีอาระเบียชอบอยู่ข้างหลัง ไม่ออกมาปะทะข้างหน้า แต่หลังจากที่มีรัฐมนตรีกลาโหมเป็นเจ้าชายหนุ่ม ซาอุดีอาระเบียกลายเป็นประเทศที่เปิดหน้าออกมาเล่นในทุกเรื่อง

คนที่วิเคราะห์นโยบายของซาอุดีอาระเบียได้ดีที่สุดในโลกชื่อจามาล คาซ็อกกี สื่อมวลชนที่ลี้ภัยไปอยู่สหรัฐอเมริกา แต่ก็มาถูกฆ่าที่สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในตุรกี คาซ็อกกีเรียกนโยบายต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงของซาอุดีอาระเบียภายใต้การปกครองของกษัตริย์ซัลมานว่า “หลักการซัลมาน” ที่เน้นการพึ่งพาตนเองในภูมิภาค ไม่ง้อหรือรอความช่วยเหลือจากสหรัฐฯเหมือนก่อน ซาอุดีอาระเบียต้องการรวบรวมพี่น้องอาหรับและโลกมุสลิมเพื่อต่อสู้และช่วยเหลือกันเอง

ที่ซาอุดีอาระเบียหันมาพึ่งตนเองมากกว่าสหรัฐฯ ผมว่ามาจากหลายประเด็นครับ ประเด็นแรกเลย สหรัฐฯยังผูกพันมั่นคงกับอิสราเอลซึ่งเป็นศัตรูถาวรของโลกอาหรับ ประเด็นที่สอง สหรัฐฯเริ่มเล่นซาอุดีอาระเบียเรื่องสิทธิมนุษยชน เดิมสหรัฐฯถือว่าซาอุดีอาระเบียให้ประโยชน์กับสหรัฐฯด้านน้ำมันและซื้ออาวุธสหรัฐฯ สหรัฐฯ ก็จึงเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่เคยตำหนิซาอุดีอาระเบียเรื่องของสิทธิมนุษยชน

พ.ศ.2559 เมื่อซาอุดีอาระเบียประหารชีวิตหมู่ โดยเฉพาะประหารนายนิมร์ อัล นิมร์ นักวิชาการและผู้นำทางจิตวิญญาณของชีอะห์ในซาอุดีอาระเบีย สหรัฐฯก็มาแปลก บอกว่าซาอุดีอาระเบียละเมิดสิทธิมนุษยชน ซาอุดีอาระเบียจึงโต้ว่า อ้า คุณพูดอย่างนี้ก็สวยนะซี ซาอุดีอาระเบียอาจจะต้องทบทวนความสัมพันธ์กับคุณ

แต่สหรัฐฯก็ไม่เงียบ ยังบอกว่ารัฐบาลซาอุดีอาระเบียใช้ความแตกต่างทางเพศเลือกปฏิบัติ ผู้หญิงถูกปฏิบัติและได้รับสิทธิต่างๆ ด้อยกว่าผู้ชาย ผู้หญิงถูกกีดกันการใช้ชีวิตในสาธารณะ และผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองน้อยและมีจำนวนที่เพิ่มขึ้นช้ามาก

วันหน้ามาคุยกันต่อ ว่าซาอุดีอาระเบียโต้สหรัฐฯยังไงครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย