แนะนำร้านดังของพะเยา ลาบลุงแสง ต้นตำรับ “ขุนพลลาบเมืองเจียงคำ” ตำนานเขียงบินสะท้านยุทธภพ ดังไกลข้ามไปถึง สปป.ลาว ตัวจริงเรื่องลาบ ไม่จองโต๊ะอดรับประทาน ทำรายได้ 15,000 – 20,000 บาทต่อวัน...

เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2561 ผู้สื่อข่าวบุกพิสูจน์คำร่ำลือการกล่าวขานจากนักชิม ลาบเมืองเหนือ ว่า ร้านลาบลุงแสง บ้านเลขที่ 195 บ.ดอนไชย ม.5 ต.หย่วน อ.เชียงคำ จ.พะเยา ซึ่งเป็นร้านลาบในตำนานชื่อดังของชาวเชียงคำและชาว สปป.ลาว ที่ผ่านเชียงคำเป็นต้องแวะชิม

นายแสง วงศ์ใหญ่ อายุ 61 ปี ขุนพลลาบเมืองเจียงคำ เจ้าของตำนานเขียงบินสะท้านยุทธภพ เปิดเผยว่า ตนเองและภรรยา มาเปิดร้านที่เชียงคำ ตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 12 ปีมาแล้ว ในตอนเริ่มเปิดร้านใหม่ๆ ในช่วง 3 เดือนแรกนั้น แทบจะไม่มีลูกค้ามาใช้บริการเลย บางวันถึงกับนั่งตบยุงตีแมลงวันกันเลยทีเดียว แต่ด้วยความมานะอดทนและเชื่อมั่นในฝีมือการทำลาบของตนเอง ลูกค้าที่เข้ามารับประทานต่างก็ชื่นชมและบอกกันปากต่อปาก ว่า ลาบที่ทำอร่อยเด็ดจริงๆ ไม่เคยทานลาบขมที่ไหนอร่อยเท่านี้มาก่อน พอเข้าเดือนที่ 4 ลูกค้าก็พากันเข้าร้านจนขายแทบไม่ทัน บางวันเที่ยงกว่าๆ อาหารที่เตรียมไว้ก็จำหน่ายจนหมด ลูกค้าที่มาสายหรือไม่ได้จองไว้ต้องหิ้วท้องกลับบ้านกันเลยทีเดียว 

...

เจ้าของลาบลุงแสง กล่าวต่อว่า ได้มีคนมาขอสูตรเพื่อจะนำไปเปิดร้าน ลาบขม เหมือนลุงแสง ตนก็แบ่งปันสูตรลาบให้ไปโดยไม่คิดปิดบังและไม่ได้ขอเงินค่าสูตร เพราะลุงถือว่า การให้เขามีอาชีพและเลี้ยงครอบครัวได้เราก็ได้บุญและเป็นสุขด้วย อีกอย่างร้านของลุงแสงเองก็ไม่สามารถที่จะรองรับลูกค้าจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามา เนื่องจากจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

และจากสูตรลาบขม ที่ให้ไปกับคนที่มาขอทั้ง 2 ราย จึงทำให้เกิดมีชื่อเสียง เล่าขาน ว่าเป็น “3 ขุนพลลาบเมือง เจียงคำ ตำนานเขียงบินสะท้านยุทธภพ” คือ ร้านลาบลุงแสง (บ้านดอนไชย) ร้านลาบลุงรบ (บ้านพระนั่งดิน) ร้านโมโยลื้อลุงบุญธรรม (บ้านธาตุ) ทั้ง 3 ร้านนี้ ถ้าใครที่ผ่านไปมาในอำเภอเชียงคำ ต้องมารับประทาน ลาบขม ร้านใดร้านหนึ่งให้ได้ จนเป็น “ร้านต้องห้ามพลาด” เมื่อมาเยือนถิ่นอำเภอเชียงคำ ลูกค้าที่แวะเวียนมารับประทาน มีทั้งคนในและนอกพื้นที่ ต่างอำเภอต่างจังหวัด แม้แต่พี่น้องแขวงไซยะบุรี สปป.ลาว เมื่อเข้ามาทำธุระในอำเภอเชียงคำก็จะมาทานลาบขมลุงแสงเป็นประจำทุกครั้งไม่พลาดเลย เพราะรสชาติที่อร่อยแตกต่างจากที่อื่นนั่นเอง 

ลุงแสง กล่าวถึงวัตถุดิบที่ต้องเตรียมทุกๆ วัน คือ “เนื้อควาย” เท่านั้น (เนื้อวัว จะมีกลิ่นเหม็นสาบแรง) พร้อมเลือดและเครื่องในสดๆ จากเขียงเนื้อในตลาดเจ้าประจำ วันละ 10 กิโลกรัม เพื่อทำลาบขม, ส้าขม (เนื้อซอยหนาสดๆ ปรุงดิบกับพริกลาบ) ส่วนที่นำมาทำ ต้มขม จิ้นนึ่ง ปิ้ง ลวก ย่าง ก็ซื้อเพิ่มอีก 10-20 กิโลกรัม โดยจะจำหน่ายหมด ทุกวัน ตนจะไม่นำเอาเนื้อเก่าที่ค้างข้ามวันข้ามคืนมาประกอบอาหารอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้เสียรสชาติ ไม่อร่อย และเน้นความสะอาดเป็นหลักด้วย

...

เจ้าของลาบลุงแสง กล่าวอีกว่า ส่วนพริกลาบ ก็คั่วตำเอง โดยมีส่วนผสม หลักๆ คือ พริกแห้ง ดีปลี มะแขว่น กระเทียม กระวาน นำมาโขลกรวมกันแล้วเอาไปคั่วไฟอ่อนจนหอมเตะจมูก ส่วน เพลี้ยอ่อน (ขี้อ่อนควาย) ก็นำมาต้ม จะได้รสชาติของความขมปนหวาน เป็นที่มาของความขมของ ลาบขม ส้าขม ต้มขม และใส่เฉพาะอาหารที่เป็นชุดของเนื้อควายเท่านั้น เนื้อหมูไม่นิยมใส่เพราะรสชาติไม่เข้ากัน 

ส่วนเมนูยอดนิยมที่ลูกค้าที่มักจะสั่งรับประทานกันเป็นลำดับแรก คือ ลาบขมกับต้มขม 2 อย่างนี้จะขายดีมาก และมักจะหมดก่อนเมนูอย่างอื่น เช่น ลาบหมูดิบ/คั่ว, ต้มแซ่บ, นึ่ง ย่าง ยำเปื่อย, เครื่องในลวก, แหนมซี่โครง จะหมดตามทีหลัง และมักจะเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวร้อนๆ ทานคู่กันกับผักสดๆ ใหม่ๆ ก็จัดเต็มให้ เติมได้ไม่อั้น ราคาที่ทางร้านจำหน่าย ทุกเมนู เป็นราคาเดียว 60 บาท ปริมาณที่ให้ก็เต็มที่จนล้นจาน รสชาติก็เกินคำบรรยาย

ลุงแสง กล่าวถึงเคล็ดลับและสูตรลับความอร่อยว่า ร้านลาบขมที่ใช้พริกลาบเหมือนกัน แต่ทำออกมารสชาติอร่อยไม่เหมือนกัน เคล็ดลับอยู่ที่ “การคน” ต้องคลุกเคล้าจนเหนียวนวลเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน การทำลาบขมนั้นต้องใช้ฝีมือและประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน แม้สูตรที่ลุงแสงให้ไปโดยไม่ปิดบังนั้น อาจทำออกมาได้รสชาติไม่เหมือนต้นตำรับฝีมือของลุงแสงเองได้ จนใครๆ ต้องมาทานที่ร้าน ลาบลุงแสงเอง ส่วนรายได้ที่จำหน่ายอาหารในแต่ละวัน ประมาณวันละ 15,000 – 20,000 บาท ซึ่งสามารถสร้างรายได้เป็นค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวและจ้างงานเหล่าพนักงานเสิร์ฟอีก 3 คน

...

ด้าน นายสุก จันทะวง อายุ 34 ปี ชาวบ้านกูก เมืองเชียงฮ่อน แขวงไซยะบุรี สปป.ลาว อาชีพค้าขาย มาพร้อมกับเพื่อนๆ กล่าวว่า ตนเองจะเข้ามาซื้อสินค้าจากประเทศไทยแล้วนำไปขายที่ สปป.ลาว ทุกอาทิตย์ ทุกๆ ครั้งที่ได้มาก็จะแวะมาทาน ลาบขม ต้มขม ร้านลาบลุงแสง เดือนละประมาณ 4-5 ครั้ง และพี่น้องทางฝั่ง สปป.ลาว ก็ได้ยินกิตติศัพท์ความอร่อยของ ลาบลุงแสง จนต้องมาลองรับประทานให้ได้และก็ติดอกติดใจกันทุกคน วันนี้ตนรับประทานอิ่มแล้วยังไม่พอ ต้องขอซื้อ ลาบขมกับต้มขม ไปเป็นของฝากให้กับครอบครัวที่ สปป.ลาว ด้วย

ขณะที่ นายโกวิทย์ ไชยเมือง และนายสุรพรรณ แสนคำปา ชาววิถีไบเกอร์อำเภอเชียงคำ ที่โทรสั่งจองลาบลุงแสงไว้ก่อนหน้า เผยว่า ตนเองมักจะพาครอบครัวและเพื่อนๆ มารับประทาน ลาบขมลุงแสง จนเป็นลูกค้าเจ้าประจำ เพราะติดใจในรสชาติ ที่หาทานที่ไหนก็ไม่เหมือนลุงแสงทำ ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งลาบขมเมืองเหนือ เลยทีเดียว

สำหรับท่านที่จะมารับประทาน ลาบขม ร้านลุงแสง เปิดเวลา 08.00 น. – 17.00 น. หยุดทุกๆ วันพระ เพราะว่าต้องใช้เนื้อสดๆ มาทำ แต่ถ้าเป็นวันพระ จะไม่มีการฆ่าสัตว์ ส่วนวันอื่นร้านเปิดตามปกติ สามารถสำรองที่นั่งได้ ร้านลาบลุงแสง โทร. 087-183-6805.

...