สืบท่าข้าม ตามรวบเฒ่าหื่นวัย 74 อารมณ์เปลี่ยวลวงขืนใจเด็กหญิง 9 ขวบ อ้างเด็กมาขอตังค์ 30 บาท เป็นค่ารถกลับบ้านที่ จ.สมุทรสาคร เสียงแข็งไม่ได้ทำอะไรจริงๆ แถมตัดพ้อแค่สงสารให้เงิน กลับโดนจับ
วันที่ 2 ต.ค.61 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รรท.ผบช.น.ได้รับรายงานผลการจับกุมคดีน่าสนใจจาก พล.ต.ต.กัมปนาท โสภโณดร ผบก.น.9 กรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม จับกุมตัว นายนพสิทธิ์ โชติภัทร์ณัฐวี อายุ 74 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14 ซอยจันทน์ 29 แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กทม.ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 658/2561 ลงวันที่ 26 ก.ย.61 ข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปีโดยเด็กหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารและพาเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร โดยจับกุมตัวได้ที่ห้องพักเลขที่ 112 ชั้น 1 ทรัพย์มณีอนันต์อพาร์ทเม้นท์ ถนนพระราม 2 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กทม.
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเย็นวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้ปกครองของ ด.ญ.แอน (นามสมมุติ) อายุ 9 ปี นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ได้พาตัว ด.ญ.แอน เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายนพสิทธิ์ โชติภัทร์ณัฐวี อายุ 74 ปี ผู้ต้องหารายนี้ในข้อหาล่อลวง ด.ญ.แอน วัยเพียง 9 ขวบไปเพื่อกระทำชำเราในห้องพัก โดยพฤติการณ์ก่อนหน้านี้ทางครอบครัวของ ด.ญ.แอน เคยเช่าห้องอยู่ในอพาร์ทเม้นท์เดียวกันกับ นายนพสิทธิ์ ผู้ต้องหา และมีเหตุจำเป็นให้ต้องย้ายที่อยู่ใหม่ไปในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร แต่ ด.ญ.แอน ก็ยังต้องเดินทางมาที่ละแวกที่เกิดเหตุ เนื่องจากพ่อและแม่ยังทำงานอยู่ไม่ไกลจากอพาร์ทเม้นท์เดิมที่ครอบครัวเคยเช่าอาศัยอยู่
...
โดยในห้วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นพ่อกับแม่ของเหยื่อกำลังทำงาน จึงปล่อยให้ ด.ญ.แอน วิ่งเล่นอยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ ในละแวกที่พักเก่า จากนั้น นายนพสิทธิ์ ได้ล่อลวงชักชวน ด.ญ.แอน เข้าไปเล่นในห้องก่อนกระทำอนาจารและลงมือกระทำชำเรา ด.ญ.แอน จนสำเร็จความใคร่ และให้เงินมา จำนวน 30 บาท ทำให้เหยื่อนำความมาฟ้องพ่อกับแม่ และตัดสินใจเดินทางเข้าพบตำรวจ โดยหลังจากที่พนักงานสอบสวนรับแจ้งความเป็นที่เรียบร้อยจึงได้ส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ ก่อนประสานสหวิชาชีพเข้าร่วมสอบปากคำ และให้ ด.ญ.แอน ชี้ยืนยันภาพถ่ายของ นายนพสิทธิ์ เพื่อขออนุมัติหมายศาลให้ตำรวจเดินทางไปจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ในที่สุด
จากการสอบสวน นายนพสิทธิ์ ให้การอ้างว่า ปัจจุบันพักอาศัยเพียงลำพังภรรยาและลูกก็มีแต่แยกย้ายกันอยู่คนละทิศคนละทาง อดีตตนเคยทำงานเป็นพนักงานโรงพิมพ์เอกชนแห่งหนึ่ง ตอนนี้เกษียณอายุออกมารักษาตัวหลังป่วยเป็นโรคหัวใจและโรคความดัน อีกทั้งเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดโรคไส้เลื่อน และโรคต้อกระจก ที่ รพ.เลิดสิน มาได้ไม่นาน อย่างไรก็ตามตนขอยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับ และยอมรับว่าเด็กได้เข้าไปในห้องตนจริง เพื่อขอเงิน จำนวน 30 บาท จากตนเป็นค่ารถกลับบ้านที่ จ.สมุทรสาคร แต่ไม่ได้กระทำชำเราเด็ก ซึ่งตนก็ไม่คิดว่าการให้เงินเด็กไปจะทำให้ตัวเองถูกแจ้งความจับกุมดำเนินคดี
เบื้องต้นชุดจับกุมจึงแจ้งข้อหา กระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปีโดยเด็กหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและพรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจารและพาเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร ตามที่ศาลอนุมัติหมายจับ แก่ นายนพสิทธิ์ ผู้ต้องหารายนี้ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย ซี่งหลังถูกจับกุมก็ยังไม่มีญาติเดินทางมาเยี่ยมเยียนหรือขอประกันตัว นายนพสิทธิ์ แต่อย่างใด.