เป็นเครือญาติกันแท้ๆ! ล่อลวงหลานสาว ป.4 วัย 9 ขวบ ขืนใจนาน 4 เดือน ซ้ำขู่เด็กห้ามบอกใครไม่งั้นจะทำร้าย สุดท้ายความแตก ไว้ว่าจะทำร้าย สุดท้ายหนีหาย ถูกตำรวจจับได้
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) หลังเสร็จสิ้นพิธีส่งมอบตำแหน่ง ผบช.น. พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รรท.ผบช.น.ซึ่งเข้าทำงานวันแรกได้รับรายงานผลการจับกุมคดีน่าสนใจจาก พล.ต.ต.กัมปนาท โสภโณดร ผบก.น.9 กรณีเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้าม จับกุมตัว นายสุนัย หรือเขียด ปัจชะ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 3 ต.หนองเลิง อ.เมือง จ.บึงกาฬ ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ที่ 659/2561 ลงวันที่ 26 ก.ย.61 ข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบสามปีโดยเด็กหญิงนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ซึ่งชุดจับกุมสามารถตามไปรวบตัวได้ที่ชั้นล่างตึก 11 แฟลตเคหะร่มเกล้า ถนนชุมชนเคหะร่มเกล้า แขวงคลองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กทม.
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อช่วงปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา มีสามีภรรยาอาชีพคนงานก่อสร้างได้พาตัว ด.ญ.แจ๋น (นามสมมุติ) อายุ 9 ปี บุตรสาว นักเรียนชั้น ป.4 โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งย่านพระราม 2 เดินทางเข้าร้องทุกข์กับ พนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ว่า ด.ญ.แจ๋น ถูก นายสุนัย ผู้ต้องหารายนี้ซึ่งมีศักดิ์เป็นเครือญาติเพราะอาศัยอยู่ภูมิลำเนาหมู่บ้านเดียวกัน ล่อลวงไปข่มขืนกระทำชำเราหลายครั้ง ตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย.- ก.ค.ที่ผ่านมา เหตุเกิดในห้องพักคนงานก่อสร้างในซอยอนามัยงามเจริญ แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กทม.โดยทีแรก ด.ญ.แจ๋น ไม่ยอมบอกกล่าวให้ผู้ปกครองทราบเนื่องจากกลัวผู้ต้องหาที่ขู่ไว้ว่าจะทำร้าย
...
กระทั่งเจ้าตัวมีอาการปวดท้องประกอบกับมีเลือดไหลจากทางช่องคลอดเพราะอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื่องทั้งหมดจึงแดงขึ้น เมื่อพ่อกับแม่พา ด.ญ.แจ๋น ไปพบหมอก่อนตัดสินใจพาลูกสาวเข้าแจ้งความกับตำรวจโดยระหว่างที่ผู้ปกครองตัดสินใจพา ด.ญ.แจ๋น เข้าพบตำรวจนั้นปรากฏ ว่า นายสุนัย ไหวตัวทันหลบหนีออกจากแคมป์คนงานก่อสร้างไป เจ้าหน้าที่จึงส่งตัว ด.ญ.แจ๋น ไปตรวจสภาพร่างกายที่ รพ.ตำรวจ
พบการตรวจมีร่องรอยการถูกล่วงละเมิดทางเพศจริง และทำการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของผู้ต้องหาเอาไว้ จากนั้นประสานเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพเข้าทำการสอบปากคำเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายรายนี้เพื่อขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับ ก่อนที่ ฝ่ายสืบสวน สน.ท่าข้ามจะติดตามไปจับกุมตัว นายสุนัย เอาไว้ได้ขณะหลบหนีไปกบดานที่แฟลตเคหะร่มเกล้า
จากการสอบปากคำ นายสุนัย ให้การอ้างว่า ที่ต้องหลบหนีออกจากแคมป์พักคนงานเพราะถูกญาติพี่น้องกับเพื่อนร่วมงานในขณะนั้นกลั่นแกล้ง กล่าวหาว่าตัวเองไปมีอะไรกับ ด.ญ.แจ๋น ตนทนความกดดันจากคนรอบข้างไม่ไหวจึงเก็บเสื้อผ้าเดินทางไปพักกับคนรู้จักที่แฟลตเคหะร่มเกล้า และหางานใหม่ทำเป็นคนขับรถส่งนมโรงเรียน ของบริษัทที่รับงานจากโครงการของรัฐบาลได้เพียงไม่ถึง 1 เดือน กระทั่งโดนตำรวจตามมาจับกุมตัวได้ในที่สุด
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไม่เชื่อคำให้การผู้ต้องหา เนื่องจาก ด.ญ.แจ๋น ให้การยืนยันในห้วงเวลาที่เกิดเหตุ 3-4 เดือนนั้นถูก นายสุนัย ล่อลวงไปข่มขืนในห้องพักแคมป์คนงานจริงเกินกว่า 10 ครั้งจนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้ง ด.ญ.แจ๋น ยังเป็นผู้ชี้ภาพถ่ายยืนยันตัวผู้ต้องหาได้อย่างชัดเจน จึงคุมตัว นายสุนัย ส่งให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาธนบุรีต่อไป.