“หมดเวลาสำหรับสารเคมีสารพิษฆ่าหญ้าฆ่าแมลงเกิดมะเร็ง...ศาลสหรัฐฯสั่งมอนซาโต้ชดใช้ 289,000,000 เหรียญ ให้คนป่วยที่ได้รับเคราะห์เป็นมะเร็งทั่วตัว ...รอจ่ออีกเป็น 1,000 ราย ในประเทศไทย ตัดขา แขน ตายเป็นร้อย มาหลายปี...ลุกขึ้นมาครับ เรียกร้องความยุติธรรม”
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เปิดประเด็นตอกย้ำความจริงต่อไปอีกว่า ก่อนหน้าที่จะมีคำตัดสินชดใช้นี้ ศาลสั่งให้หน่วยงาน ปกป้องสิ่งแวดล้อม (EPA) ของสหรัฐฯ ยุติการอนุญาตการใช้สารคลอร์ไพริฟอส
ขณะที่...ประเทศไทยใช้กันต่อไป...คณะกรรมการวัตถุอันตรายบอกหลักฐานไม่ชัดมีอันตราย...กรรมของสังคมไทย? โดยเฉพาะกรณีพิจารณาล่าสุด 3 สารเคมี พาราควอต, คลอร์ไพริฟอส, ไกลโฟเสต
“ความจริงทางวิทยาศาสตร์กรณีนี้เป็นการพิจารณาโดยใช้หลักฐานเรื่องผลการศึกษาสมองเด็กที่ตอนอยู่ในท้องแม่ที่ได้รับสารเคมีในระดับต่างๆกันโดยใช้คอมพิวเตอร์สนามแม่เหล็กไฟฟ้า
และ...คำแถลงของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย คือเชื่อว่าคลอร์ไพริฟอส แม้ในระดับที่ต่ำกว่า EPA กำหนด และแม้จะจำกัดการใช้ในบ้าน ยังมีโอกาสได้จากการหายใจ น้ำ พืช ผัก อาหาร และก็เป็นความจริง”
ประเด็นเรื่อง “อาหารปลอดภัย” เป็นเรื่องสำคัญในการปฏิรูประบบสาธารณสุขของประเทศอยู่ในกรอบของการคุ้มครองผู้บริโภคและประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 6 เมษายน 2561
ถือว่า...ต้องปฏิบัติซึ่งอยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ และอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ย้ำว่า ร่างพระราชบัญญัติเกษตรยั่งยืน โดยปลอดสารเคมีและทำให้ประชาชนปลอดภัย เป็นเครื่องแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะเลิกการใช้สารเคมีที่มีพิษต่อคนไทย ทั้งโดยการสัมผัสในพื้นที่และที่ได้จากผัก ผลไม้ และ...อาหารอื่นๆ
...
“ความพยายามใดๆ ที่จะต่อต้านการปฏิรูปประเทศ ในเรื่องของอาหารปลอดภัยเป็นเรื่องประหลาด แทนที่จะช่วยกันให้ความรู้...ส่งเสริมการนำวิธีการต่างๆของการพลิกพื้นดิน นำเกษตรอินทรีย์มาใช้ ซึ่งขณะนี้มีวิธีประหยัดและสามารถทำได้โดยผลผลิตไม่ได้ลดลง”
ควรจะร่วมแสดงความ “ตั้งใจ” และมี “ความประสงค์ดี” ต่อคนไทยทั้งหมดด้วยกัน
เรื่องเล่าปากต่อปากจากวงสนทนาศิษย์เก่าสถาบันเก่าแก่แห่งหนึ่ง ที่ขอ...อย่าให้เป็นความจริงเกี่ยวกับทีมงานคุณภาพคุมวัตถุอันตราย ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจสารเคมีเกษตร ที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง
โดยเฉพาะเมื่อสมาชิกทีมงานคุณภาพเหล่านี้ที่แสดงพลังอภินิหาร “ตบหน้า” กระทรวงสาธารณสุข ด้วยการ “ไม่แบนพาราควอต” ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
เล่าลือกันว่า...เบื้องหลังไม่แบน “พาราควอต” และ “คลอร์ไพริฟอส” สืบเนื่องมาจากทีมงานคุณภาพ 3 คนด้วยกัน คนหนึ่ง...เป็นอดีตข้าราชการกินเงินเดือนภาษีประชาชนมาจนกระทั่งเกษียณแล้วก็ผกผันตัวไปอยู่กับสมาคมหนึ่งที่บังเอิญมีป๋าดันเป็นบริษัทสารเคมีการเกษตรยักษ์ใหญ่ในวงการ
คนต่อมา...ว่ากันว่าเป็นถึงอดีตผู้อำนวยการสำนักแห่งหนึ่ง แล้วก็มาทำงานให้กับห้างร้าน บริษัทธุรกิจเคมีผู้มีเงินถุงเงินถังประหนึ่งมีพลังผลักดันพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้ดั่งใจราวกับกดไลค์...กดแชร์เฟซบุ๊ก ไม่ต่างกับทีมงานคุณภาพคนสุดท้ายที่มีโปรไฟล์อยู่ใต้ร่มเงาธุรกิจยาบริษัทฆ่าแมลงผู้กว้างขวางด้วยเหมือนกัน
เสียงลือเสียงเล่าอ้างดังกระเพื่อม...บอกด้วยว่าบุคคลเหล่านี้ได้ตั้งอนุกรรมการเฉพาะกิจฯ ขึ้นมาเพื่อชงเรื่องให้กรรมการวัตถุอันตรายพิจารณา
“อนุฯที่ตั้งขึ้นมานั้นมาจากตัวแทนกระทรวงเกษตร อดีตข้าราชการกรมวิชาการเกษตรซึ่งสนับสนุนให้มีการใช้พาราควอตและคลอร์ไพริฟอสทั้งสิ้น อนุกรรมการที่เหลือก็มาจากพวกที่ใกล้ชิดกันเป็นส่วนใหญ่...เรื่องเล่าที่ว่าเท็จจริงแค่ไหน? อย่างไร? ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองควรเร่งตรวจสอบไขความกระจ่าง”
ขีดเส้นใต้ตัวหน้าพุ่งเป้าไปที่ประเด็นสำคัญ...มีความพยายามชงเรื่องให้มีการใช้พาราควอตต่อไปในรูปแบบจำกัดการใช้ ซึ่งในทางปฏิบัติเป็นไปไม่ได้ โดยไม่สนใจ “ข้อมูล” และ “หลักฐาน” ของกระทรวงสาธารณสุข และนักวิชาการอิสระเลย
จนนักวิชาการอิสระ เช่น สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ จุฬาฯ มหิดล ม.นเรศวร ทนไม่ไหว...ออกมาจัดเวทีเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ยืนยันว่า...ต้องแบนพาราควอต คลอร์ไพริฟอส พร้อมข้อมูลหนักแน่นทั้งต่างประเทศและงานวิจัยของนักวิชาการอิสระเหล่านี้ในประเทศไทยเอง
ขุมพลังทีมงานคุณภาพยังไม่หมดแค่นี้ ย้อนไปก่อนหน้านี้คนหนึ่งในนั้นยังมีความเกี่ยวข้องกับการออกประกาศสมุนไพร 13 ชนิด...เป็นวัตถุอันตรายอีกต่างหาก น่าแปลกใจทำไมต้องเป็นเช่นนั้น ขณะที่สารเคมี อันตรายอย่างพาราควอตกลับต้องการให้ใช้ต่อไปได้? พลังอันเรืองอำนาจยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ สองหัวดีกว่าหัวเดียวใน 3 ทีมงานคุณภาพก็ยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังผลักดันกฎหมายคุ้มครองพันธุ์พืชตาม UPOV1991 ซึ่งเป็นกฎหมายที่บริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติต้องการ
ร่าง พ.ร.บ.นี้ถูกต่อต้านอย่างหนัก จนพลเอกฉัตรชัยต้องสั่งชะลอ ด้วยเป็นการเปิดช่องให้ประกาศห้ามเกษตรกรเก็บพันธุ์ไปปลูกต่อ ใครฝ่าฝืนก็มีโทษถึงจำคุก
“เขาอ้างว่า...ต้องการส่งเสริมให้เกิดการวิจัยพันธุ์พืชใหม่ๆ แต่...ไม่คิดถึงหัวอกเกษตรกรรายย่อยเลย”
มหากาพย์เรื่องเล่าทั้งหมดนี้ อย่างที่เกริ่นกล่าวไว้ในช่วงแรก ว่าขอ...อย่าให้เป็นความจริง ถ้าเป็นจริงก็หมายความว่า คนเหล่านี้ตอนรับราชการก็เอื้ออำนวยประโยชน์ให้บริษัทสารเคมีและพันธุ์พืชของบริษัทธุรกิจข้ามชาติ...บริษัทยักษ์ใหญ่การเกษตรหรือไม่?
และเมื่อเกษียณราชการไปแล้วก็ยังได้รับการตอบแทนให้ทำงานกับเครือข่ายบริษัทเหล่านี้ แทรกอยู่ในกลไกต่างๆของรัฐ เช่น กรรมการวัตถุอันตรายด้วยหรือเปล่า? ภาพเป็นจริงที่มองเห็น...รู้กันในแวดวง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ ย้ำว่า กองเชียร์ให้ใช้พาราควอตต่อ ส่วนใหญ่ก็สัมพันธ์มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับบริษัทเหล่านี้ทั้งสิ้น
...
“เราจะเดินหน้าเปิดเผยความอัปลักษณ์ในนโยบายการจัดการสารเคมีกำจัดศัตรูพืชต่อไปจนกว่าจะมียกเลิกสารพิษร้ายแรงที่ประเทศผู้ผลิตเองก็ไม่ยินยอมให้ใช้ในประเทศของตน...ช่วยกันเผยแพร่ บอกต่อความเป็นจริงนี้ เพื่อประชาชนจะลุกขึ้นมาสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น”
ทำให้กลไกการบริหารของรัฐได้ทำหน้าที่อย่างที่สมควรกระทำ...การใช้อำนาจทางศาลแบบเดียวกับที่ประชาชนอเมริกันต่อสู้กับบริษัทสารพิษและรัฐบาลของพวกเขาจนได้รับชัยชนะ...การร่วมกันบอยคอตสินค้าและบริการจากกลุ่มบุคคล...บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการค้าสารพิษร้ายแรง
แก้กฎหมายไม่ให้บรรษัทสารพิษและองค์กรที่ไม่คำนึงถึงสุขภาพและการพัฒนาที่ยั่งยืนมีบทบาทกำกับกฎหมายดังที่เป็นอยู่...อย่าปล่อยให้คนเหล่านี้กลับมามีอำนาจอีก
ร่วมด้วยช่วยกัน บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ใคร? เป็นใครบ้าง...ที่เห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม ลงมติอัปยศ “ไม่แบน” สารพิษร้ายแรง...ตีตรวน “แผ่นดินอาบพิษ”.