วอนสังคมอย่าด่าลามปามไปถึงพ่อถึงแม่ หนุ่มตีหัวนักท่องเที่ยวสาวฝรั่ง ขอโทษสังคม ขณะที่ตำรวจแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนสาวฝรั่งบินไปดูไบแล้ว
จากเหตุการณ์ชาวไทยใช้ขวดเครื่องดื่มตีหัวนักท่องเที่ยวสาวต่างชาติ บนเกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ในคืนฟูลมูนปาร์ตี้ ต่อมามีผู้นำคลิปภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแชร์ในเฟซบุ๊กตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ (อ่านข่าวทั้งหมด คลิกที่นี่)
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ส.ค.61 พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี เรียกประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้สั่งให้พ.ต.ท.สมศักดิ์ หนูรอด รอง ผกก.(สอบสวน) รักษาการ ผกก.สภ.เกาะพะงัน เก็บหลักฐานในวันเกิดเหตุ รวมถึงติดตามตัวผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน มาสอบปากคำ และตรวจสอบว่านักท่องเที่ยวไปทำแผลที่โรงพยาบาลไหน ให้นำรายงานชันสูตรบาดแผลของทางโรงพยาบาลมาประกอบสำนวนไว้
ทั้งนี้ นายจักรกฤษ จันตสอน อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย ที่เป็นคนลงมือใช้ขวดตีหัวนักท่องเที่ยว และ นายปิติภัทร สังฆะหะ อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดพัทลุง คนที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับนักท่องเที่ยว โดยทั้งคู่ทำงานเป็นพนักงานร้านขายยา ที่เกิดเหตุ เข้ามาสอบปากคำ ซึ่งพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ดำเนินคดีกับทั้งคู่
ส่วน นักท่องเที่ยวสาวชาวโปรตุเกส คนที่ถูกตีหัว ตำรวจตรวจสอบแล้วพบว่า เดินทางออกจากเกาะพะงัน ไปขึ้นเครื่องบินที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อเดินทางต่อไปยังประเทศดูไบ ตั้งแต่คืนวันที่ 27 ส.ค.61 ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้แจ้งความไว้ที่ สภ.เกาะพะงัน
...
นายจักรกฤษ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คนได้ซื้ออาหารมานั่งกินอยู่หน้าร้าน ซึ่งร้านขายยาของเราต้องคอยรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บในคืนฟูลมูนเข้าร้าน เลยไปพูดคุยกับนักท่องเที่ยวทั้ง 2 คน ถึง 3 ครั้งว่า ขอให้ออกจากหน้าร้าน แต่ทั้ง 2 คน ไม่ยอมออก
ทั้งนี้ พอครั้งสุดท้าย ก็บอกว่าถ้าไม่ออกจะสาดน้ำใส่ นักท่องเที่ยวคนเสื้อขาวเลยเดินเข้ามาจะบีบคอจะทำร้ายนายปิติภัทร จึงเกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น เจ้าตัวยอมรับว่าทำเกินกว่าเหตุจริง แต่เป็นเพราะสถานการณ์ตอนนั้นระงับอารมณ์ไม่อยู่
"ฝากขอโทษสังคม และขอโทษชาวเกาะพะงัน ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง และยอมรับความผิดในส่วนที่ลงมือตีหัว ซึ่งถ้าสังคมได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งแต่เริ่ม ก็จะรู้ว่าชาวต่างชาติทั้ง 2 คน มีพฤติกรรมอย่างไร"
นอกจากนี้ อยากให้ผู้คนที่คอมเมนต์ทางโซเชียล ต่อว่ามาที่ตนคนเดียว อย่าต่อว่าไปถึงพ่อแม่ครอบครัว ที่ผ่านมาตนทำงานอยู่ที่ร้านมา 5 ปี ยังไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะโดยปกติก็เป็นคนไม่วู่วามอยู่แล้ว.