ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์

คาดใช้งบฯกว่า 1,000 ล้านบาท เสมา 1 ห้ามส่วนกลางจุ้นขอข้อมูล ร.ร.

นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา และครูสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ถึงการแก้ปัญหาเรื่องภาระงานของครูและการใช้งบประมาณเหลือจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2561 ซึ่งมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาทว่า ตนมีนโยบายที่จะดำเนินการชำระค่าสาธารณูปโภคให้กับโรงเรียนที่ติดค้างชำระ ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต และจะเปิดโอกาสให้โรงเรียนที่มีความต้องการจะซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภค รวมถึงอาคารเรียนและบ้านพักครูสามารถเสนอความต้องการเข้ามา จากนั้น สพฐ.จะจัดลำดับความสำคัญก่อนที่จะมีการจัดสรรงบช่วยเหลือ เนื่องจาก สพฐ.มีโรงเรียนในสังกัดจำนวนมาก อีกทั้งที่ผ่านมาการใช้งบเหลือจ่ายมักจะมีโครงการจากส่วนกลางลงไปสู่พื้นที่ แต่ในยุคของตนจะต้องเป็นไปตามความจำเป็น และความต้องการที่มาจากพื้นที่จริงๆ และงบเหลือจ่ายในส่วนนี้ต้องรีบใช้แต่ต้องใช้อย่างถูกต้องตามระเบียบ

รมว.ศึกษาธิการ กล่าวอีกว่า ส่วนการแก้ปัญหาภาระงานของครู จะถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายครั้งใหญ่ โดยจะเริ่มในเดือน ต.ค.นี้ คือการแก้ปัญหาธุรการของโรงเรียนแบบครบวงจร ที่ผ่านมามีการคำนวณแล้วว่า โรงเรียนขนาดใดควรมีเจ้าหน้าที่ธุรการและนักการภารโรงจำนวนเท่าไร ตนได้สั่งให้ สพฐ.ทำการสำรวจว่าโรงเรียนที่มีเจ้าหน้าที่เหล่านี้อยู่แล้วมีจำนวนเท่าไร และยังขาดอีกเท่าไร เพื่อจะจ้างเหมาใหม่ทั้งหมด เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบดำเนินการกว่า 1,000 ล้านบาท เมื่องบปี 2562 เริ่มใช้ สำนักงานภายในของ สพฐ.จะต้องหารือร่วมกันเพื่อบริหารจัดการงบในส่วนนี้ โดยไม่มีการขอใหม่ ซึ่งหากสามารถดำเนินการได้ก็จะเริ่มจ้างเจ้าหน้าที่ธุรการและนักการภารโรงได้ทันที นอกจากนี้ การทำโครงการหรือกิจกรรมใดห้ามสำนักงานภายในของ สพฐ. ขอข้อมูลจากโรงเรียนโดยตรง แต่ให้ขอข้อมูลผ่านสำนักงานนโยบายและแผน สพฐ. เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการขอข้อมูล และเลขาธิการ กพฐ. จะได้รับทราบด้วยว่าโครงการต่างๆ มีความจำเป็นหรือไม่ รวมทั้งที่เป็นความร่วมมือระหว่าง สพฐ.กับหน่วยงานภายนอก เจ้าของโครงการจะต้องเป็นผู้ประเมินโครงการเอง และหากหน่วยงานภายนอกต้องการที่จะขอข้อมูลโรงเรียนจะต้องดำเนินการผ่านสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.).

...