I'm a I'm a WONDERFRAME...เธอมาพร้อมซิกเนเจอร์ที่เราร้องขอให้เธอได้ทำ สาวคนนี้เต็มไปด้วยพลังที่ล้นเหลือของศิลปินรุ่นใหม่ บวกกับความน่ารัก สดใส ทั้งยังมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา ที่ใครได้สัมผัสแล้วต้องประทับใจในตัวสาวคนนี้ไม่น้อย เรากำลังพูดถึง เจ้าของเพลงดัง (เกือบ) 100 ล้านวิว WONDERFRAME หรือ 'เฟรม -  ศุภัคชญา สุขใบเย็น'....

Thairath Talk Fresh มีโอกาสได้ไปเยือนถึงบ้านหลังใหม่แสนอบอุ่นของ 'วันเดอร์เฟรม' ถึงแม้ว่าบ้านหลังนี้จะไม่ได้มาจากเธอร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่บ้านหลังนี้ก็มีน้ำพักน้ำแรงของเฟรมด้วยเช่นกัน เราพูดคุยกันทุกเรื่องถึงวงการเพลง แรปเปอร์ กระแสดราม่าถาโถม ครอบครัว และความฝันของเธอ แบบจัดเต็ม

I'm a I'm a WONDERFRAME

Thairath Talk : ตอนนี้อยากร้องเพลงอะไร

เราก็ต้องอยากร้องเพลงตัวเองสิคะ ตอนนี้มี 2 เพลงนะคะ (อยู่ดีๆ ก็หายไลน์ไม่ตอบ อยู่ดีๆ อยู่ดีๆ ก็ ฮ่าๆ มันมีน้ำตาซ่อนอยู่ไม่รู้ว่าต้องพิมพ์อะไร...) เพราะยังมีแค่ 2 เพลงไง ถ้าเรามีสัก 5 เพลงเราก็จะร้องทั้ง 5 เพลงเลย (หัวเราะ) 2 เพลงที่ร้องเป็นเพลงที่เฟรมแต่งเองค่ะ แล้วก็มีโปรดิวเซอร์คนเดียวกันเป็นเพื่อนเฟรมเอง ธันวา เกตุสุวรรณ

...

Thairath Talk : "I'm a I'm a WONDERFRAME" ซิกเนเจอร์นี้มาจากไหน 

ซิกเนเจอร์คือจริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นคำว่า "I'm a I'm a WONDERFRAME" คือเวลาเราอัดแล้วมันจะมีช่วงอินโทรว่างไง เราไม่รู้จะใส่อะไรตอนแรกเราก็เลยใส่คำนี้ไปก็ได้ ตอนนี้ก็มีแบบเด็กเล็กๆ ตัวเล็กๆ ประมาณ 4 ขวบหรือว่าประมาณ 10 ขวบเดินมาก็จะแบบ “I'm a I'm a WONDERFRAME" (หัวเราะ) เวลาไปตามโรงเรียนนั้นก็ต้องมีแบบน้องบางคนใส่หัวยูนิคอร์นมาแล้วก็แบบเป็นเขามายืน "I'm a I'm a WONDERFRAME" (หัวเราะ)

Thairath Talk : ทำไมต้อง WONDERFRAME

คือ WONDERFRAME เฟรมใช้เป็นชื่อไอจีมาหลายปีแล้วนานมาก และเฟรมชอบ Wonder Woman แค่นั้นไม่มีอะไรเลย อีกอย่างเมื่อก่อนตอนติ่ง Wonder Girls (หัวเราะ) ชอบมากก็เลยแบบทั้ง Wonder Woman, Wonder Girls เป็น WONDERFRAME ก็ได้วะ

Thairath Talk : ค่ายมีเสนอชื่ออื่นไหม

ตอนแรกเขาจะให้ใช้เป็นเฟรมเฉยๆ ค่ะ ซึ่งเราคิดว่าแบบไม่เอาไม่เก๋ ตอนแรกเรารู้สึกว่าชื่อมันยาวค่ายก็จะแบบยาวไปไหมถ้าตั้งว่า WONDERFRAME เราก็แบบแค่ 3 พยางค์เอง (หัวเราะ)

จาก 'เฟรม The Star 8' สู่ 'WONDERFRAME'

Thairath Talk : ชีวิตหลังจากตกรอบ The Star 8

ตกรอบเสร็จ จริงๆ ตอนนั้นงานเยอะมากนะ มีเพลงออกมาประมาณ 3 เพลง เป็นเพลงประกอบละครคือถามว่าเราได้งานเยอะไหม ตอบเลยได้เยอะมาก เขาก็ดันงานให้เยอะมากค่ะแล้วก็ละครด้วย แต่เรารู้สึกว่าเราอยากออกมาเป็นตัวเองมากกว่า ก็คือเหมือนมันยังมีอะไรหลายๆอย่างที่เรายังไม่ได้ทำ เราก็เลยรู้สึกว่าเราอยากออกมา

ก็เลยคุยกับผู้ใหญ่ค่ะ คุยกันจบกันด้วยดี เดี๋ยวเฟรมขอออกมาทำของเฟรมเองนะคะ ซึ่งก็โอเคทุกวันนี้ก็ยังเจอกันก็ยังทักทายเขาไม่มีอะไร เขาก็โอเคไม่ได้ผิดใจหรือว่าอะไรกัน ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน 

Thairath Talk : จะมีช่วงที่หายไป ตอนนั้นทำอะไรบ้าง 

เรียนค่ะ คือเฟรมเป็นเด็กเนิร์ด อันนี้จริงจัง เป็นเด็กเนิร์ดมาก คือเราตั้งเลยว่าเราจะจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง แล้วก็เลยเรียน ตอนนั้นเรียนอย่างเดียวเรียนแบบจริงจังเป็นบ้ามาก ที่ ม.กรุงเทพค่ะ คณะนิเทศศาสตร์ โฆษณา ตอนนี้เรียบจบแล้ว ได้เกียรตินิยมอย่างที่หวังด้วยค่ะ จบด้วยเกรด 3.78 เฟรมดีใจมาก 

WONDERFRAME กับ 'วงการเพลง'

Thairath Talk : การเขียนเพลงของเฟรมเป็นยังไง

มันมาแบบฟลุกๆ คืออย่างเขียนเพลงมาสักพักหนึ่ง เคยมีผู้ใหญ่บอกตอนไป workshop การเขียนเพลง เขาก็บอกว่าจริงๆ มันควรจะแต่งไว้แบบ 10 เพลงหรือว่าคือต้องแต่งไปเรื่อยๆ เราก็แต่งไปเรื่อยๆ ค่ะ ซึ่งมันมีวันหนึ่งที่เราอยู่ดีๆ มันก็มีเมโลดี้ (เพลงอยู่ดีๆ ก็...)ในหัว แล้วช่วงนั้นเราก็นกไง เราก็เลยแบบว่าตือดื้อตือดื้อตื๊อ อยู่ดีๆ ก็หาย...มันมาท่อนนี้ก่อน ไลน์ไม่ตอบ คือท่อนฮุกของเพลง เฟรมจะเป็นคนแต่งเพลงจากท่อนฮุกก่อน

...

Thairath Talk : เขียนเพลงจากประสบการณ์รัก

คือเฟรมเป็นคนเขียนเพลงเศร้าไม่เป็น เวลาเศร้า เศร้ามากเลยนะ แต่เขียนเพลงเศร้าไม่ได้ มันเป็นข้อที่เราอยากทำลายกำแพงตรงนี้เหมือนกัน เพราะเรายังเขียนเพลงเศร้าไม่ได้ดีเท่าไร อย่างเช่นเพลงอยู่ดีๆก็...มันก็เศร้าไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์

Thairath Talk : ในสายตาเฟรมตอนนี้วงการเพลงเป็นยังไง

คือถ้าตอนเด็กๆ เลยนะคะ ไปประกวดร้องเพลงตั้งแต่อายุ 13 ตอนนี้ 23 ผ่านมาสิบปีแล้ว เฟรมรู้สึกว่ามันเข้ายากเพราะเราไม่รู้จักใครเลย คนส่วนใหญ่จะคิดว่าเฟรมเด็กเส้นต้องรู้จักคนนู้นคนนี้ เอาจริงๆเรามาศูนย์และเราไม่รู้จักใครเลยอะ เราโชคดีคือเรามีพ่อแม่ที่สนับสนุน แต่ว่าถ้าในมุมมองของเฟรม เฟรมรู้สึกว่ามันเข้ายากเพราะว่ากว่าจะสร้างตัวตนได้ คือมันไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าได้

Thairath Talk : พอมีเพลงเป็นของตัวเองรู้สึกยังไงบ้าง

รู้สึกว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตนค่ะ (หัวเราะ) คือสุดท้ายแล้วอะมันไม่มีอะไรยาก แต่สิ่งที่เราต้องทำคือทำงานดีๆ ออกมาแค่นั้นเอง คือเราไปโฟกัสคนนั้นจะอย่างนั้นคนนั้นอย่างนี้แต่สุดท้ายแล้วงานของเราดีแค่ไหนแค่นั้นเอง

...

Thairath Talk : คิดว่าเพลงจะดังยอดวิวถล่มถึง 100 ล้านวิวไหม

ไม่คิดค่ะ ตอนแรกเราคิดว่าเราฝึกแต่งเพลงอยู่ด้วย แล้วก็คุยกับค่ายด้วยว่าจะขนาดนี้ ตอนมาถึง 30 ล้านก็เก่งแล้ว ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่น่าจะไกลถึง 100 ล้านนะคะ เพราะสำหรับเราตอนนั้นช่วงแรกๆ ที่ลง Cover ล้านแรกสุดยอดแบบแทบจะปิดซอยเลี้ยงแล้ว (หัวเราะ) เอาจริงๆ แสนแรกนี่ก็แบบพ่อแสนแล้วๆ แต่มันก็ไหลขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งสำหรับเราแล้วคิดว่า 1 ล้านมันก็เยอะแล้ว

Thairath Talk : หลายคนบอกว่าเพลงดังเพราะ YOUNGOHM 

เห็นด้วยนะ เอาจริงๆ เพราะเราก็คิดว่า เวอร์ชันแรกเป็นเฟรมคนเดียวซึ่งมันเหมือนมันขาดอะไรบางอย่างแล้วก็เลยช่วงนั้นตลอดไป Cover เพลง YOUNGOHM พอดี ยังไม่ได้นอน, เฉยเมย เราก็เลยมีโอกาสได้รู้จักเขาก็เลยส่งเพลงให้เขาฟังแล้วเขาชอบ ก็เลยได้มาทำเพลงด้วยกัน แต่ถามว่าเพลงดังเพราะ YOUNGOHM  มีส่วนด้วยไหมก็เกี่ยวจริงๆ เพราะว่าท่อนของโอมหลายๆ คนก็ร้องได้เฟรมรู้สึกว่ามันเป็นการช่วยกันมากกว่า

ไต่สะพานดาว Wonder Frame

Thairath Talk : ความฝัน = นักร้องไหม

คือมันจะมีช่วงเที่ยวหลังเรียนจบช่วงจบปริญญาตรีแล้วเราว่าง ว่างอยู่ 6 เดือนไม่ได้ทำอะไรเลยเลี้ยงหมาอยู่บ้าน ก็เลยรู้สึกว่าเพื่อนเริ่มมีงานทำกันแล้ว แต่เราอยู่เฉยๆ เราก็เลยแบบว่าทำอะไรดี มันมีคำตอบเดียวในชีวิตคือการ 'ร้องเพลง' อยากเป็นนักร้องแล้วก็ทำเพลงเองก็คืออยู่กับดนตรี มันคือข้อเดียวที่เรารัก สุดท้ายแล้วเราก็เลยลองลง Cover ดู ลองลงไปเรียนคอร์สโปรดิวเซอร์ทำเพลง ก็เลยขอลองทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำก่อน

...

Thairath Talk : รู้ตัวแล้วว่ามาสายนักร้องแน่ๆ 

ใช่หนีตัวเองไม่พ้น ตอนนั้นยังไม่ได้มีค่ายใหม่ ลง Cover ไปเรื่อยๆ แบบที่เห็นแต่ละคลิปเราก็ใช้โทรศัพท์ตั้งกล้องถ่ายแล้วก็ตัดเอง

Thairath Talk : คลิปไหนที่คนพูดถึงมากสุดสำหรับการ cover

'เฉยเมย' เพลงของ YOUNGOHM เพลงนั้นเราก็ลงแบบไม่ได้ตั้งใจลง ก็คือวันนั้นฟังแล้วก็เพลงอะไรแปลกดีก็เลยลงแค่นั้นเอง ไม่มีอะไรเลย แต่ว่ากลายเป็นคนชอบอันนี้ก็ดีใจ คือจริงๆ เฟรมจะขอบคุณโอมตลอดไม่ว่าจะเป็นเพลงของเฟรมหรือว่าที่มีทุกวันนี้

"โอมเหมือนเป็นสปอตไลต์ส่องมาให้คนเห็นเฟรม ทุกวันนี้เจอหรือว่าได้รางวัลอะไรก็จะขอบคุณโอมด้วย เขามีส่วนทำให้คนเห็นเรา"

Thairath Talk : นานไหมระหว่างทำ cover กับมีค่ายเพลงเข้ามาคุย 

ไวมากชีวิตเฟรมเปลี่ยนทุกอาทิตย์ เปลี่ยนตลอดเวลาค่ะ ซึ่งเราก็ตื่นเต้นนะ แล้วเราก็ตกใจคือพอมีค่ายมาคุย ช่วงนั้นเป็นช่วงนี้เราทำเพลงอยู่ดีๆ ก็...พอดี พี่โน่เจ้าของค่าย เห็น Cover ในยูทูบของเรานั่นแหละเขาก็เลยสนใจกันแล้วก็ติดต่อมา 

Thairath Talk : ถือว่าเป็นความโชคดีของเราไหม? 

เป็นความโชคดีมากค่ะ คือช่วงนั้น เราไม่รู้เกี่ยวไหม เราไปนั่งสมาธิที่วัดบ่อยมาก ทำบุญเยอะมาก ช่วงนั้นสงบจิตสงบใจนะคะ ก็อาจจะเป็นอานิสงส์หนึ่งแต่ที่สำคัญหลักๆ เลยก็คือตัวเราเองที่เราพยายามทำ

Thairath Talk : ไอดอลของเฟรมในเส้นทางสายนักร้อง

เฟรมจะเปลี่ยนไอดอลไปเรื่อยๆ ตามช่วงวัย ตอนเป็นเด็กก็คงแบบพี่เบิร์ด โตมาเป็นพี่ดาอะไรเงี้ย แต่ว่ามีช่วงนึงจะบ้าแบบ Amy  Winehouse เท่มาก เสียงเท่ๆ ตอนนี้ก็อาจจะเป็น Cardi B หรืออะไรอย่างนี้ มันก็จะมีความแตกต่างในแต่ละวัยค่ะ

'WONDERFRAME' VS 'Show Me The Money'

Thairath Talk : ทำไมถึงไปออกรายการค้นหาแร็ปสตาร์ Show Me The Money

คือจริงๆ เรารู้สึกว่าเราไม่ยึด ไม่ได้อยากตีตัวเองเป็น 'แร็ปเปอร์' ขนาดนั้น คือเราตีตัวเองว่าเป็นศิลปิน เป็น Artist คือถ้าสมมติว่าเราสามารถนำศาสตร์ของการแร็ปมาทำมาผสมกับเพลงที่เราทำได้ เฟรมรู้สึกว่ามันเท่กับการที่ทำแล้วยิ่งคนฟังเข้าใจด้วย มันก็ยิ่งทำให้งานเราดีขึ้นค่ะ ที่เราต้องการไปคือเราอยากไปหาประสบการณ์แล้วก็ไปรู้จักคนใหม่ๆ มากกว่า

Thairath Talk : ถ้าให้เลือกระหว่างแร็ปกับร้องเพลง

เราต้องเลือกร้องเพลงเพราะว่ามันก็เป็นสิ่งที่เราถนัดมากกว่า เพราะเราอยู่กับมันมากกว่า

Thairath Talk : จากการไปออกรายการแร็ปเปอร์ให้อะไรกับเราบ้าง

เอาจริงๆ เราพยายามมาก่อนหน้านี้เป็น 10 ปีแล้ว ที่เราไปออกรายการมาประสบการณ์ที่เราเจอ เรารู้สึกว่าเราพัฒนาตัวเองหรือว่าเราเจอเหตุการณ์อะไรมาเท่าๆ กับเวลาที่เราอยู่มาเลยจริงๆ

Thairath Talk : รายการเดียวสุดๆ แล้ว? 

ก็สุดนะ พีคมากเลยนะ (หัวเราะ)

Thairath Talk : ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะออกรายการนี้ไหม

ถ้าย้อนได้เฟรมก็ยังไปนะ แต่ว่าก็อาจจะมันคงเป็นความเข้าใจผิดของเฟรมด้วย อย่างการร้องมากกว่าแร็ป คือเฟรมรู้สึกไปโชว์ ไปทำโชว์ไง แต่ว่าโอเคเราแร็ปน้อยไป

Thairath Talk : ไม่ปฏิเสธที่แร็ปน้อยไป 

บางทีเราก็รู้สึกแต่ว่าบางอย่างเราก็พูดไม่ได้มันไม่ใช่การตัดสินใจของเราคนเดียว สุดท้ายแล้วก็มันก็เป็นตัวเราเองที่ออกไปแสดง เราก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดค่ะ แต่ว่าเราก็รู้สึก บางอันเราก็ยังสงสัยเลยมันแร็ปน้อยไปไหม แต่ว่ายังไงอะสุดท้ายมันได้ทำไปแล้ว อย่างเทปบางเทปได้ถ่ายไว้ตั้งแต่แบบ 2 เดือนที่แล้ว เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้แล้ว

Thairath Talk : ก่อนเข้ากับหลังเข้าวงการแร็ปต่างกันไหม

คือเฟรมไปแบบงงๆ ตั้งแต่รอบแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะผ่านด้วยนะ ก็แค่อยากลองดูเฉยๆ ค่ะ แต่พอหลังจากเข้าไปแล้วเราได้รู้จักคนเยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหลายๆ อย่าง อย่างพี่เดย์พี่ป๊อกใช่ไหมคะ รวมถึงรายการอื่นด้วยนะ พี่กอล์ฟฟักกลิ้งฮีโร่ เราทำงานกับเขาน่ารักน่ะ เขาจริงใจมากๆ ค่ะ อย่าง YOUNGOHM หรือ FIIXD ที่เฟรมไปทัวร์ด้วยบ่อยๆ น่ารักมาก เขามีความจริงใจแล้วก็เขาเรียกว่าอะไรอะมีความเที่ยงตรงว่าเขารู้สึกยังไง เราไม่ต้องไปอ่านเขา อ้อมค้อมอะไรชีวิตก็ง่ายๆ ตรงๆ แค่นี้

Thairath Talk : คิดยังไงกับอนาคตของแร็ปเปอร์

ดีใจค่ะ ดีใจที่เราเห็นวงการแร็ปเปอร์หรือว่าวงการ hiphop เติบโตขึ้น เพราะว่าเฟรมรู้สึกว่าทุกคนรอมานานแล้วแหละ หลายสิบปีแล้วค่ะที่จะให้มันมีวันนี้ แต่ว่าในอนาคตเฟรมว่ามันจะบูมขึ้นได้เรื่อยๆ นะสำหรับเฟรมเพราะว่าเท่าที่สังเกตอย่างเวลาไปทัวร์คอนเสิร์ต คนดูเปิดใจมากๆ ที่จะฟังเพลงแร็ป

กระหน่ำดราม่าถาโถม

Thairath Talk : มีคำด่าไหนเกินรับไหวไหม

คือคนที่เขาวิจารณ์งานที่เกี่ยวกับงาน เฟรมอ่านนะ เฟรมก็ไม่ได้รู้สึกว่าเฟรมโกรธ เขาพูดในสิ่งที่เขารู้สึกไง แต่ว่าอย่างอันที่แบบมันลามมาถึงครอบครัวหรือว่าแบบมันไปเรื่องใต้สะดือ เฟรมรู้สึกว่าอันนี้มันไม่ใช่การติ มันคือการด่าแบบอยากด่าก็ด่า อันนี้น่าจะหนักไป

Thairath Talk : อย่างในทวิตเตอร์อ่านแฮชแท็กตัวเองไหม

คือมันมีช่วงนึงเรารู้สึกว่าเราดาวน์มาก เราอาจจะรู้สึกว่าเรากลัวเอาชีวิตตัวเองไม่รอดเหมือนกันนะ มันทำให้เรารู้สึกว่าโลกนี้เป็นสีดำไปเลย เราขอเลือกที่จะไม่อ่านเพื่อเลือกเอาชีวิตตัวเองรอดดีกว่า เราต้องรอให้เรารู้สึกว่าเราแข็งแรงพอแล้วที่จะอ่าน ถ้าอ่านตอนนั้นก็ตายจริงๆ เราก็รู้สึกว่าทำไมเหมือนคนทั้งโลกเกลียดเรา

Thairath Talk :  คิดว่าช่วงที่อยู่ใน show me the money หนักสุดในชีวิตไหม

หนักที่สุดเท่าที่เคยเจอมากับเรื่องงาน เพราะว่าถ้าเรื่องครอบครัวก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งใช่ไหม ถ้าเรื่องงานอย่างนี้ก็หนักสุดแล้วแหละ

Thairath Talk : อยากกลับไปแก้ไขอะไรไหม

คือเราเสียดายอย่างที่เราบอกอย่างบางเทป มันถ่ายไปตั้งแต่นานก่อนออนแอร์มาหลายเดือนแล้ว คือมันถ่ายเก็บไว้ ถ้าเรารู้ว่าเราร้องมากกว่าแร็ป แล้วเราสามารถแก้ไขได้ไงเข้าใจปะ ถ้าสมมติว่าเรารู้กระแสตอบรับ เรารู้ฟีดแบ็กมาว่าเราจะได้แก้ไขได้ แล้วตอนนั้นเราไม่มีสิทธิ์ไปแก้ไขอะไรแล้วเพราะว่ามันถูกถ่ายไปหมดแล้ว

Thairath Talk : คนในรายการมีการให้กำลังใจอะไรไหม

หลังจากช่วงที่เราออกมาจากรายการแล้ว มีวันหนึ่งพี่ป๊อกไลน์มา เฮ้ย! เป็นไงบ้าง มาถามเฉยๆ ว่าโอเคหรือยัง รู้สึกดีขึ้นหรือยัง ก็คือทั้งที่เป็นพี่เป้ พี่ป๊อก เขาก็ค่อนข้างเป็นห่วง ถ้าอยู่ในรายการเราก็จะคุยเรื่องงานมากกว่า เรื่องเพลงตรงนั้นมากกว่า แต่ว่าถามว่ามีปรึกษาไหมเขาอยู่มานานแล้วเราก็ต้องปรึกษาเขาแล้วว่าเราต้องทำยังไง

Thairath Talk : ตอนนี้คิดว่าผ่านกระแสดราม่าไปได้หรือยัง

ตอนนี้คิดว่าผ่านไปได้ระดับหนึ่ง แต่บางทีก็ยังมีรู้สึกนะ แต่ว่าเราอาจจะมีวิธีตอบโต้ที่โตขึ้น ที่ไม่ได้แบบว่าปี๊ดป๊าดลงไปเลย

Thairath Talk : อยากฝากอะไรถึงคนที่ไม่ชอบเรา

คนที่ไม่ชอบ เฟรมว่าจริงๆ สำหรับเฟรมว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะไม่ชอบ แต่ว่าไม่รักเฟรมไม่เป็นไร อยากให้รักที่ผลงานเฟรมมากกว่า ฟังเพลง ถ้าไม่รักเฟรมก็ฟังเพลงเฟรมก็ได้

พลังแฝง ‘WONDERFRAME’

Thairath Talk : เฟรมโตมากับครอบครัวแบบไหน

โตมากับครอบครัวที่เหมือนเพื่อน ก็คือที่บอกก็คือเฟรมเพื่อนไม่เยอะใช่ไหมคะ ก็ต้องมีพ่อแม่เป็นเพื่อนด้วย โตมาในครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ ค่ะ คือจะทำอะไรพร้อมสนับสนุน อย่างมันมีตอนเด็กๆ เฟรมอยากเล่นเปียโน พ่ออยากเล่นเปียโนจังเลย ไปบ้านเพื่อนแล้วแบบเพื่อนมีเปียโน อีกประมาณ 2 วันเปียโนมาเลยที่บ้าน คือเขาอยากให้เราจริงจังกับสิ่งที่เราอยากทำ

ทั้งสนับสนุนและกดดันว่าแบบซื้อมาแล้ว ต้องเล่นนะลูกอย่างนี้ หรือว่าถ้าอยากร้องเพลงมาแล้วไมโครโฟนหรือว่าแบบเมื่อก่อนจะมีเครื่องเล่นคาราโอเกะมา และร้องอยู่บ้าน ห้องคาราโอเกะอยู่บ้าน

Thairath Talk : ชีวิตครอบครัวเคยผ่านความลำบากมาไหม

ถามว่าลำบากไหม แน่นอนทุกครอบครัวจะมีวิกฤติของตัวเอง อย่างบางช่วงก็เคยมีไปขายของ ไปขายเครป หรือว่าแม่เปิดร้านอะไรเราก็ต้องไปเป็นแม่ค้า ซึ่งก็แล้วทำไม ตอนนั้นเป็นเดอะสตาร์แล้วมาทำอย่างนี้ได้ไง เรารู้สึกว่าทุกอาชีพมีค่าเท่ากัน คุณค่าของทุกอาชีพคือถ้าไม่มีแม่ค้าเราจะเอาอะไรกินใช่ไหม ทุกอาชีพมีค่าเท่ากัน แต่ว่าเราแค่ลองไปทำในสิ่งที่เราไม่เคยทำเฉยๆ ตอนนี้แม่เซ้งร้านไปแล้ว ตอนนี้เขาเป็นคุณนายละ

Thairath Talk : จากกระแสต่างๆ อะไรคือกำลังใจให้สู้ต่อ

จริงๆ เฟรมเป็นคนเซนซิทีฟมาก เป็นคนรู้สึกง่ายมากค่ะ สิ่งที่ทำให้เรายังยืนหยัดอยู่ได้เลยคือ 'ครอบครัว' ชัดมากคือครอบครัวที่เราตื่นมาแล้วเรายังเจอ ไม่ว่าตื่นมาวันนี้โลกจะดูเหมือนมืดไปเลยนะ แต่คนรอบตัวเรายังอยู่

เฟรมเป็นคนมีเพื่อนไม่เยอะ มีไม่กี่คน แต่ว่าเป็นเพื่อนที่ดีแล้วก็สนิทค่ะ ที่สำคัญเป็นน้องหมา เป็นน้องหมาที่เรารู้สึกว่าเขาบริสุทธิ์ คือไม่ว่าจะยังไงก็ตามไม่ว่าเรากลับมาบ้านด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีและเจอเขาเราไม่กล้าอารมณ์เสียใส่เลยนะ เกรงใจหมา (หัวเราะ) เราจะอารมณ์ดีขึ้นทันทีเพราะเห็นเขา

Thairath Talk : ช่วงดราม่าหนักๆ พ่อกับแม่พูดอะไรกับเรา

คือเขาจะอยู่ด้วย แต่ว่าเขาจะไม่พูดอะไรมาก เพราะสุดท้ายแล้วเราต้องผ่านมันไปให้ได้ด้วยตัวเอง เพราะเหมือนเขาก็รู้สึกว่า 23 ก็โตมาแล้วอะ ยังไงก็ต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเอง เหมือนเขาดูอยู่ห่างๆ

"เฟรมมีความรู้สึกว่าเหมือนพ่อแม่เป็นต้นไม้ที่เป็นร่มเงาและเรายังอาศัยอยู่ใต้เงา แต่ว่าเราต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเองนะ แต่เรายังมีร่มเงาตรงนี้คอยพักอยู่ค่ะ"

Thairath Talk : คิดว่าครอบครัวภูมิใจกับตัวเรารึยัง

เรารู้สึกว่าเขาภูมิใจนะ เขาเปิดเช็กยอดวิวทุกวันเลย (หัวเราะ) เช็กมากกว่าเราอีกค่ะ แล้วก็แบบว่าคลิปนี้มีคอมเมนต์ด้วยนะลูก นี่ดูเขาชมอันนี้อะไรนะคะคือดูเขาภูมิใจค่ะ แต่ว่าถามว่าเราก็อยากให้เขาภูมิใจมากกว่านี้ แต่ปณิธานของเราคือเราอยากเลี้ยงพ่อแม่ได้ ในวัยที่เขายังแข็งแรงอยู่อะ เราจะพาพ่อแม่ไปเที่ยวรอบโลก เราเคยบอกแม่ไว้เป็น mission แต่ว่ายากหน่อยค่ะ เหนื่อย แล้วทุกวันนี้รับทุกงานนะคะ

Thairath Talk : พูดถึงคนที่ชื่นชอบติดตามคุณ

อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เฟรมมีพลังอยู่ได้ คือคนที่ติดตามเขาจะ Direct Message เราก็จะอ่านแต่เราไม่ตอบนะ เพราะว่ามันเยอะด้วยค่ะ ถ้าเราตอบคนนี้แล้วก็กลัวว่าถ้าเราไม่ตอบคนนี้ล่ะ เดี๋ยวเขาจะน้อยใจแต่ว่ามันก็มีตอบบ้างเหมือนกัน

คนที่ติดตามไม่ว่าจะเป็นคอมเมนต์ หรือ Direct Message ขอบคุณมากๆ ขอบคุณ อันนี้ขอบคุณจริงๆ เพราะว่าที่เขาบอกว่าเหมือนทะเลทรายกับบ่อน้ำโอเอซิสอยู่กลางทะเลทราย พวกคุณคือโอเอซิสของเฟรม ที่แบบว่าไม่ว่าเฟรมไปที่ไหนหรือว่าเป็นจะโพสต์อะไร คุณให้กำลังใจตลอด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นค่ะ

WONDERFRAME กับ ความสำเร็จ

Thairath Talk : ทุกวันนี้คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จรึยัง

ยังนะ เฟรมยังรู้สึกว่าเฟรมก็อยากเก่งกว่านี้ อยากทำให้ได้ดีกว่านี้ขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ

Thairath Talk : เห็นว่าปีนี้ได้รางวัลมาด้วย

ในชีวิต 10 ปีเพิ่งได้มารางวัลแรก เป็นของสยามดาราค่ะ ไทยรัฐมีแจกรางวัลไหมคะ (หัวเราะ)

Thairath Talk : 7 วันตอนนี้มีเวลาว่างบ้างไหม

มีค่ะมี ก็จะพยายามคือถ้าสมมติมันเป็นวันที่ว่าง 2 วันติดกันคือไปต่างจังหวัดเลย คือได้พักคืนหนึ่งไปอยู่ริมทะเล ไปนั่งโง่ๆ อย่างที่บอกไปนั่งโง่ๆ ก็ไปนั่งโง่ๆ อยู่ริมทะเลแล้วก็มอง ไม่คิดอะไร มีเพื่อน เพื่อนไปด้วยก็ไปนั่งกับเพื่อนแล้วก็ไม่คิดอะไรเลย

Thairath Talk : เล่าประสบการณ์ไปทัวร์ร้องเพลง

ล่าสุดไปทัวร์ของโรงเรียนมา คือโดยความที่ส่วนหนึ่งเราเป็นผู้หญิงเวลาไปเราก็จะได้เสียงกรี๊ดน้อยกว่าผู้ชายเป็นปกติ ซึ่งตรงนี้เราชินแล้ว แต่เราตกใจมากที่เราเดินออกไปแล้วเด็กผู้หญิงกรี๊ด กรี๊ดมากๆ มันก็แบบ เฮ้ย! เราตกใจแล้วเขาร้องเพลงเราได้ ทุกเพลงทุกคำ

แล้วก็อีกอันนึงคือเราไปงานที่มีเด็กเล็กมากเด็กประมาณ 10 ขวบ 13 ขวบ 7 ขวบอะไรประมาณนี้ค่ะ เขาร้องเพลงเราได้ ร้องได้ทุกคำด้วยแล้วแบบเข้ามากอดเราแล้วก็ร้องเพลงเรา พี่เฟรมๆ เดินมาแล้ว  I'm a I'm a WONDERFRAME (หัวเราะ)

Thairath Talk : น้องๆ ต้องทำยังไงจะเป็นแบบเฟรมทุกวันนี้ได้ 

เฟรมก็ไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้วก็ไม่ได้ไม่ได้เก่งร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าสิ่งที่อยากให้กำลังใจมากกว่าคืออยากให้ทำ เฟรมเคยมีช่วงที่นั่งคิดอย่างเดียวแต่ไม่ทำอะไรเลย ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหมคะ ทำไปเลยค่ะ แต่ทำแล้วให้ทำต่อเนื่องคือต้องอดทนอดกลั้นแล้วก็ต้องยอมรับ อันนี้สิ่งที่เฟรมรู้สึกว่ามันน่าจะทำให้น้องโตขึ้นแล้วก็ไปถึงจุดที่น้องฝัน

Thairath Talk : ต่อจากนี้เฟรมจะเป็นยังไง

คงไม่ต้องไปค้นฟ้าคว้าดาวแล้วเนอะ มาค้นตัวเองดีกว่า (หัวเราะ)  เราอยากรู้จักตัวเองมากขึ้น คือที่สำคัญที่สุดคือเราอยากรู้ว่าตัวเราชอบอะไรจริงๆ จังๆ แล้วก็หลงใหลอะไร เฟรมสังเกตตัวเองคือเป็นอย่างที่บอกจะเปลี่ยนบ่อยมาก เป็นคนขี้เบื่อเลยเราจะเปลี่ยนชอบนู่นชอบนี่ คือเราอยากรู้ว่าแกนหลักๆ ของเราคืออะไรมากกว่า

Thairath Talk : สุดท้ายการร้องเพลงเท่ากับอะไร

"เฟรมว่าการร้องเพลงคือชีวิตเฟรมนะ ไม่สามารถอยู่ได้สักวันโดยที่ไม่ร้องเพลง"