‘ในหลวง’ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรด กระหม่อมส่งข้อความพระราชสาส์น แสดงความเสียพระราชหฤทัยเหตุอุทกภัย สปป.ลาว ทรงย้ำคนไทยจะยืนหยัดเคียงข้างชาวลาว นานาชาติระดมกำลังช่วยเหลือเหยื่อเขื่อนแตก เร่งค้นหาผู้สูญหายคาดตายทะลุ 300 คน หน่วยกู้ภัยไทยช่วย 14 ชีวิต ติดเกาะนาน 4 วัน เคลื่อนย้ายเข้าฝั่ง ขนถุงยังชีพส่งถึงมือผู้ประสบภัยทุลักทุเล สปป.ลาวห้ามสื่อมวลชนต่างชาติทำข่าวในพื้นที่ จี้กลุ่มบริษัทผู้ร่วมพัฒนาโครงการรับผิดชอบจ่ายค่าชดเชย ขณะที่ธารน้ำใจยังคงหลั่งไหลร่วมบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคไม่ขาดสาย จ.เชียงราย ฝนถล่มหนักน้ำป่าทะลักลงแม่น้ำสาย ล้นตลิ่งท่วม บ้านเรือนราษฎรสองฝั่ง ถนนลอดใต้สะพานข้ามด่านพรมแดนที่ 1 น้ำท่วมสูง ร้านค้า ร้านอาหาร เสียหายยับ จ.แม่ฮ่องสอน ดินสไลด์ปิดถนนยาวกว่า 30 เมตร

เมื่อวันที่ 27 ก.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยไปยังประธานประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว กรณีเกิดอุทกภัยจากเหตุการณ์ฝนตกหนักบริเวณแขวงจำปาสัก และแขวงอัตตะปือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2561 ความว่า ฯพณฯ ประธานประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เวียงจันทน์ ข้าพเจ้ารู้สึกใจหายและเศร้าสลดใจอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่าเกิดอุบัติภัยรุนแรงอันเนื่องมาจากฝนตกหนักในแขวงจำปาสักและแขวงอัตตะปือ ทำให้เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อยเสียหาย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต ผู้สูญหาย และผู้ที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทั้งยังก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อทรัพย์สิน และโครงสร้างพื้นฐาน ข้าพเจ้าและประชาชนชาวไทยขอแสดงความเสียใจอย่างที่สุดมายังท่านและประชาชนชาวลาว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ครอบครัวผู้ประสบความทุกข์และความสูญเสียในครั้งนี้ ทั้งขอยืนยันด้วยใจจริงว่า ประชาชนชาวไทยจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างประเทศและประชาชนชาวลาวให้สามารถผ่านพ้นเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้โดยสวัสดี (พระปรมาภิไธย) มหาวชิราลงกรณ บดินทร เทพยวรางกูร

ส่วนปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยชาว สปป.ลาว จากเหตุการณ์เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย เมืองสะหนามไซ แขวงอัตตะปือ ภาคใต้ สปป.ลาว แตก บรรดานานาชาติ อาทิ นอร์เวย์ จีน ไทย และ เวียดนาม ส่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน นายศุภชัย นามแก้ว หนึ่งในทีมกู้ภัย ประเทศไทยไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยโพสต์ภาพและข้อความลงเฟซบุ๊กระบุว่า การช่วยเหลือผู้ประสบภัยวันแรก ทีมงานกู้ภัยประเทศไทยหลายหน่วยแบ่งหน้าที่ 2 สาย สาย A นำเรือลาดตระเวนค้นหาผู้ประสบภัยทางน้ำ บริเวณบ้านไซดอนโขง แขวง อัตตะปือ พบชาวบ้านเป็นเด็กเเละผู้ใหญ่รอดชีวิต 14 คน ติดอยู่บนบ้านกลางลำน้ำ กู้ภัยฮุก 31 นครราชสีมา เร่งลำเลียงออกมาด้วยความยากลำบาก เพราะสภาพเป็นโคลนตม ส่วนสาย B ได้เดินทางด้วยรถกระบะไปที่บ้านตะม้อหยอด เเขวงอัตตะปือ แต่ถนนถูกตัดขาด ประสานผู้นำชุมชนลำเลียงเครื่องอุปโภคบริโภคแจกจ่ายให้ประชาชน พบมีผู้ได้รับความเดือดร้อนกว่า 700 คน สิ่งของที่ต้องการมากที่สุดคือ อาหาร นมกล่อง ไฟฉาย ยากันยุง ยาสามัญประจำบ้าน และเครื่องนุ่งห่ม

ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยเต็กก่าจีแชเกาะ จ.ขอนแก่น และเจ้าหน้าที่กู้ภัยศิษย์อรหันต์จี้กง จ.อุบลราชธานี ร่วมกับตำรวจและทหารเมืองสะหนามไซ สปป.ลาว นำเรือท้องแบน 4 ลำ ออกสำรวจช่วยเหลือผู้รอดชีวิต บ้านหาดใหญ่และบ้านส้มป่อย ตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา พร้อมแจกเครื่องอุปโภคและบริโภคให้ผู้ประสบภัย นอกจากนี้ นอนพักค้างคืนในพื้นที่ดังกล่าว จากนั้นเดินทางกลับถึงกองอำนวยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเมืองสะหนามไซ ช่วงบ่ายวันที่ 27 ก.ค. พร้อมรายงานสถานการณ์ ก่อนจะออกค้นหาผู้สูญหายในพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้ง

นายวรวุฒิ พงษ์ประภาพันธ์ กงสุลไทยประจำแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เป็นตัวแทนรัฐบาลไทย มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยผ่านท้าวเล็ด ไซยะพอน เจ้าแขวงอัตตะปือ นายวรวุฒิกล่าวว่า ไทยทยอยให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เมื่อสอบถาม เจ้าแขวงอัตตะปือ กังวลเรื่องอายุของอาหารสด หรือ ปรุงสำเร็จ เนื่องจากเส้นทางไปยังเมืองสะหนามไซ แคบไม่สามารถใช้รถบรรทุกลำเลียงอาหารได้ และเป็นจุดที่มีประชาชนอาศัยอยู่อย่างลำบาก

ท้าวเล็ด ไซยะพอน เจ้าแขวงอัตตะปือ เปิดเผยว่า ขอบคุณทุกภาคส่วนจากนานาประเทศที่เข้ามา ช่วยเหลือ ขณะนี้สถานการณ์น้ำเริ่มลดลงแล้ว สำหรับผู้สูญหายคาดว่าจะมีผู้รอดชีวิต เพราะพื้นที่เกิดภัยพิบัติเป็นป่า มีต้นไม้ ประชาชนอาจติดอยู่บนที่สูง ส่วนความช่วยเหลือที่อยากได้คือ ยานพาหนะ ที่เหมาะสมกับเส้นทางในพื้นที่ดินโคลนและแคบ บางจุดเป็นสะพานไม้ รถที่เหมาะสมคือรถบรรทุกขนาดเล็ก รถกระบะ หรือออฟโรด

สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตใน เหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันจากเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย เมืองสะหนามไซ แขวงอัตตะปือ ภาคใต้ของ สปป.ลาว อาจมีมากกว่ายอดของทางการ สปป.ลาวแถลง 27 ศพ สูญหาย 131 คน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวบีบีซีเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุสัมภาษณ์พูดคุยกับผู้รอดชีวิตช่วงสั้นๆ เพราะเจ้าหน้าที่ สปป.ลาว ห้ามสื่อมวลชนต่างชาติเข้าทำข่าวในพื้นที่ ได้รับข้อมูลจากคนท้องถิ่นและหน่วยกู้ภัยเชื่อว่าผู้เสียชีวิตอาจมีมากถึง 300 คน และยังมีรายงานผู้คนตกค้างรอรับความช่วยเหลืออีก 3,000 คน ขณะที่หน่วยกู้ภัยกำลังเร่งช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่ สปป.ลาวไม่เปิดเผยรายละเอียดมากนัก ขณะที่ นสพ.เดอะ ลาวเชียน ไทม์ส และเวียงจันทน์ ไทม์ส รายงานว่า นายคำมะนี อินทิราด รมว.พลังงานและเหมือง สปป.ลาว ระบุว่า กลุ่มบริษัทผู้ร่วมพัฒนาโครงการจะเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายค่าชดเชยความเสียหายจากเหตุการณ์นี้ทั้งหมด

ส่วนธารน้ำใจยังคงหลั่งไหลไปสู่พี่น้องชาว สปป.ลาว อย่างต่อเนื่อง ที่สถานกงสุลใหญ่ สปป.ลาว ประจำประเทศไทย จ.ขอนแก่น ประชาชนจำนวนมากทยอยนำสิ่งของมาบริจาคเพื่อให้การช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยชาว สปป.ลาว นายคำไพ พันธุ์ทองดี รักษาการกงสุลใหญ่ สปป.ลาว ประจำประเทศไทย จ.ขอนแก่น เปิดเผยว่า คนไทยทั้งประเทศร่วมบริจาคเงินสดและสิ่งของประเภทต่างๆ โดยเฉพาะเครื่องอุปโภคและบริโภคชุดแรก ถูกลำเลียงด้วยขบวนรถบรรทุก 6 คัน ผ่านแดนและข้ามด่านไปยังแขวงอัตตะปือ เตรียมส่งต่อให้ผู้ประสบภัยแล้ว

ที่คอกม้า SK สกลนคร นายสันติ ไชยยศ รอง นายก อบจ.สกลนคร ในฐานะประธานชมรมภูพานออฟโรดสกลนคร พร้อมสมาชิกกว่า 50 คน ช่วยกันลำเลียงสิ่งของบริจาค อาทิ น้ำดื่ม ข้าวสาร อาหารแห้ง และสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นอื่นๆขึ้นบรรทุกบนรถออฟโรดกว่า 20 คัน เพื่อนำไปส่งมอบให้ความช่วยเหลือพี่น้องชาวลาวประสบอุทกภัย ส่งผลให้มีผู้ได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก

ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมืองนครราชสีมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ฮุก 31 หน่วยกู้ภัยสว่างเมตตา ช่วยกันรวบรวมสิ่งของบริจาค อาทิ ข้าวสาร อาหารแห้ง ยารักษาโรค และเครื่องนุ่งห่ม จากประชาชนมาร่วมบริจาคเป็นจำนวนมากขึ้นรถบรรทุก เพื่อเตรียมส่งมอบให้กับผู้ประสบภัยชาว สปป.ลาว ขณะที่ชมรมทูบีนัมเบอร์วัน (TO BE NUMBER ONE) จ.นครราชสีมา มอบสิ่งของ เครื่องนุ่งห่ม และเครื่องอุปโภคบริโภค 500 ชุด และเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อน รวมถึงให้กำลังใจผ่านพ้นวิกฤติไปได้ด้วยดี

พล.อ.ต.พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ ในฐานะโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศจัดเครื่องบินลำเลียงแบบที่ 8 หรือ C-130 จำนวน 2 เที่ยวบิน พร้อมกำลังพลจิตอาสา พระราชทาน กองทัพอากาศ 10 คน ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติปากเซ สปป.ลาว เพื่อนำผ้าห่มพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 3,000 ผืน และถุงยังชีพพระราชทานของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้า พัชรกิติยาภา องค์ประธานกรรมการมูลนิธิอาสา เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย 1,000 ชุด ไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัยที่ สปป.ลาว โดยมีนายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ เป็นผู้รับมอบสิ่งของพระราชทานเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไป อย่างไรก็ตามการลำเลียงสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย กองทัพอากาศจัดเที่ยวบินด้วยเครื่องบิน C-130 มาแล้วรวม 3 วัน จำนวน 6 เที่ยวบิน

วันเดียวกัน สิงห์อาสาโดยบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และมูลนิธิพระยาภิรมย์ภักดี ร่วมกับห้างหุ้นส่วนจำกัด เอี๊ยะฮั้วอุบล ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตราสิงห์ จ.อุบลราชธานี และนักศึกษาเครือข่ายสิงห์อาสา นำน้ำดื่มสิงห์ 10,000 ลิตร และข้าวสารตราพันดี 3 ตัน มอบให้กับศูนย์จิตอาสาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี รวมถึงมูลนิธิพุทธธรรม 31 บริเวณด่านช่องเม็ก อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย เมืองสะหนามไซ แขวงอัตตะปือ ภาคใต้ สปป.ลาว แตก เป็นการแสดงถึงน้ำใจที่มีความห่วงใยพี่น้องชาวลาวจากเหตุการณ์ครั้งนี้

ส่วนฝนที่ตกลงมาอย่างหนักส่งผลให้หลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำป่าจากยอดดอยไหลหลากลงสู่แม่น้ำสาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย เอ่อล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนราษฎรอยู่ริมฝั่งไทยและเมียนมา ส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน นอกจากนี้ มวลน้ำยังไหลท่วมถนนลอดใต้สะพานข้ามด่านพรมแดนที่ 1 เขตเทศบาลแม่สาย เจ้าหน้าที่ต้องนำแผงเหล็กมาปิดกั้นห้ามรถทุกชนิดผ่านเกรงจะเกิดอันตราย ขณะเดียวกันร้านค้าและร้านอาหารริมน้ำได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วมจนเสียหาย นายไศลยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีแม่สาย เปิดเผยว่า ส่งเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังระดับน้ำตลอด 24 ชั่วโมง และเตรียมกระสอบทราย 1 พันถุง ปิดกั้นน้ำใต้สะพานไม่ให้ไหลทะลักเข้า 3 หมู่บ้าน หากเกิดวิกฤติระดับสูงเกิน 4.20 เมตร จะประกาศให้ชาวบ้านทราบทันที

จ.แม่ฮ่องสอน ฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดินสไลด์ปิดทับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1194 (แม่สะเรียง-แม่สามแลบ) ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย รวมระยะทางกว่า 30 เมตร รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ นอกจากนี้ มีเสาไฟฟ้าหักโค่น และต้นไม้ล้มขวางถนนหลายจุด นายสิริรัฐ ชุมอุปการ ผวจ.แม่ฮ่องสอน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เร่งเปิดเส้นทางดังกล่าวอย่างเร่งด่วนแล้ว เช่นเดียวกับถนนบ้านแม่อุมโล๊ะ-บ้าน–สบโขง ต.แม่สวด อ.สบเมย ถูกตัดขาดอีกครั้ง หลังมีน้ำท่วมสูง 60 ซม. ประชาชนในพื้นที่ 9 หมู่บ้าน จำนวนกว่า 2 พันคน ถูกตัดขาดไม่สามารถสัญจรได้ เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยวและเป็นดินโคลน

ส่วน จ.ตาก ฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครแม่สอด อ.แม่สอด โดยเฉพาะบริเวณสี่แยกแม่สอด-แม่ระมาด ระดับน้ำท่วมสูง 50 ซม. รถสัญจรด้วยความยากลำบาก ส่วนที่โรงเรียนบ้านแม่ตาว ต.ท่าสายลวด น้ำท่วมบริเวณชั้นล่างอาคารเรียน ระดับน้ำสูง 40 ซม. ส่งผลให้ห้องเรียนได้รับความเสียหาย ครูและนักเรียนช่วยกันขนเอกสาร และอุปกรณ์การเรียนไว้บนที่สูงอย่างโกลาหล ขณะเดียวกันนายเทอดเกียรติ ชินสรนันท์ นายกเทศมนตรีนครแม่สอด ลงพื้นที่ตรวจสอบและสั่งให้เร่งระบายน้ำอย่างเร่งด่วน

จ.มุกดาหาร ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระดับน้ำที่ศูนย์สำรวจอุทกวิทยาที่ 3 มุกดาหาร อ.เมืองมุกดาหาร วัดได้ 10.94 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 1.06 เมตร จากระดับวิกฤติ 12.50 เมตร นายไพฑูรย์ รักษ์ประเทศ ผวจ.มุกดาหาร กล่าวว่า ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง เขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร หรือในที่ลุ่มควรระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะชาวประมงที่ออกหาปลาในแม่น้ำโขงให้ระวังน้ำไหลเชี่ยว และท่อนไม้ที่ไหลมากับน้ำอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินได้