สูญหายนับ 100 ลาวเขื่อนแตก

เหนือ-อีสานฝนยังถล่ม ‘กาญจน์’ นํ้าซัดถนนขาด

ฝนถล่มน้ำป่าทะลักท่วมพื้นที่ จ.ตาก เป็นวงกว้าง ทหารระดมกำลังช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายข้าวของ สัตว์เลี้ยงทั้งแพะและวัวออกจากฟาร์มในพื้นที่ อ.แม่ระมาด อย่างทุลักทุเล ขณะที่ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 สั่งปิดน้ำตก“ทีลอซู” อย่างสิ้นเชิง หวั่นซ้ำรอยถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ส่วนโรงเรียนในพื้นที่รอยต่อ 3 จังหวัด เชียงใหม่ ตาก และแม่ฮ่องสอน สั่งปิดเรียนไม่มีกำหนดหลังน้ำท่วมหนัก คณะครูจาก จ.ตาก แบ่งกำลัง 3 ชุด รับนักเรียนมาเรียนรวมกันจนกว่าสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วน จ.หนองคาย ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าหวาดกลัว ขณะที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ของ สปป.ลาว ที่กำลังก่อสร้างแตกร้าว ส่งผลให้น้ำในอ่างทะลักลงสู่ลำน้ำด้านล่าง จนเอ่อล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนนับสิบหมู่บ้านในเขตเมืองสะหนามไซจมอยู่ใต้บาดาล มีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งและสูญหายอย่างน้อย 100 คน ผู้คนไร้บ้านประมาณ 6,600 คน

พายุฝนถล่มหลายพื้นที่ยังมีน้ำท่วมหนัก โดยผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ว่า ที่ จ.ตาก แม้ว่าพายุเซินติญจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ยังต้องเจอกับ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมทะเลอันดามันในประเทศเมียนมา พัดผ่านเข้ามาทำให้มีฝนตกชุก ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้พื้นที่ อ.พบพระ อ.แม่สอด อ.แม่ระมาด และ อ.ท่าสองยาง มีน้ำป่าทะลักท่วมเป็นวงกว้าง ทหารระดมกำลังช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายข้าวของ สัตว์เลี้ยงทั้งแพะและวัวออกจากฟาร์มในพื้นที่แม่ระมาดอย่างทุลักทุเล ขณะที่ถนนสายบ้านแม่สลิดหลวง-บ้านแม่ระเมิง ต.แม่สลิดหลวง อ.ท่าสองยาง มีดินสไลด์ทับเส้นทางใช้การไม่ได้ถึง 5 จุด เจ้าหน้าที่หมวดการทางท่าสองยางระดมเครื่องจักรเข้าไปเปิดเส้นทางให้รถสัญจรได้เพียง 1 ช่องทาง

ส่วนนายยุทธชัย ปัทมสนธิ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 มีหนังสือลงวันที่ 23 ก.ค. สั่งห้ามประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางที่ตั้งของน้ำตกทีลอซูเด็ดขาด เพื่อป้องกันสาธารณภัยที่อาจเกิดขึ้น ปิดให้บริการทัศนศึกษาการล่องเรือยาง ตามลำน้ำแม่กลอง พักแรมในน้ำตกทีลอซู และแหล่งทัศนศึกษาอื่นๆที่มีความเสี่ยงในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางทั้งหมดเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ

ที่ จ.แม่ฮ่องสอน หลังฝนตกหนักต่อเนื่องบนดอยในเขตพื้นที่ ต.แม่สวด อ.สบเมย ทำให้หลายหมู่บ้านได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมขัง ดินภูเขาสไลด์ลงมาปิดทับเส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทางไปยังโรงเรียนล่องแพวิทยา ต.แม่สวด หลายช่วงน้ำท่วมขังและถนนชำรุดเสียหาย แม้ชาวบ้านช่วยกัน นำไม้ไผ่มาทำเป็นสะพานให้นักเรียนสัญจรผ่านจุดน้ำท่วมขังได้ แต่ก็ทำให้สัญจรชั่วคราวได้ในระยะสั้นๆ ขณะที่นายสยาม เรืองสุกใส ผอ.ร.ร.ล่องแพวิทยา จัดครู 3 ชุดรับนักเรียนเขตติดต่อ 3 จังหวัด ประกอบด้วย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน และ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก มาเรียนร่วมกัน เพราะนักเรียนเดินทางไปเรียนที่โรงเรียนของตัวเองไม่ได้ยังมีน้ำท่วมขังสูง ทำให้โรงเรียนต้นสังกัดต้องปิดเรียน จนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ

จ.นครสวรรค์ ชาวนาในพื้นที่หมู่ 18 ต.สำโรงชัย อ.ไพศาลี ต้องปล่อยให้ต้นข้าวที่กำลังตั้งท้องจมน้ำ เนื่องจากป้องกันไม่ทัน หลังน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ไหลล้นสปิลเวย์เข้าท่วมนาข้าวต่อเนื่อง ส่วนพื้นที่หมู่ 3 ต.ทำบน อ.ท่าตะโก ถูกน้ำท่วมสูง 30-40 ซม. เพราะเป็นพื้นที่รองรับน้ำจาก อ.ไพศาลี ชาวบ้านขนย้ายข้าวของหนีน้ำกันให้วุ่น

ส่วน จ.หนองคาย ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่อุทกวิทยาหนองคายวัดได้ 10.47 เมตร เพิ่มขึ้นจากช่วงเช้า 23 ซม. ต่ำกว่าตลิ่ง 1.73 เมตร กระแสน้ำไหลเชี่ยว มีท่อนไม้ เศษไม้ลอยตามแม่น้ำโขงเป็นระยะๆ แพร้านอาหาร “แพ 12 ราศี” อยู่ในแม่น้ำโขงช่วงวัดมีชัยท่า เขตเทศบาลเมืองหนองคาย ถูกกระแสน้ำซัดจนเชือกที่ผูกมัดตัวแพไว้ขาดเหลือเพียงเส้นเดียว ตำรวจน้ำหนองคายและหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำน้ำโขง สถานีเรือหนองคายต้องนำเรือออกมาช่วยเหลือผูกเชือกตรึงไว้ไม่ให้แพหลุดไหลออกไป นอกจากนี้ความแรงของน้ำและระดับน้ำที่เพิ่มขึ้นยังกระทบต่อการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งด้วย

ด้าน จ.ยโสธร หลังมวลน้ำในแม่น้ำชีไหลเข้า พื้นที่จำนวนมาก ส่งผลให้ลำห้วยสาขาต่างๆตามแนวแม่น้ำชีตลอดสายเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะลำห้วยท่าช้าง มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงจนกระแสน้ำกัดเซาะถนนทางเข้าหมู่บ้านทรายงาม
ต.กุดกุง อ.คำเขื่อนแก้ว ขาดเป็นระยะทางยาวกว่า 15 เมตร อีกทั้งกระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากกัดเซาะพื้นถนนขยายออกเรื่อยๆ รถทุกชนิดสัญจรผ่านไม่ได้ ทำให้ชาวบ้าน 212 ครอบครัว พากันเดือดร้อนอย่างหนัก ขณะที่ อบต.กุดกุงนำเต็นท์มากางไว้ทั้งสองฝั่งลำน้ำ เพื่อเปิดเป็นศูนย์ให้การช่วยเหลือ โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำตลอด 24 ชม.

จ.กาญจนบุรี ชาวบ้านเกาะสะเดิ่ง หมู่ 3 อ.สังขละบุรี ราว 70 ครัวเรือน จำนวน 230 คน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกมานานร่วม 5 วันแล้ว เนื่องจากฝนถล่มถนนทางเข้าหมู่บ้านถูกน้ำป่าตัดขาด รถยนต์ใช้การไม่ได้ ต้องเดินเท้าเข้าไปนานร่วม 8 ชม. ทหารนำเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงอาหาร พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคเข้าไปช่วยเหลือเร่งด่วน พร้อมช่วยทำความสะอาดบ้านเรือนชาวบ้านหลังน้ำลดดินโคลนเต็มบ้าน ขณะที่การจัดงานวันของดี ของสังขละบุรี ระหว่างวันที่ 27-29 ก.ค. ต้องเลื่อนไปจัดปีหน้า เนื่องจากพืชผลการเกษตรถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายอย่างหนัก

กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานวันที่ 24-25 ก.ค. พายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวตังเกี๋ยเคลื่อนตัวขึ้นสู่ประเทศจีนตอนใต้ และจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ เข้าปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามและลาวตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนมากกว่าบริเวณอื่นๆ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขณะที่ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง ส่วนวันที่ 26-30 ก.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ลาว และเวียดนามตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง

สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์ รายงานวันเดียวกันว่า เกิดเหตุเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำ “เซ เปียน-เซ น้ำน้อย” ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างพังถล่มที่เมืองสะหนามไซ แขวงอัตตะปือ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของ สปป.ลาว ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียง เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 23 ก.ค. ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับช่วงเดียวกันตามเวลาในไทย มีรายงานผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง และสูญหายอย่างน้อย 100 คน ผู้คน ไร้บ้านราว 6,600 คน บ้านเรือนเสียหายหลายหลัง เจ้าหน้าที่ สปป.ลาว กำลังเร่งส่งเรือเข้าช่วยอพยพ และร้องของสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้ผู้ประสบภัย

ขณะที่สำนักข่าวลาวนิวส์ ของ สปป.ลาว รายงานว่า ปริมาณน้ำที่ไหลบ่าจากเหตุเขื่อนแตกดังกล่าว มีประมาณ 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเท่ากับสระว่ายน้ำแข่งโอลิมปิกมากกว่า 2 ล้านสระ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ต้องหนีขึ้นไปอยู่ที่สูงหรือไม่ก็ติดค้างรอความช่วยเหลืออยู่ตามหลังคาบ้าน เพราะมวลน้ำมหาศาลไหลเข้าท่วมพื้นที่อย่างรวดเร็ว สำหรับ เขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำที่เกิดเหตุ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการมูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 38,400 ล้านบาท) ของบริษัท “เซ เปียน เซ น้ำน้อย พาวเวอร์” (พีเอ็นพีซี) บริษัทร่วมทุนก่อตั้งเมื่อปี 2555 และมีฐานอยู่ที่กรุงเวียงจันทน์ของ สปป.ลาว โดย 1 ในบริษัทร่วมทุนคือบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)

นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งจำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เผยถึงกรณีเขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย ในประเทศลาวเกิดเหตุสันเขื่อนดินย่อยส่วน D แตกว่า เนื่องจากปริมาณน้ำมากเกินกำหนด หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้มวลน้ำ 600 ล้านลูกบาศก์เมตร ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนในเมืองสะหนามไซ แขวงอัตตะปือ เมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมา เขื่อนดินย่อยส่วน D เป็น 1 ใน 5 เขื่อนย่อย ที่อยู่ล้อมรอบ เขื่อนหลักที่ผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำ เหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบกับเขื่อนหลัก และไม่มีผลต่อกำหนดการเริ่มจ่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในเดือน ก.พ.62 โดยหลังจากนี้บริษัทที่รับเหมาก่อสร้างจะสร้างคันโดยรอบอีกชั้นหนึ่งเพื่อเสริมความแข็งแรงของเขื่อนย่อย

นายเกียรติคุณ ชาติประเสริฐ เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว เผยว่า ทางสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองสะหวันนะเขต รายงานให้ทราบว่า เขื่อนที่พังอยู่ระหว่างแขวงอัตตะปือกับแขวงจำปาศักดิ์ แต่อยู่ในแขวงจำปาศักดิ์ จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่ามีไร่ส้มธนากรของคนไทยที่ปากเซ ได้รับความเสียหายเล็กน้อย ส่วนรายอื่นๆไม่ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ดีได้เฝ้าติดตามความเสียหายด้านอื่นๆอยู่ว่ามีหรือไม่ เขื่อนที่พังเป็นโครงการเขื่อนไฟฟ้าเซ เปียน-เซ น้ำ น้อย เป็นการร่วมทุนระหว่างกลุ่มทุนต่างประเทศกับรัฐบาล สปป.ลาว มีอายุสัมปทาน 27 ปี นับตั้งแต่วันเปิดจำหน่ายกระแสไฟฟ้า

น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า นาย เกียรติคุณ ชาติประเสริฐ เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มีกำหนดมอบเงินช่วยเหลือของ สอท.ในเบื้องต้น 1 แสนบาทให้แก่นางคำเพา เอินทะวัน รองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สปป.ลาว ในวันที่ 25 ก.ค. และเตรียมขอรับนโยบายจากรัฐบาลไทยว่า จะให้การ ช่วยเหลืออย่างไรต่อไป นอกจากนี้ทราบว่ามีภาคเอกชนไทยแสดงความจำนงจะบริจาคความช่วยเหลือด้วยจำนวนมาก อาทิ สภาธุรกิจไทย-ลาว และสมาคม นักธุรกิจไทยในลาวร่วมบริจาค 1 หมื่นบาท ตอนนี้กำลังรวบรวมความช่วยเหลือ ขณะนี้สถานกงสุลใหญ่ (สกญ.) กำลังรวบรวมและรับบริจาคให้ความช่วยเหลือจากเอกชนอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.มีสารแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ ในนามของพี่น้องคนไทย ในฐานะมิตรประเทศทางด้านรัฐบาลไทย พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในการบรรเทาสาธารณภัยครั้งนี้อย่างเต็มที่ อยู่ระหว่างประสานแจ้งความต้องการ เนื่องจากทางด้านการคมนาคมลำบาก จึงไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างเร่งด่วน