ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดฉากโต้วาทะอย่างดุเดือดกับประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ของอิหร่าน ให้ระวังเผชิญผลลัพธ์เลวร้ายฐานมาข่มขู่สหรัฐฯ

ผู้นำสหรัฐฯโพสต์ทวิตเตอร์ข่มขู่ผู้นำอิหร่านด้วยท่าทีแข็งกร้าวดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค. หลังเมื่อช่วงกลางวันของวันเดียวกัน ผู้นำอิหร่านกล่าวต่อกลุ่มนักการทูต เตือนนายทรัมป์อย่าได้แหย่หางสิงโตเล่น และว่า อเมริกาต้องเข้าใจให้ดีว่า (การทำ) สันติภาพกับอิหร่าน คือมารดาแห่งสันติภาพทั้งมวล และการทำสงครามกับอิหร่านคือมารดาแห่งสงครามทั้งมวลเช่นกัน

แต่ไออาร์เอ็นเอ สำนักข่าวรัฐบาลอิหร่าน กลับไม่ค่อยสนใจข้อความขู่กลับทางทวิตเตอร์ของนายทรัมป์และว่า เป็นปฏิกิริยาตอบรับเชิงบวกต่อคำแถลงของนายรูฮานี และเสริมว่าถ้อยแถลงของทรัมป์เป็นแค่การเลียนแบบนายโมฮัมหมัด จาวัด ซารีฟ รมว.ต่างประเทศอิหร่านที่เคยขู่โลกตะวันตกอย่าได้คิดมาขู่คุกคามอิหร่าน ส่วน พล.อ.โกลัม ฮอสเซน เกย์ปูร์ ผู้บัญชาการกองกำลังบาซิจของอิหร่าน ระบุว่า การขู่ของทรัมป์ เป็นแค่สงครามทางจิตวิทยา

การปะทะคารมกันระลอกล่าสุดมีขึ้นหลังความสัมพันธ์ของสหรัฐฯ-อิหร่าน เริ่มตึงเครียดมาตั้งแต่นายทรัมป์ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯและเมื่อเดือน พ.ค. เพิ่งสั่งสหรัฐฯถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซึ่งจะยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์แลกกับการยกเลิกคว่ำบาตร เพราะเห็นว่าไม่ครอบคลุมและไม่เข้มงวดต่อการบ่อนทำลายในภูมิภาคตะวันออกกลางของอิหร่าน ทรัมป์ยังสั่งให้คว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ แม้จะมีเสียงค้านจากอังกฤษ ฝรั่งเศส จีน รัสเซีย และเยอรมนี ที่ต่างร่วมลงนามข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านเมื่อปี 2558

อย่างไรก็ดี นายทรัมป์เคยใช้สื่อสังคมออนไลน์โจมตีและตอบโต้ผู้นำที่ขัดแย้งกับสหรัฐฯมาแล้วหลายคนรวมทั้งนายคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เคยด่าตอบโต้กันแบบไม่ไว้หน้าและถึงขั้นอวดอ้างมีปุ่มกดนิวเคลียร์ที่ใหญ่กว่าอีกฝ่าย แต่สุดท้ายลงเอยด้วยการจับเข่าคุยในเวทีประชุมสุดยอด (ซัมมิต) กันที่สิงคโปร์เมื่อเร็วๆนี้ พร้อมกับเพิ่มความหวังการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี แม้กระบวนการที่เกี่ยวข้องยังไม่มีความคืบหน้า.

...