ธรรมะสนามพระวิภาวดี ประจำอาทิตย์นี้ มาจาก หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล หนองบัวลำภู ท่านว่าไว้ “สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นตาย สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์ สิ่งใด เป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา ผู้ใดเห็นอนัตตา ผู้นั้นเห็นพระนิพพาน”.....
อนัตตา แปลว่า ไม่มีตัวตน อะไรๆ ก็ไม่ใช่ ซึ่งเป็นธรรมชาติของสังขาร ดังนั้นท่านถึงสอนให้อย่ายึดติดว่าอะไรของเรา เพราะสุดท้ายคือว่างเปล่า ไม่มีอะไรเป็นของเราแท้จริง.....
เข้าสนามพระ เจอองค์แรกเป็นพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานคู่ หูจุด วัดใหม่อมตรส พ.ศ.๒๕๐๙ ของ เสี่ยพ๊อต นครชัยศรี แม้เป็นพระสร้างย้อนยุค แต่ก็เป็นพระสำนักเดียวกัน และมีความงามเป็นเยี่ยม.....
พระนี้สร้างเพื่อหาทุนสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ แทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรม ด้วยทุนที่ได้จากการออกให้ทำบุญบูชา พระสมเด็จบางขุนพรหม ที่เปิดกรุเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ กับรายได้จากการจัดสร้างพระสมเด็จบางขุนพรหม พ.ศ.๒๕๐๙ เพื่อบรรจุในพระเจดีย์องค์ใหม่ และแบ่งออกให้ทำบุญบูชา.....
...
โดย พระครูอมรคณาจารย์ (เส็ง) เจ้าอาวาส มอบหน้าที่การจัดสร้างที่มีทั้งพระพุทธรูปบูชา พระรูปเหมือน และพระพิมพ์สมเด็จ ให้ พระครูบริหารคุณวัตร (ชม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ดำเนินการ.....
เริ่มจากทำแม่พิมพ์ บดผงผสมเนื้อมวลสาร กดพิมพ์พระภายในพระอุโบสถ ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม-ปลายเดือน พ.ย. พ.ศ.๒๕๐๘ จัดพิธีพุทธาภิเษก พร้อมพิธีผูกพัทธสีมา ระหว่างวันที่ ๔-๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๙ โดย สมเด็จพระวันรัต วัดพระเชตุพน เป็นประธาน พร้อมพระเกจิอาจารย์ อาทิ พระเทพสิทธินายก (นาค) วัดระฆังฯ พระราชธรรมาภรณ์ (เงิน) วัดดอนยายหอม หลวงพ่อเต๋ คงทอง วัดสามง่าม หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ พระครูวิสัยโสภณ (ทิม) วัดช้างให้ หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย.....
แม่พิมพ์มี ๑๒ พิมพ์ คือ ๑.พิมพ์ใหญ่ ๒.พิมพ์เส้นด้าย ๓.พิมพ์ทรงเจดีย์ ๔.พิมพ์เกศบัวตูม ๕.พิมพ์สังฆาฏิ ๖.พิมพ์ปรกโพธิ์ ๗.พิมพ์ฐานคู่ ๘.พิมพ์ฐานแซม ๙.พิมพ์อกครุฑ ๑๐.พิมพ์ไสยาสน์ ๑๑.พิมพ์คะแนน ๑๒.พิมพ์จันทร์ลอย.....
พระจัดสร้างเป็น ๒ ประเภท คือ ที่บรรจุองค์พระเจดีย์ด้านหลังปั๊มหมึก คำว่า “บรรจุ” รวมทุกพิมพ์ ๘๔,๐๐๐ องค์ ราคาองค์ละ ๑ บาท.....
กับประเภทออกให้ทำบุญบูชา องค์ละ ๑๐ บาท ยกเว้นพิมพ์ไสยาสน์ ๒๕ บาท กับบรรจุกล่องเป็นชุด ๑๑ พิมพ์ ยกเว้น พิมพ์ไสยาสน์ ทำบุญชุดละ ๑๐๐ บาท ด้านหลังประทับตรายาง รูปองค์พระเจดีย์ ด้วยหมึก นำกลับได้ จำนวนรวม ๗๒,๕๑๘ องค์ เพราะคัดพระชำรุดออก.....
เพลานี้ความนิยมพระชุดนี้มีสูงขึ้นๆ เพราะยังมีมากพอหมุนเวียน และทุกพิมพ์องค์สภาพสมบูรณ์สวยเยี่ยม ราคาหลักหมื่น แต่ถ้าเป็นบล็อกนิยมสุดของพิมพ์อย่างองค์ในภาพ ราคาเริ่มคุยที่ หลักแสน .....
องค์ที่สอง เป็น พระกำแพงซุ้มกอ พิมพ์ใหญ่ลายกนก กรุลานทุ่งเศรษฐี กำแพงเพชร ของ เสี่ยวุฒิศักดิ์ รัตนสุวรรณ์ แรกเห็นก็งงกับพิมพ์พระที่ดูท้วมๆผิดตา.....
แต่เมื่อให้ผู้รู้ดูรายละเอียด จุดตำหนิ เช่น ขอบพระด้านขวาที่หนาใหญ่ รอยยุบลึกในเส้นขอบพระเกศาเหนือหน้าผากขวา ปากพญานาคในลายกนกด้านซ้าย สร้อยพระศอ ขมวดลวดลายกลมใหญ่สุดตัวกลางที่ด้านล่างข้างขวา กลีบบัวด้านล่าง กับคราบกรุขาวราดำจับแน่นในเนื้อทั่วองค์ รวมถึงจุดแดง (ว่านดอกมะขาม) ในเนื้อพระ และธรรมชาติด้านหลังที่ปาดเรียบเป็นริ้วบางๆ ก็ถูกต้องทุกจุด.....
...
อีกทั้งสอบถามผู้ชำนาญสายตรงบอกว่าดูจากรูปก็ใช่แน่ ไม่มีปัญหา เรื่องที่ดูองค์อึ๋มๆน่าจะเคลียร์ได้ว่าเป็นเพราะแสงมุมของการถ่ายภาพมากกว่า.....
องค์ที่สาม คือ พระบาง กรุวัดดอนแก้ว อ.เมือง ลำพูน ที่มีคำกล่าวของนักนิยมพระเมืองเหนือว่า พระลือชื่อลือลั่น เสน่ห์นั้นต้องพระบาง ที่บอกถึงอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นของพระบาง ๑ ในพระสกุลลำพูน ที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยมสูง.....
องค์งามๆสภาพเยี่ยม ตอนนี้ราคาพุ่งสูงถึง หลักแสน แร้ว ส่วนองค์นี้ของ เสี่ยบี พัทยา เพิ่งได้มา แต่ไม่บอกราคา ก็พอประมาณตามสภาพได้ว่าไม่หนีหลักแสน....
ตามมาด้วย พระสังกัจจายน์ เนื้อสัมฤทธิ์ พุทธศิลป์สมัยเชียงแสน ขนาดหน้าตัก ๑" ซึ่งเป็นพระสูงค่าหายาก ต่างจากพระกรุทั่วไป เพราะนิยมสร้างในวาระพิธีสำคัญทางพระพุทธศาสนา อาทิ การสร้างวัด สร้างองค์พระเจดีย์ พร้อมสร้างพระพิมพ์บรรจุไว้เป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนา ในอดีตผู้สร้างก็ต้องเป็นชนชั้นท้าวเจ้าพระยา–มหากษัตริย์เท่านั้น คนธรรมดาไม่มีทางสร้างได้.....
...
ความเคารพศรัทธาในองค์พระมหากัจจายนะ หรือที่นิยมเรียกว่า พระสังกัจจายน์ ได้รับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานของจีน เข้ามาทางภาคเหนือของไทย ซึ่งมีหลักฐานจากการค้นพบองค์พระสังกัจจายน์ศิลปะสมัยเชียงแสน ขนาดเล็ก ในกรุพระเมืองเหนือทั่วไป แต่ก็พบเพียงกรุละ ๑ องค์ และก็มักเป็นชนิดเนื้อหินแกะ ที่เป็นเนื้อสัมฤทธิ์ อย่างองค์ในภาพมีพบน้อย ไม่กี่องค์ในวงการ .....
ได้รับความนิยมแสวงหาในหมู่พ่อค้านักธุรกิจใหญ่ๆ เพราะเชื่อกันว่าเป็นพระดีพิธีหลวง มีไว้บูชาจะทำให้มีความอุดมสมบูรณ์ มีโชคลาภ ดังที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวยกย่อง องค์พระมหากัจจายนะ ให้เป็นพระเอตทัคคะทางด้านลาภสักการะ.....
ต่อด้วย พระท่ามะปรางค์ เนื้อชินเงิน กรุเมืองกำแพงเพชร นาม พระเครื่องพุทธศิลป์สมัยสุโขทัย ที่มีชื่อเสียงครั้ง เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เป็นแม่ทัพ นำกองทหารเมืองพิษณุโลก ยกทัพขึ้นไปปราบกบฏเงี้ยวที่เมืองเหนือ ก่อนเคลื่อนทัพท่านได้ยินกิตติศัพท์มีพระดีบรรจุอยู่ที่กรุวัดท่ามะปรางค์ จึงเปิดกรุนำพระนี้ขึ้นแจกจ่ายทหารเป็นการบำรุงขวัญกำลังใจ ปรากฏว่าสามารถปราบกบฏเงี้ยวได้ราบคาบ ทหารเงี้ยวยอมวางอาวุธมีดปืน มอบตัวสิโรราบโดยไม่คิดต่อสู้.....
...
เชื่อกันว่าเป็นด้วยอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องนี้ จึงเลื่องลือในสมญานาม “เงี้ยวทิ้งปืน” ได้รับความนิยมมาถึงปัจจุบัน ที่มีราคาสูงหลักมากแสน.....
เมื่อเปิดประวัติจากบันทึกนักนิยมพระเครื่อง ได้ความว่าพระนี้มีการค้นพบครั้งแรกในกรุพระวัดบรมธาตุ กำแพงเพชร ราวปี พ.ศ.๒๓๙๒ และอีกหลายกรุที่อยู่ใกล้เคียง ก่อนจะมีการค้นพบในกรุพระเมืองพิษณุโลกครั้งแรก ที่วัดท่ามะปรางค์ โดยนักลักลอบขุดหาสมบัติ เมื่อราวปี พ.ศ.๒๔๔๐.....
จนถึงปี พ.ศ.๒๔๔๕ เจ้าพระยาสุรศักดิ์-มนตรี ได้ทำการเปิดกรุวัดท่ามะปรางค์ นำพระขึ้นจากกรุมอบทหารเป็นการบำรุงขวัญ ในการยกทัพไปปราบกบฏเงี้ยวดังกล่าว.....
ซึ่งในเวลาต่อมายังมีการค้นพบพระ ทั้งชนิด เนื้อชินเงิน เนื้อดิน ได้อีกในกรุพระอีกหลายแห่ง เช่น กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ กรุวัดสะตือ กรุวัดเจดีย์ยอดทอง กรุโรงทอ วัดโพธิ์ กรุอัฏฐารส กรุวัดอรัญญิก และอื่นๆในเขตเมืองพิษณุโลก.....
อย่างไรก็ตาม แม้พระกรุวัดท่ามะปรางค์ เมืองพิษณุโลก จะเป็นพระสร้างชื่อเสียงของพระสกุลนี้ แต่ในวงการนักนิยมพระกลับยกเครดิตให้ พระท่ามะปรางค์ เมืองกำแพง อย่างองค์นี้ ของ เสี่ยพิชิตพงษ์ คำมงคล ว่ามีความ งดงามที่สุด.....
พระอีกสำนักคือ รูปเหมือนลอยองค์ พิมพ์ขี้ตา (สี่ชาย) เนื้อดิน หลวงพ่อเงิน วัดหิรัญญาราม (บาง- คลาน) อ.โพทะเล พิจิตร.....
เพิ่งลงรูปเขียนเรื่องการจัดสร้าง สถานที่ค้นพบความนิยม ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ครั้งนี้มีมาให้ชมอีกองค์เป็นของ เสี่ยอนันต์ สีดอกบวบ เป็นพระสภาพงามเยี่ยม สมบูรณ์ยอดเช่นกัน.....
ก็พยายามคิดหาเรื่องเขียนในมุมที่แตกต่าง นึกได้ถึงบันทึกการค้นพบ พระชนิดเนื้อดินผสมผง ว่ามีอีกหลายแบบพิมพ์ที่สร้างในคราวเดียวกัน ทั้งพิมพ์พระสมเด็จ พิมพ์พระเจ้าห้าพระองค์ พิมพ์พระซุ้มกอ พระทุ่งเศรษฐี พิมพ์พระขุนแผน ก็มี.....
โดย หลวงพ่อเงิน ได้เขียนรวบรวมผงพุทธคุณ ๕ ประการ มอบให้ หลวงพ่อหอมเจ้าอาวาสวัดหลวง พระสหมิกธรรมชั้นศิษย์ พระคู่สวดท่าน นำไปผสมเนื้อดินสร้างเป็นองค์พระได้ตามจำนวน แล้วจึงนำกลับมาให้ท่านปลุกเสก.....
เสร็จแล้ว หลวงพ่อหอม นำไปบรรจุไว้วัดในอุปถัมภ์ของหลวงพ่อเงิน คือ วัดหลวง วัดคงคาราม วัดหนองดง วัดโพทะเล วัดบ้านตาล วัดช้างและมากสุดที่วัดบางคลาน.....
ซึ่ง หลวงพ่อเงิน ได้สั่งคำประกาศิตไว้ให้นำพระนี้ขึ้นหารายได้เพื่อบูรณะวัดเท่านั้น ห้ามใครนำพระนี้ขึ้นเพื่อการอื่น จะมีโทษถึงตัว .....
นำเรื่องนี้มาเขียนบอกกัน เพราะ ปัจจุบัน พระพิมพ์ ขี้ตา เนื้อดิน องค์ งามๆ สภาพแชมป์อย่างในภาพฟังว่าราคาเป็น แสนเป็นล้านแล้ว คนที่มีศรัทธาอยากหาใช้ แต่เบี้ยน้อย จะได้พอมีความหวัง หาพระพิมพ์อื่นๆของท่านใช้แทนได้ในราคาหลักพันหลักหมื่น.....
ต่อด้วย เหรียญรุ่นแรกเนื้อเงินลงยา พ.ศ.๒๔๘๖ หลวงพ่อเชิด จันทสุวัณโณ วัดลาดบัวขาว ต.หัวไทร อ.บางคล้า ฉะเชิงเทรา พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อด้านวิชาอาคมเข้มขลัง ร่ำลือว่าแปลงร่างเป็นเสือสมิงได้.....
ท่านกำเนิดเมื่อ ๒๓ กันยายน ๒๔๓๓ อายุแค่ ๓ ขวบ บิดามารดาเสียชีวิต จึงมาอยู่กับ หมอเคลือบสุนทรวิจารณ์ น้าชาย ซึ่งเป็นแพทย์แผนโบราณที่มีชื่อเสียง ได้รับการยกย่องเป็นหมอเทวดาในยุคนั้น.....
ได้เรียนหนังสือขอม หนังสือไทย วิชาแพทย์ แผนโบราณ รวมถึงวิชาอาคม อายุครบ ๒๐ ปีได้อุปสมบท ที่วัดลาดบัวขาว โดยมี พระครูรอด วัดคลองเขื่อน เป็นพระอุปัชฌาย์ จำพรรษาเรียนวิชาอยู่กับ หลวงพ่อปาน ถึงปี พ.ศ.๒๔๖๗ ก็ได้เป็นเจ้าอาวาส จนได้รับสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวน --มีเรื่องเล่าว่าท่านไม่ยอมเดินทางไปรับพัดยศ โดยบอกว่าท่านไม่ได้ขอ ใครขอก็ต้องเอามาให้เอง เจ้าคณะจังหวัดต้องเอามามอบให้ด้วยตัวเอง.....
ท่านชอบออกเดินธุดงค์ตลอดชีวิต ปีละ ๕ เดือนมีพระร่วมคณะ ๑๐๐ รูป ฆราวาส ๒๐ คน บางครั้ง ๒-๓ ปีจึงกลับวัด คราวหนึ่งท่านได้เรียนวิชากับ หลวงพ่อคง วัดซำป่างาม ข้ามไปเรียนวิชารักษาคนบ้า วิชาเสือสมิง จากพม่า เขมร .....
ท่านเป็นคนอารมณ์ดี เทศมหาชาติกัณฑ์ชูชกไพเราะ มีมุกขำขันมาก ขนาดมีศิษย์เคยนับมุกโดยใช้เม็ดพริกใส่กระจาดตามเสียงฮาครั้งละเม็ด เมื่อท่านเทศน์เสร็จปรากฏมีเม็ดพริกเต็มกระจาด และเป็นที่เลื่องลือมากว่าท่านแปลงร่างเป็นเสือสมิงได้--อธิบายทางวิทยาศาสตร์ก็คงเป็นพลังจิตที่แข็งกล้า สะกดคนได้ ซึ่งเรื่องพลังจิตมีจริง.....
พระเครื่องวัตถุมงคลที่ท่านสร้างไว้ได้รับความนิยมสูง โดยเฉพาะเหรียญแบบนี้ ของ เสี่ยฟุ้ย ท่ามะกา กาญจนบุรี เป็นเหรียญยอดนิยม ราคาหลักแสน ที่หายากกว่าเหรียญหลักล้าน....
ตามมาด้วย เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๔๙๗ พระครูอุดมเวทวรคุณ หรือ หลวงพ่อเมือง วัดท่าแหน ลำปาง พระเกจิอาจารย์เมืองเหนืออีกรูปที่มีชื่อเสียง ปรากฏว่าเป็นพระแท้ มีวิชาพุทธาคมเป็นยอด ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๕ ที่บ้านท่าแหน อ.แม่ทะ ลำปาง บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุ ๑๕ ปี ที่วัดท่าแหน พออายุครบ ๒๐ ก็อุปสมบท แล้วได้มุ่งหน้าเดินทางแสวงหาเรียนตำราวิปัสสนา-กรรมฐาน วิชาพุทธาคม ครั้งหนึ่งได้เป็นศิษย์เรียนวิชากับ พระเทพวิสุทธิโสภณ (อดีตเจ้าคณะ ลำปาง).....
หลวงพ่อเมือง ได้ชื่อเป็นพระอริยสงฆ์รูปหนึ่ง ซึ่ง หลวงพ่อเกษม เคารพศรัทธา ครั้งหนึ่งยังเคยเอ่ยตอบกับในหลวง ร.๙ เมื่อตอนมีพระราชดำรัสถามท่านว่า อดีตชาติท่านเป็นนักรบใช่หรือไม่ ท่านตอบว่า ไม่รู้ต้องถาม หลวงพ่อเมือง เพราะท่านมี อตีตังสญาณ แสดงให้เห็นว่าท่านรู้ถึงว่า หลวงพ่อเมือง สำเร็จธรรมถึงขั้นทิพย์จักษุฌาน ซึ่งเป็นกรรมฐานชั้นสูง.....
ตลอดอายุท่านสร้างพระเครื่องวัตถุมงคลไว้ไม่มาก รุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ เหรียญรุ่นแรกแบบนี้ของ เสี่ยโหน่ง กาดเมฆ ที่มีสร้างไว้เพียง ๕๐๐ เหรียญ เป็น เนื้อทองแดงชนิดเดียว ปัจจุบันเป็นเหรียญพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับความนิยมสูง แต่หายาก เพราะจำนวนสร้าง ๕๐๐ นับว่าน้อยมาก.....
ลากันวันนี้ ด้วยเรื่องปิดท้ายของ เสี่ยวราเจ้าของร้านขายภาพวาดงานศิลป์ต่างๆ.....
วันหนึ่ง กำลังนั่งกินข้าวเย็นพร้อมลูกเมีย และเปิดทีวีดูข่าว ๑๓ หมูป่าติดถ้ำ ซึ่งติดตามทุกเวลาด้วยความลุ้นระทึก.....
พอถึงวันได้พบเด็กทั้ง ๑๓ มีชีวิต ก็โล่งใจดีใจ บอกเมียว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เมียก็พยักหน้า ทำตาโตบอกว่าก็น่าจะจริง เพราะมีข่าวว่า โค้ชเอก ห้อย พระรอด ติดตัวอยู่องค์เดียว เชื่อว่าน่าจะเป็นอานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของ พระรอด ช่วยให้รอดสมชื่อ--เสี่ยวรา ซึ่ง “อินจัด” ก็พยักหน้าเห็นด้วย แล้วสั่งเมียว่าให้ไปหามาให้ลูกห้อยคอสักองค์.....
เมียฟังแล้วร้องลั่น พูดจริงเหรอ เสี่ยวรา ก็สงสัยทำไมร้องเสียงดังขนาดนั้น พอเมียตอบว่า ก็ในข่าวบอกว่าราคาพระรอด องค์ละ ๓-๕ ล้านเชียวนะ คราวนี้ เสี่ยวรา ร้องลั่นกว่า แล้วบอกลูกเสียงเบาๆว่า พ่อพูดเล่น เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง