เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ "ฝ้าย พัทธนันท์" เปิดใจชีวิตหลังเกือบไปทักทายมัจจุราช หลังกินน้ำยาล้างห้องน้ำฆ่าตัวตาย ชีวิตพัง เสียค่ารักษาเกินล้าน ทุกข์ทรมาน 7 ปีเต็ม ทุกวันนี้กลับมายิ้มได้ แม้ไม่มีกระเพาะอาหาร...
น.ส.พัทธนันท์ จิรเรืองเกียรติ หรือ คุณฝ้าย อายุ 26 ปี สาวสวยที่เคยผ่านประสบการณ์ความเป็นความตาย เปิดเผยกับไทยรัฐออนไลน์ว่า ตอนที่อายุ 19 ปี รู้สึกกดดันเรื่องครอบครัว การเรียน ความรัก หลายเรื่องรุมเร้าจึงหยิบน้ำยาล้างห้องน้ำขึ้นมากิน ด้วยความที่เสียใจมาก เลยกินไปเกือบหมดขวด คิดว่าจะกินให้ตายไปเลย แต่ว่ามันไม่ตาย และรู้สึกร้อนๆ เหมือนไฟไหม้ข้างใน นั่งอยู่แบบนั้นประมาณ 20 นาที เลยไปหยิบน้ำมากินแล้วก็อาเจียนออกมา แต่ก็ยังไม่หายยังร้อน พอดีคุณตามาเห็น จึงพาส่งโรงพยาบาลใกล้บ้าน
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลก็อาเจียนออกมาเป็นเลือดเยอะมาก แต่โรงพยาบาลไม่ได้ทำอะไร บอกแค่ว่า อย่าอาเจียน ซึ่งปกติแล้วหากกินน้ำยาล้างห้องน้ำเข้าไปจะไม่ล้างท้องหรือให้อาเจียน เพราะกลัวว่าน้ำยาล้างห้องน้ำจะขึ้นมาไหม้อีกรอบ แต่ตนก็หยุดอาเจียนไม่ได้ ก็เลยนอนอยู่แบบนั้นจนแม่มา
เมื่อส่องกล้องดูจะเห็นว่าภายในไหม้ หลอดอาหาร กระเพาะอาหารจะเป็นสีดำๆ เละๆ มีเลือดออก หลังจากนอนได้ 5 วัน ทางโรงพยาบาลก็แจ้งว่าหมอไม่เคยเจอเคสแบบนี้ ให้ย้ายไปอีกโรงพยาบาลหนึ่ง เมื่อย้ายไปแล้วทางโรงพยาบาลก็ให้เจาะเพื่อให้อาหารผ่านหน้าท้อง เพราะไม่สามารถกินอะไรเข้าได้ และต้องอยู่ในสภาพนี้ไปอีก 1 ปี ไม่สามารถผ่าตัดได้ เนื่องจากแผลข้างในยังเละอยู่ การผ่าตัดจึงทำได้ยาก ต้องรอให้แผลดีขึ้น และต้องรอให้ร่างกายแข็งแรงกว่านี้ รวมทั้งต้องเพิ่มน้ำหนัก
...
แต่เมื่อครบกำหนดก็ยังผ่าตัดไม่ได้ เพราะหมอไม่ชำนาญด้านนี้ กลัวว่าหากผ่าตัดไปแล้วจะทำให้พูดไม่ได้ และหากเย็บแผลไม่ดีอาจจะทำให้เศษอาหารรั่วเข้าร่างกายได้ จึงแนะนำให้อยู่ในสภาพนี้ต่อไป คือต้องตื่นมาเตรียมอาหารตั้งแต่เช้าเป็นอาหารเหลวคือ นำแครอท บร็อกโคลี อกไก่ ซึ่งเป็นสูตรอาหารจากโรงพยาบาลมาปั่นรวมกัน และนำมาแบ่งเป็นถุงๆ เวลาไปไหนต้องเอาไปด้วย และต้องแช่เย็นไว้ตลอด เวลาที่อยากกินอะไรก็ทำได้แค่เคี้ยวแล้วคายทิ้งใส่ถุงดำที่ต้องพกติดตัวไว้ตลอด ทำให้ไม่ค่อยอยากเปิดใจคบเพื่อนใหม่ เพราะเขาไม่รู้เราเป็นยังไงมาก่อน เขาอาจรับไม่ได้ที่เราต้องบ้วนน้ำลายทิ้งบ่อยๆ
จนเวลาล่วงเลยมาประมาณ 4 ปี ก็ได้เจอกับ รศ.นพ.ชฎิล ธาระเวช ซึ่งเป็นคุณหมอที่ รพ.จุฬาฯ เป็นคนผ่าตัดให้ โดยตัดหลอดอาหารและกระเพาะอาหารออก แล้วนำลำไส้ใหญ่ส่วนหนึ่งขึ้นมาแทน รวมทั้งตัดไหปลาร้าไปบางส่วน เพราะกลัวว่าจะกดทับลำไส้ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ทุกวันนี้ตนไม่มีกระเพาะอาหาร เวลาย่อยจะย่อยในลำไส้ ทำให้ร่างกายขาดวิตามิน จึงต้องฉีดวิตามินรวม B12 เป็นประจำทุกเดือน แต่หลังออกจากห้องผ่าตัดก็มีเอฟเฟกต์เยอะมาก ตอนออกจากห้องผ่าตัดมีลิ่มเลือดอุดตันที่ขา มีอาการช็อก ต้องให้ยา มอร์ฟีนเยอะมาก ส่วนการดูแลตัวเองตอนนี้ก็ต้องกินวิตามิน ฉีดยา กินยาบำรุงเลือดตลอด และยังต้องใส่ถุงน่องที่ขา ส่วนตัวคิดว่าการกินอิ่มนอนหลับคือความสุขที่สุดแล้ว จากน้ำยาล้างห้องน้ำมูลค่าไม่กี่บาท ต้องเสียค่ารักษาเกิน 1 ล้านบาท หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่หยิบมันขึ้นมากิน
คุณฝ้าย กล่าวต่อว่า ชีวิตหลังการผ่าตัดดีขึ้นเยอะมาก อยากกินอะไรก็ได้กิน แต่ยังไม่ปกติเสียทีเดียว เวลากินจะต้องกลืนแรงๆ เพราะลำไส้ที่นำขึ้นมาแทนหลอดอาหารไม่มีหูรูด รวมทั้งกล้าเปิดใจคบเพื่อนใหม่ สามารถไปกินข้าวด้วยกันได้ ต่างจากเมื่อก่อนที่ต้องไปกินบนรถคนเดียว
"หลังจากที่ผ่านเรื่องร้ายๆ ผ่านความตายมา ทำให้รู้ว่าชีวิตตอนนี้มีความสุขมาก เนื่องจากหนูเคยทุกข์ทรมานเป็นระยะเวลา 7 ปี อยากบอกว่าถ้าตอนนั้นไม่มีความทุกข์ ก็คงไม่รู้จักความสุขในวันนี้ อยากฝากถึงทุกคนว่า เวลาที่เสียใจมาก อย่าอยู่คนเดียว ให้นึกถึงคุณพ่อคุณแม่ เราเสียใจเท่านี้แต่ท่านเสียใจกว่าเราเยอะมาก อยากให้ทุกคนคิดว่าวันข้างหน้าต้องดีกว่าวันนี้แน่นอน ทำทุกวันให้ดีที่สุด มีความสุขในทุกๆ วัน และไม่เดือดร้อนใครก็พอ ซึ่งตอนนี้ตนก็ทำตามฝันด้วยการเปิดธุรกิจร้านกาแฟ Aroi-D "
ข่าวที่เกี่ยวข้อง