กระทบ19-21ก.ค. อุตุฯ เตือนอีสานให้เตรียมรับมือ

อุตุฯแจ้งเตือนพายุโซนร้อน “เซินติญ” จ่อถล่ม 15 จังหวัดภาคอีสานและตะวันออกรับมือ ฝนตกหนัก 19-21 ก.ค. ล่าสุดที่ยโสธรฝนกระหนํ่าหลายวัน ส่งผลให้ลำน้ำยังเอ่อท่วมนาข้าวกว่า 500 ไร่ ส่วนที่มุกดาหาร แม่น้ำโขงทะลักวันเดียวกว่า 1 เมตร ทำเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังเดือดร้อน นครพนมบ้านเก่าอายุกว่า 200 ปี ติดลำน้ำสงครามบรรจบแม่น้ำโขงถูกน้ำเซาะดินสไลด์บ้านพังเสียหาย 4 หลัง ขณะที่ตราดเจอฝนตกหนักยันเช้าน้ำระบายไม่ทันท่วมถนนเกือบ 1 เมตร รถสัญจรไม่ได้

ฝนถล่มอีสานน้ำท่วมหลายจังหวัด ที่ จ.ยโสธร วันที่ 17 ก.ค. เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องมาหลายวัน ส่งผลให้ปริมาณน้ำสะสมไหลลงลำน้ำยังเอ่อท่วมนาข้าวในพื้นที่ ต.เดิด อ.เมืองยโสธร โดยเฉพาะที่บ้านใหม่ชุมพรได้รับความเสียหายกว่า 500 ไร่ และมีแนวโน้มขยายวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากยังมีน้ำเหนือไหลลงมา ประกอบกับฝนยังไม่หยุดตกทำให้ชาวนาได้รับความเดือดร้อนและยังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปช่วยเหลือ สำหรับหมู่บ้านแห่งนี้ถูกน้ำท่วมซ้ำซากเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ไม่มีพนังกั้นลุ่มน้ำยังที่รองรับน้ำเทือกเขาภูพาน จ.กาฬสินธุ์ และ จ.สกลนคร

...

ที่ จ.มุกดาหาร ฝนที่ตกหนักทำให้แม่น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำล่าสุดที่ส่วนอุทกวิทยาที่ 3 อ.เมืองมุกดาหาร อยู่ที่ 7.75 เมตร เพิ่มขึ้นจากวันที่ 16 ก.ค.ถึง 1.29 เมตร แต่ยังต่ำกว่าตลิ่ง 4.25 เมตร อย่างไรก็ตาม น้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังในแม่น้ำโขง เนื่องจากน้ำไหลแรงมีเศษท่อนไม้กิ่งไม้ไหลมาตามกระแสน้ำกระแทกกระชังได้รับความเสียหายทำให้ปลาหลุดไปกับน้ำ เกษตรกรต้องคอยปรับกระชังให้เหมาะสมกับสภาพน้ำ และหากฝนยังตกหนักเกรงว่าปลาจะปรับสภาพไม่ทันอาจน็อกน้ำตาย

จ.นครพนม ลำน้ำสงครามที่รองรับน้ำมาจากหลายพื้นที่ก่อนไหลลงแม่น้ำโขงมีปริมาณน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ชุมชนบ้านเรือนเก่าโบราณอายุกว่า 200 ปี บ้านไชยบุรี หมู่ 1 ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ที่อาศัยอยู่ริมน้ำบริเวณจุดบรรจบลำน้ำสงครามกับแม่น้ำโขงได้รับความเดือดร้อน จากน้ำเซาะดินสไลด์ ทำให้บ้านเรือนโบราณพังเสียหายไป 4 หลัง จากทั้งหมดที่มีอยู่ 10 หลัง หลัง เกิดเหตุ ว่าที่ร้อยตรี ภูมิศักดิ์ ขำปู่ นายอำเภอท่าอุเทน ประสานเจ้าหน้าที่ทุกส่วนเร่งขนย้ายสิ่งของและรื้อบ้านป้องกันความเสียหายเพิ่มมากขึ้น พร้อมนำ กระสอบทรายนำแนวป้องกันชั่วคราว ส่วนการป้องกันระยะยาวจังหวัดมีแผนจะก่อสร้างเขื่อนป้องกัน ระยะทางประมาณ 300 เมตร

ส่วนที่ อ.เซกา และ อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ เกิดฝนตกติดต่อกันกว่า 3 วันแล้ว ทำให้ในลำห้วยไหลท่วมถนนสายเซกา-อากาศอำนวย บริเวณบ้านโคกพิทักษ์ตั้งแต่ร้านสะพานไม้ขึ้นไประยะทางกว่า 150 เมตร รถเล็กผ่านไม่ได้เจ้าหน้าที่ต้องปิดเส้นทางชั่วคราว ขณะที่นาข้าวใน ต.เซกา และสวนยางพาราถูกน้ำท่วมกว่า 100 ไร่ เช่นเดียวกับอ่างเก็บน้ำบึงโขงหลง บ้านดอนกลาง ต.บึงโขงหลง อ.บึงโขงหลง มีน้ำเพิ่มสูงขึ้นจนล้นฝายกันน้ำไหลท่วมนาข้าวเสียหายหลายร้อยไร่ ชาวบ้านพลิกวิกฤตินำอุปกรณ์จับปลาตามลำห้วยได้จำนวนมาก

...

ที่ จ.ศรีสะเกษ เกิดฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา ยันเช้า ทำให้น้ำระบายไม่ทันท่วมทางหลวง 2111 (สายพยุห์-ขุนหาญ) บ้านไพรบึง อ.ไพรบึง ระดับน้ำสูงประมาณ 30 ซม. รถสัญจรลำบาก ที่ จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น มีคำสั่งด่วนให้นายอำเภอทั้ง 26 อำเภอเตรียมพร้อมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม โดยเฉพาะอำเภอเขตภูเขาประกอบด้วย ภูผาม่าน ภูเวียง เวียงเก่า ชุมแพ เขาสวนกวาง อุบลรัตน์ และหนองนาคำ หลังกรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศจะมีฝนตกหนักในพื้นที่

ที่ จ.ตราด ฝนตกตั้งแต่กลางดึกคืนวันที่ 16 ก.ค. ถึงช่วงสายรุ่งขึ้นทำให้ถนนในตัวเมืองตราดเกิดน้ำท่วมหลายสาย โดยเฉพาะถนนเส้นหน้าตัวเมือง ตราด น้ำสูงประมาณ 50-80 ซม. รถยนต์สัญจรได้ 1 ช่องทาง ส่วนรถเล็กผ่านไม่ได้ ขณะที่บ้านเรือนร้านค้าริมถนนถูกน้ำท่วมเสียหาย เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองตราดต้องนำถุงทรายทำคันกั้นน้ำ พร้อมเร่งสูบน้ำออก ด้านนายฐิตินันท์ อุดมสุข หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ตราด กล่าวว่าเมื่อคืนฝนตกหนักมากที่สุดที่ อ.คลองใหญ่ วัดได้กว่า 195.5 มม. รองลงมาคือ อ.เมืองตราด อยู่ที่ 99.2 มม. ส่วนปัญหาน้ำท่วมเมืองตราดมาจากการระบายไม่ทัน เจ้าหน้าที่ต้องเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด

...

ด้านนายณชพงศ ประนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพังงา กล่าวว่า ในพื้นที่ จ.พังงาเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องและบริเวณทะเล อันดามันมีคลื่นลมแรง หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งว่าคลื่นลมทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้นมีคลื่นสูง 2-3 เมตร สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย จึงประกาศเตือนชาวเรือให้ผู้ควบคุมเรือเจ้าของเรือหรือผู้ประกอบการเดินเรือใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กควรงด ออกจากฝั่งวันที่ 17-19 ก.ค.นี้

มีรายงานว่า วันเดียวกันบริษัทนำเที่ยวฝ่าฝืนคำสั่งเตือนเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพังงา และประกาศจังหวัดพังงาเรื่องฝนตกหนักคลื่นลมแรงให้เฝ้าระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และประกาศระมัด ระวังในการเดินเรือจากกรมอุตุนิยมวิทยา หลังบริษัทนำนักท่องเที่ยวล่องแก่งด้วยเรือยางขณะฝนตกหนักลมกรรโชกแรงบริเวณคลองสองแพรก ต.สองแพรก อ.เมืองพังงา เป็นระยะทางกว่า 1.5 กม. และช่วงเวลาดังกล่าวพบน้ำในคลองมีสีขุ่น เสี่ยงต่อน้ำป่า ไหลหลาก ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบผู้ประกอบการเจ้าของเรือดังกล่าว

...

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือนฉบับที่ 23 เรื่อง “ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรง (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 17-20 ก.ค.61)” ว่าคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้นคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัด ระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตกระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง ส่วนประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก

กรมอุตุฯรายงานอีกว่าเวลา 10.00 น.วันที่ 17 ก.ค.พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน “เซินติญ” (SON-TINH) และกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกความเร็ว 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ และเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 18-19 ก.ค.61 และเริ่มส่งผลกระทบต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคกลางของไทยช่วงวันที่ 19-21 ก.ค. ทำให้บริเวณดังกล่าว มีฝนเพิ่มมากขึ้นและฝนตกหนักถึงหนักมาก บางแห่ง คาดหมายว่าพื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนักถึงหนักมากประกอบด้วย จ.บึงกาฬ นครพนม หนองคาย อุดรธานี สกลนคร ขอนแก่น กาฬสินธุ์์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครราชสีมา จันทบุรี และตราด