“ไก่อู” ปรามฝ่ายการเมืองต้องใจกว้าง ย้ำ ครม.สัญจรลงพื้นที่ ฟังปัญหา ไม่ได้ไปดูด ส.ส. เด็กเพื่อไทยโต้ลั่นไม่หวั่นไหว ไม่มีอำนาจใดใหญ่กว่าเสียงประชาชน “สมคิด” โอ่มั่นใจยึดฐานเดิม 7 ส.ส.เมืองดอกบัว “หัวเขียง” หยันชาวบ้านรู้ทัน ดูดสำเร็จแล้วจัดฉากเดินสายโชว์ตัว ฉะหัวขบวนทำมึน ปล่อยแก๊งไดโว่ลุยไม่หยุด “ภูมิธรรม” ใจชื้นกระแสดูดเริ่มแผ่ว “นิพิฏฐ์” ยุชาวบ้านสั่งสอน ส.ส.ย้ายพรรคแลกตำแหน่ง-ผลประโยชน์ “ศุภชัย” ทวงการบ้านนายกฯดัน จ.อุบลฯ เป็นเมืองอนาคตอีสาน “ประมวล” ค้านขึ้นเงินเดือนศาล-อัยการ-องค์กรอิสระ อัดรัฐบาลเอาใจแต่ข้าราชการ ไม่เหลียวแลคนจน-เกษตรกร ภท.ไม่ให้ ค่าพวกปั่นราคา ชี้คนเบื่อฟังข่าวพลังดูด คนสนิทยัน “ป๋าเปรม” สบายดี ดับข่าวลือป่วยเข้าโรงพยาบาล

กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาตอบโต้ว่าการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่ จ.อุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 23-24 ก.ค.ไม่มีนัยแอบแฝงทางการเมือง แต่พรรคเพื่อไทยยังคงตอกย้ำระบุเป็นความเชื่อมโยงกับขบวนการดูดอดีต ส.ส.ของพรรคไปร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐแนวร่วมของรัฐบาล หลังจากดูดอดีต ส.ส.คนใดสำเร็จแล้ว จะมีการยก ครม.สัญจรไปโชว์ตัวในพื้นที่จังหวัดนั้น

...

“ไก่อู” ขอการเมืองหยุดตี ครม.สัญจร

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีฝ่ายการเมืองวิพากษ์วิจารณ์การลงพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ และประชุม ครม.สัญจรที่ จ.อุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 23-24 ก.ค.ว่า ฝ่ายการเมืองไม่ได้วิจารณ์การลงพื้นที่ของรัฐบาลเป็นครั้งแรก แต่วิจารณ์ทุกครั้งที่รัฐบาลลงพื้นที่ว่าไปดูดอดีต ส.ส.ยืนยันไม่ได้ลงไปเพื่อดูดอดีต ส.ส. เพราะรัฐบาลไหนต้องลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาประชาชนไปทำงาน หรือจะให้นายกฯ นั่งทำตัวเฉยๆอยู่แต่ในทำเนียบรัฐบาล ไม่ไปลงพื้นที่ไหนเลย ไปเพื่อรับฟังปัญหาประชาชน นำปัญหามาแก้ไขให้ตรงจุด ใครจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรก็แล้วแต่ และส่วนใหญ่จะอยู่ในแวดวงการเมือง ขอให้เปิดใจให้กว้างหน่อยเพื่อรับฟังจะได้เข้าใจ

พท.ลั่นไม่มีอำนาจใดใหญ่กว่า ปชช.

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กระแสการดูดอดีต ส.ส. ที่มีการเสนอให้ส่วนราชการทุกระดับให้การช่วยเหลือคนที่ย้ายพรรคไปร่วมกับฝ่ายผู้มีอำนาจระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง แต่อดีต ส.ส.ที่ยึดมั่นอยู่กับพรรคเพื่อไทยไม่หวั่นไหว เพราะเมื่อถึงเวลาเลือกตั้งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินไม่มีอำนาจใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าเสียงของประชาชน ปากกาของประชาชนที่จะใช้ในคูหาเลือกตั้งมีอำนาจสิทธิ์ขาดที่สุด เรายังมั่นใจในผลงานที่ผ่านมาและนโยบายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะไม่ทำให้ประชาชนทิ้งพรรคเพื่อไทย

“สมคิด” โอ่ครั้งหน้ายังยึด 7 ส.ส.อุบลฯ

“ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ที่พรรคเพื่อไทยเคยได้ ส.ส. 7 เสียง แม้มีกระแสข่าวอดีต ส.ส.ย้ายพรรคบ้างแต่การเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคเพื่อไทยจะได้เสียง ส.ส.ในอุบลราชธานี ไม่น้อยไปกว่าเดิมแน่นอน ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ยืนยันการลงพื้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรไม่มีนัยทางการเมืองนั้น ถือเป็นมุมมองของท่าน แต่ถ้ามีนักการเมืองระดับชาติและท้องถิ่นไปตั้งแถวรอรับ จะให้ประชาชนคิดอย่างไร ไม่มีสิทธิไปห้ามความคิดประชาชนได้” นายสมคิดกล่าว

หยันชาวบ้านรู้ทันดึงได้แล้วโชว์ตัว

นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน ส.ส.อีสาน กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ระบุการลงพื้นที่ประชุม ครม.นอกสถานที่ จ.อุบลราชธานี ไม่มีนัยทางการเมืองว่า การลงประชุม ครม.นอกสถานที่เป็นเรื่องปกติ หากทำแต่พองาม แต่พอมีข่าวว่าจะดึงใครได้แล้วไปพื้นที่นั้นเป็นเหมือนการโชว์ตัว ประชาชนดูออกว่าอะไรเป็นอะไร ที่ถูก วิจารณ์ท่านไม่ควรออกอาการหงุดหงิด ควรเอาความจริงออกมาพูดกันดีกว่า

ฉะหัวขบวนตีมึนแต่ไดโว่ไม่หยุดปาก

“ตอนนี้การดูดยังมีอยู่เรื่อยๆ ยังคงมีความ พยายามสูงอยู่ แต่ปรับเปลี่ยนวิธีการโดยใช้แบบเพื่อนชวนเพื่อนมากขึ้น แต่หัวขบวนเขากลับออกมาบอกหน้าตาเฉยว่าไม่ได้ทำอะไร ทำท่าไม่รู้ไม่เห็นเป็นเรื่องไม่สมควร เพราะในพื้นที่รู้อยู่ว่าใครทำอะไรอย่างไร ปลดล็อกเมื่อไหร่คงได้รู้ว่าใครเป็นใครสุดท้ายต้องจำนนต่อหลักฐาน ส่วนการปรับเปลี่ยนท่าทีของพรรคเพื่อไทยไม่โจมตีการดูดรุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้ ไม่ได้ส่งผลอะไรกับการตัดสินใจของอดีต ส.ส.ที่จะถูกดูด เพราะเป็นสิทธิของเขา เราเพียงไม่อยากเห็นภาพนักการเมืองโจมตีกันด้วยถ้อยคำรุนแรงจนสังคมเบื่อหน่ายเท่านั้น”

“ภูมิธรรม” ใจชื้นกระแสดูดเริ่มแผ่ว

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีขอความร่วมมือสมาชิกพรรคเพื่อไทยลดการวิพากษ์วิจารณ์ กระแสดูดอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยว่า โดยรวมสมาชิกเกิดความระมัดระวังในการให้ความเห็นที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง ทำให้เกิดการไตร่ตรองกันมากขึ้น พยายามเข้าใจข้อจำกัดของแต่ละฝ่ายมากขึ้น ส่งผลให้ลดการกล่าวร้ายหรือตำหนิกัน และส่งผลถึงการพยายามชักนำหรือดึงดูดกันให้ได้ผลน้อยลงด้วย จากที่เคยมีข่าวลือกันว่าจะถูกดูด ยังไม่เห็นจำนวนมากสักเท่าไร และส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นไปตามข่าวที่ลือกัน คงต้องรอดูในอนาคตก่อนอีกสักระยะหนึ่ง และสุดท้ายประชาชนถือว่าสำคัญสุด ในการเป็นเครื่องเตือนใจประกอบการตัดสินใจของทุกคน

“นพดล” ร่วมค้านยกเลิก ส.ข.

นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การรับฟังความเห็นประชาชนประกอบการแก้ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร ที่จะไม่ให้คนกรุงเทพฯ เลือก สมาชิกสภาเขต (ส.ข.) แต่จะให้มาจากการแต่งตั้งนั้นไม่เห็นด้วย เพราะสวนทางกับการกระจายอำนาจให้คนกรุงเทพฯ มีสิทธิเลือกตัวแทนดูแลงานในเขตต่างๆทั้ง 50 เขต ส.ข.ที่ประชาชนเลือกมาจะตอบสนองความต้องการมากกว่าการได้รับการแต่งตั้ง อีกทั้งสภาเขตเป็นเวทีฝึกฝนประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมในระดับพื้นที่ด้วย ที่ผ่านมาหลายสิบปีการมี ส.ข. มีปัญหาและเป็นอุปสรรคการทำงานอย่างไร ผู้ร่างกฎหมายเชื่อในการตัดสินใจของคนกรุงเทพฯ หรือเชื่อคนที่จะแต่งตั้งเพียงไม่กี่คน และนอกจากไม่เห็นด้วยกับการยกเลิก ส.ข.แล้ว ยังมีประเด็นว่าควรให้คนกรุงเทพฯ เลือกผู้บริหารในเขตพื้นที่ของตนหรือไม่ เพราะคนที่ประชาชนเลือกน่าจะตอบสนองการแก้ไขปัญหาในเขตได้ดีกว่า เรื่องนี้มีการพูดคุยเบื้องต้นในพรรคเพื่อไทย ถ้าได้ข้อสรุปอย่างไรคงจะได้รับฟังความเห็นจากชาวกรุงเทพฯต่อไป เมื่อสามารถทำได้ตามกฎหมาย เนื่องจากปัญหาของคนกรุงเทพฯต้องแก้โดยคนกรุงเทพฯและต้องรับฟังความเห็นอย่างกว้างขวาง

“นิพิฏฐ์” ชี้ ปชช.จะสั่งสอน ส.ส.ขายตัว

ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ออกมาตอบโต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์เตรียมดูด ส.ส.เข้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพิ่มหลังเตรียมลงพื้นที่ ครม.สัญจร จ.อุบลราชธานี และอำนาจเจริญว่า เริ่มต้นก็มีปัญหาตั้งแต่แรก พอครั้งต่อๆ มาเกิดขึ้นอีก นี่จึงทำให้การลงพื้นที่ประชุม ครม.สัญจรที่กำลังจะมีขึ้นของรัฐบาล คนเลยไม่ค่อยไว้ใจ ถูกเคลือบแคลงสงสัยมากเป็นพิเศษ เพราะประวัติศาสตร์มันบอกเช่นนั้น ความน่าจะเป็นทำให้คนสันนิษฐานกันได้ คิดว่า นักการเมืองย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติ การเมืองไทยเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด จึงทำให้การเมืองไทยวนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับประชาชนด้วย หากประชาชนยังสนับสนุน รับได้กับการที่นักการเมืองเวียนเทียนกัน เลือกตั้งทีก็ย้ายพรรคทีเช่นนี้ การเมืองก็ยังอยู่ที่เดิม ที่ผ่านมาจึงมีความพยายามเรียกร้องจากสังคมว่า หากการย้ายพรรคของอดีต ส.ส.มีข้อครหาหรือสงสัยว่าเป็นการย้ายเพราะถูกดูดด้วยตำแหน่ง หรือผลประโยชน์ ประชาชนต้องลงโทษนักการเมืองเหล่านี้ ด้วยการไม่ต้องไปลงคะแนนให้

เหน็บผู้นำต้องดูคุณภาพคนด้วย

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ออกมาปฏิเสธว่าการประชุม ครม.สัญจร จ.อุบลราชธานี ไร้นัยการเมือง และระบุว่านักการเมืองคิดแต่เรื่องการเมืองว่า นายสมคิดจะแก้ตัวหรือจะพูดอย่างไรก็ได้ แต่ความเป็นจริงมีการเมืองแฝงเร้นอยู่ดี ไม่ควรปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ การประชุม ครม.สัญจรทำไป หากเกิดประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่ ช้างเหยียบนา พระยาเหยียบเมืองย่อมเป็นมงคลไม่ต้องสงสัย แต่จะเอาประโยชน์เพื่อสืบทอดอำนาจในอนาคตเป็นผลพลอยได้ ส่วนจะไปช้อนปลาในบ่อเพื่อนมาเป็น ส.ส.สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ในอนาคตหรือไม่เป็นสิทธิ ยุคใครยุคมัน แต่จะชอบธรรมหรือไม่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ได้อดีต ส.ส.ที่ดี มีคุณภาพอย่างนายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.อุบลราชธานี ร่วมเข้าไปเป็นฐานการเมือง พรรคพลังประชารัฐ ถือว่าได้คนที่มีคุณภาพคุณธรรมเข้าไป แต่ถ้าเอาพวกอดีต ส.ส.ชนิดที่มีชะนักปักหลังเข้าไป อย่างที่เห็นๆ กัน ก็อีหรอบเดิม การเมืองคงพัฒนาไปข้างหน้าไม่ได้ ไม่อยากจะให้ พล.อ.ประยุทธ์ดูแต่จำนวน ส.ส.ที่จะได้อย่างเดียว ควรดูคุณภาพคนควบคู่ไปด้วย

ติงคนใกล้ตัวเคยทำ “ทักษิณ” พังมาแล้ว

“พวกที่ยุส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์เดินหน้าทาง การเมือง ท่านดูให้ดีๆ มีทั้งหวังดีประสงค์ร้ายหรือไม่ ประเภทที่หวังส้มหล่น หรือผลประโยชน์ทับซ้อนมีมากมาย รอวันออกลายในอนาคตมีเพียบ ยิ่งคนที่จัดตั้งพรรคการเมืองรองรับเชลียร์ พล.อ.ประยุทธ์ มีทั้งประเภทอุดมการณ์บ้าวิชา หรือหวังผลประโยชน์ทุกเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ควรระมัดระวังให้มาก เพราะบางคนเคยอยู่กับนายทักษิณ ชินวัตรมาแล้ว ใส่พานถวายหัวให้นายทักษิณจนนายทักษิณอยู่ประเทศไทยไม่ได้จนถึงบัดนี้ เป็นห่วงท่านนายกฯ ขอให้อนาคตของ พล.อ.ประยุทธ์อย่าซ้ำรอยนายทักษิณ ชินวัตร เพราะคนรอบข้าง” นายวัชระกล่าว

“ศุภชัย” แนะดันอุบลฯ อนาคตอีสาน

นายศุภชัย ศรีหล้า อดีต ส.ส.อุบลราชธานี และอดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.เตรียมนำคณะ ครม.สัญจรลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานีวันที่ 23-24 ก.ค.ว่า ยินดีต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ มั่นใจว่านายกฯ มารับฟังปัญหาของพี่น้องและมามอบนโยบาย ไม่ได้มาดูดคนเข้าพลังประชารัฐจริงๆ อย่างที่มีกระแสข่าว อย่างไรก็ตาม จ.อุบลราชธานีเป็นราชธานีหนึ่งเดียวของไทย มีรากวัฒนธรรม อยากให้มองเป็นมหานครในอนาคต มีทุกอย่างที่ กทม.มี จุดเด่นสำคัญมีพรมแดนเชื่อมต่อทั้ง สปป.ลาว รวมถึงกัมพูชา นี่เป็นการบ้านที่นายกฯ และ ครม.ต้องมาตอบคำถามชาวบ้านว่า จะทำให้ จ.อุบลราชธานี เป็นอนาคตอีสาน อนาคตอินโดจีนได้อย่างไร

“ประมวล” ค้านขึ้นเงินศาล-องค์กรอิสระ

นายประมวล เอมเปีย อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ประชุม สนช.มีมติรับหลักการพิจารณาเพิ่มเงินเดือน ค่าตอบแทนและผลประโยชน์ให้ศาล องค์กรอิสระ ข้าราชการอัยการ หลัง ครม.มีมติไฟเขียว อาจมีผลย้อนหลังถึงปี 2557 โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุเหตุผลเพื่อความเท่าเทียม ฝนตกทั่วฟ้าเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจและให้สอดคล้องกับการปรับขึ้นเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนที่ปรับขึ้นไปก่อนนี้แล้ว ว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยยิ่งในสภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ประชาชน ไร้กำลังซื้อ มีแต่รายจ่าย ซ้ำค่าครองชีพที่สูงขึ้นสวนทางกับราคาสินค้าผลผลิตการเกษตรที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินไม่เว้นแม้อาชีพประมง เกษตรกรแบกรับต้นทุนสูง จนขาดทุนถ้วนหน้า แต่รัฐบาลกลับอ้างความเหมาะสม เท่าเทียมของข้าราชการโดยไม่ดูปัญหาปากท้องชาวบ้าน โดยเฉพาะคนยากจน ผู้สูงอายุ คนป่วยติดเตียง ที่ถูกทอดทิ้งไร้คนดูแล รัฐให้เบี้ยยังชีพเฉลี่ยเดือนละ 600 ถึง 1000 บาท แค่ซื้อผ้าอ้อมผู้ใหญ่ใช้ต่อเดือนยังไม่พอ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอาหารการกิน

จวกแก้หนี้เกษตรกรดีกว่าแจกโบนัส ขรก.

“รัฐบาลนี้ยังอ้างความเท่าเทียมเรื่องเงินเดือนข้าราชการ กล้าพูดว่าฝนตกทั่วฟ้า โดยไม่สนใจชาวบ้าน พี่น้องเกษตรกร คนส่วนใหญ่ของประเทศที่ไม่มีเงินเดือนเหมือนข้าราชการ ต้องใช้หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ลุ้นผลผลิตออก ยังต้องถูกกดราคาซื้อความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียม ไม่ได้ถูกแก้ไข รายรับหดหายมีแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น ถามว่าเหตุใดรัฐบาล คสช.จึงไม่ดูแลความเหลื่อมล้ำเท่าเทียมของชาวบ้านและเกษตรกรคนส่วนใหญ่ของประเทศบ้าง การบริหารเช่นนี้ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาล คสช. เอาใจแต่ข้าราชการโดยไม่เหลียวแลคนหาเช้ากินค่ำและเกษตรกร น่าเป็นห่วงอนาคตรัฐบาลนี้ว่าที่หวังจะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งจะเป็นจริงได้หรือไม่ ขอแนะนำให้รัฐบาล คสช. ใส่ใจความเป็นอยู่ของประชาชนพี่น้องเกษตรกรเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องภาคครัวเรือน ต้นทุนการผลิตและราคาเชื้อเพลิงให้สมเหตุผลดีกว่าเพิ่มเงินเดือนย้อนหลังให้กับข้าราชการ ตามหลักฝนตกทั่วฟ้าที่ว่า” นายประมวลกล่าว

“ราเมศ” จี้รัฐปราบแก๊งอ้างชื่อนายกฯ

นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีมีมิจฉาชีพปลอมแปลงข้อมูลส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.แล้วนำไปเปิดใช้บริการเบอร์โทรศัพท์มือถือนำมาขายต่อว่า สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่เร่งเอาผิดตามกฎหมาย เอาเรื่องให้ถึงที่สุด เชื่อว่าน่าจะทำเป็นขบวนการ ควรสืบสวนขยายผลผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้หมด เรื่องนี้เกิดกับนายกฯ เจ้าหน้าที่ถึงได้เอาจริงเอาจัง แต่เรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นกับประชาชนคนธรรมดามานานแล้ว จากกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้ข้อมูลของชาวบ้านไปเปิดซิมการ์ดเปิดใช้โทรศัพท์มือถือ ชาวบ้านรู้ตัวต่อเมื่อมีใบเสร็จเรียกเก็บเงินจากผู้ประกอบการเจ้าของเครือข่าย มีร้องเรียนมาบ่อยครั้งและจำนวนมาก เมื่อนายกฯโดนด้วยตัวเองจึงขอฝากตำรวจว่า ต้องทำเรื่องที่ชาวบ้านถูกละเมิดสิทธิอย่างจริงจังด้วย เพราะบริษัทเจ้าของเครือข่ายที่ให้บริการมือถือให้ชาวบ้านไปแจ้งความก่อน พอไปแจ้งความเรื่องก็เงียบ เงินที่ถูกเก็บได้คืนบ้าง ไม่ได้คืนบ้าง ทั้งนี้นายกฯควรสั่งการให้สะสางเรื่องนี้ไปคราวเดียวกัน บริษัทแต่ละเครือข่ายเมื่อเปิดบริการให้ควรรอบคอบดูละเอียด เพราะมีชาวบ้านเดือดร้อนจำนวนมากเหมือนนายกฯเช่นกัน

ภูมิใจไทยไม่ให้ราคาพลังดูด

นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความพร้อมของพรรคหากมีการปลดล็อกทางการเมือง และเดินหน้าเข้าสู่โรดแม็ปในช่วงต้นปี 62 ถือว่าเหลือเวลาอีกไม่มากที่จะถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งทางพรรคได้เตรียมความพร้อมมาตลอดอย่างต่อเนื่อง หากปลดล็อกทางการเมืองก็จะลุยได้เลยทันที เมื่อถามถึงพลังดูดจากกลุ่มสามมิตร ที่เดินหน้าดูดอดีต ส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆในขณะนี้ รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทยกล่าวว่า ตอนนี้พี่น้องประชาชนเบื่อจะฟังข่าวเรื่องพลังดูดทางการเมืองแล้ว และส่วนตัวเห็นว่าใครจะย้ายไปไหนก็เป็นสิทธิ แต่ท้ายที่สุดประชาชนจะเป็นผู้กำหนดว่าใครจะได้เป็นผู้แทนราษฎร เพราะฉะนั้นอย่าไปให้ความสำคัญมากนัก อาจเป็นแค่การปั่นราคาสร้างมูลค่าให้กับตัวเองมากกว่า

“วราวุธ” รับได้ชาวบ้านได้ประโยชน์

นายวราวุธ ศิลปอาชา อดีต ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ แฝงนัยทางการเมือง ท่ามกลางกระแสดูดอดีต ส.ส.เข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐว่า ตนเห็นต่างกับคนที่วิจารณ์ เพราะจังหวัดแรกที่นายกฯนำ ครม.ไปสัญจร คือ จ.สุพรรณบุรี ยังไม่ได้ดูดไปไหน วันนั้นมีอดีต ส.ส.อ่างทอง มารับด้วย พวกเรายังอยู่พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ได้ถูกดูดไปไหนทางกลับกันยิ่งนำ ครม.ไปสัญจรหลายจังหวัดยิ่งจะเป็นสิ่งที่ดี ทุกสัปดาห์เลยได้ยิ่งจะดี เพราะการ ไปเยี่ยมชาวบ้านถึงพื้นที่จะทำให้ได้รับข้อมูลละเอียดโดยตรงจากชาวบ้าน เมื่อถามว่าการลงพื้นที่ของ นายกฯและ ครม.ในแต่ละครั้งจะมีอดีตนักการเมืองหรือนักการเมืองท้องถิ่นมารอต้อนรับ ย่อมถูกมองไปว่ามีนัยการเมือง นายวราวุธกล่าวว่า ถ้าใครเป็นเจ้าของพื้นที่ไม่ไปต้อนรับ น่าจะเป็นเรื่องแปลก

ส.ส.ย้ายพรรคเป็นเรื่องปกติ

เมื่อถามอีกว่า อาจถูกวิจารณ์ไปได้ว่าเป็นการมาเพื่อมัดจำทางการเมืองไว้ก่อน นายวราวุธกล่าวว่า เหรียญมีสองด้านเสมอ ถ้าจะมองในแง่ดีก็มีประโยชน์ทั้งนั้น แต่ถ้าจะมองในแง่ร้ายจ้องแต่จับผิดกันคงไม่เกิดประโยชน์อะไรกับสังคม การที่นายกฯและรัฐมนตรีไปลงพื้นที่อย่างนี้ชาวบ้านได้ประโยชน์หรือไม่ ต้องตอบว่าได้ ประเด็นสำคัญเมื่อ ครม.ลงพื้นที่ประชาชนได้ประโยชน์ก็จบ ส่วนการจะไปพูดคุยกันเพื่อให้เกิดการโยกย้ายถ่ายเทของ ส.ส.เป็นเรื่องปกติของการ เลือกตั้ง เป็นสิทธิของนักการเมืองแต่ละคน เมื่อถามว่า แสดงว่าอยากให้นายกฯนำ ครม.มาสัญจรที่ จ.สุพรรณบุรีและอ่างทองอีก นายวราวุธกล่าวว่า “โอ้ ถ้าท่านมาผมก็จะรับ เพราะจะได้ขอให้นายกฯทำให้ราคาข้าวมันสูงขึ้นกว่านี้ เพราะตอนนี้ราคาข้าวยังไม่ถึงหมื่นเลย ถ้านายกฯกับ ครม.มาบ่อยๆราคาอาจถึงหมื่นก็ได้ ถ้าทำให้ชาวบ้านได้ประโยชน์ยินดีทั้งนั้น”

ทส.ยัน “ป๋าเปรม” สบายดีดับข่าวป่วย

พล.อ.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวถึงกรณีที่มี กระแสข่าวว่า พล.อ.เปรมเข้ารับการรักษาตัวที่ โรงพยาบาลวิชัยยุทธว่า เป็นข่าวที่ลือกันประจำช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.เปรมไม่ได้ไปโรงพยาบาล เดินออกกำลังกายช่วงเย็นที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์ทุกวัน ไม่ได้เป็นอะไร ยังคงทำงานตามปกติ วันอังคารที่ 10 ก.ค.ได้มาเป็นประธานประชุมคณะองคมนตรี ที่ทำเนียบองคมนตรี ท่านทำงานตามปกติ เพียงแต่ลดงานที่มีหน่วยงานต่างๆ ภาคประชาชน หรือเอกชน เชิญทั่วไปลดลง คงทำงานถวายพระองค์ท่านเพียงอย่างเดียว ส่วนงานโครงการสานใจไทย สู่ใจใต้ ที่เป็นโครงการของท่านนั้น ตอนนี้ดำเนินงานโดยมูลนิธิรัฐบุรุษ มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นประธาน ซึ่ง พล.อ.เปรมพยายามให้ทางประธานมูลนิธิไปเป็นประธาน แต่หากไปเองได้ท่านก็จะไป” พล.อ.พิศณุ กล่าวและว่า พล.อ.เปรมตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าที่เดียว ไม่ได้ไปที่โรงพยาบาลอื่นเลย เป็นการตรวจร่างกายประจำทุกเดือนอยู่แล้ว และที่ทำเป็นประจำทุกวันช่วงเย็นคือเดินออกกำลังกายรอบสนามหน้าบ้านวันละ 30 นาที