กองปราบบุกรวบมือปืน ยิงเจ๊น๊อก เศรษฐินี อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ตายขณะที่ลูกสาว 5 ขวบนอนอยู่บนตัก สอบพบเป็นปมขายรถที่ยังไม่หลุดจำนำ เป็นการจ้างฆ่าเพราะความแค้น พัวพันถึงแก๊งยาเสพติดในพื้นที่
จากเหตุคนร้ายบุกยิง นางกนกนิษฐ์ ชำนาญกิจ หรือเจ๊น๊อก อายุ 27 ปี เศรษฐินี เจ้าของแปลงขายพันธุ์ยางพารา และอู่ซ่อมรถยนต์ใน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ในขณะที่ผู้ตายยังมีลูกสาววัย 5 ขวบ ซึ่งนอนป่วยอยู่บนตัก โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด.38 ออกมาจ่อยิงหัวนางกนกนิษฐ์ไป 1 นัด กระสุนเจาะหัวล้มฟุบจมกองเลือดต่อหน้าลูกสาว คนงาน และสามี เหตุเกิดที่ร้านขายพันธุ์ยางพารา ริมถนนสายเอเชีย หมู่ 7 ต.ทุ่งสง อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่กองปราบปราม พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ธวัชชัย สงวนสุข พ.ต.ท.อภิสันฐ์ ไชยรัตน์ พ.ต.ท.ชัยฏิภูมิ อำนวยชัย, รอง ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ต.ณัฐกฤต กิ่งชัยภูมิ สว.กก.5 บก.ป. พร้อมกำลังได้ร่วมกันจับกุมตัว นายปรีชา ชนะผอม อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 3 ต.ไสหร้า อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ตามหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสงที่ 244/2561 ลงวันที่ 10 ก.ค. ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จับได้ที่เพิงพักไม่มีเลขที่ ริมทางรถไฟ หมู่ที่ 10 ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช
ด้าน พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป. เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุได้ส่งเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานต่างๆ จนสามารถสรุปแนวทางการสืบสวนได้ว่า ปมการสังหารครั้งนี้น่าจะมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งเรื่องธุรกิจรับจำนำรถยนต์ ที่ผู้ตายนอกจากจะมีอู่ซ่อมรถยนต์แล้ว ยังทำธุรกิจรับจำนำรถยนต์มือสองอีกด้วย ก่อนเกิดเหตุผู้ตายขายรถกระบะสี่ประตูที่มีผู้นำมาจำนำเอาไว้ แต่รถคันดังกล่าวยังไม่หลุดจำนำ ทำให้เจ้าของรถไม่พอใจ จนนำไปสู่การจ้างวานฆ่า ส่วนมือปืนผู้ก่อเหตุคือนายปรีชา เพราะมีพยานแวดล้อมให้การยืนยันชัดเจน เนื่องจากขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวัน พยานสามารถจดจำใบหน้าคนร้ายได้ จนนำไปสู่การขออนุมัติศาลจังหวัดทุ่งสงเพื่อออกหมายจับกุม
...
เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ก่อนจะคุมตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ดำเนินคดี พร้อมสอบสวนขยายผลการจับกุมตัวผู้จ้างวานต่อไป
"ตรวจสอบประวัตินายปรีชาพบว่า เคยกระทำความผิดในหลายคดีด้วยกัน ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด โดยเชื่อว่าผู้จ้างวานในคดีนี้น่าจะอยู่ในขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่อีกด้วย".