ผู้นำเอธิโอเปียและเอริเทรีย ประกาศยุติภาวะสงครามระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งดำเนินมานาน 20 ปีแล้ว และตกลงจะรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกันในหลายๆ ด้านด้วย...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 9 ก.ค. ผู้นำของประเทศเอธิโอเปียและเอริเทรีย ลงนามประกาศยุติสภาวะสงครามระหว่างกันแล้ว หลังทั้งสองฝ่ายเกิดข้อพิพาทเรื่องชายแดนกันระหว่างปี 2541-2543 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคน โดยที่ข้อตกลงสันติภาพในอดีตก็ไม่สามารถมีผลบังคับใช้ได้อย่างเต็มที่

คำประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากนายอาบีย์ อาห์เหม็ด ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอธิโอเปียเมื่อ 3 เดือนก่อนประชุมสุดยอดกับนายอีซาเอียส อาเฟเวร์กี ประธานาธิบดีแห่งเอริเทรีย ที่กรุงอัสมารา ของเอริเทรีย ซึ่งถือเป็นการพบกันระหว่างผู้นำของประเทศคู่กรณีทั้งสองเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 20 ปี

นอกจากเรื่องการยุติสงคราม ผู้นำของทั้งสองประเทศยังตกลงที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ในด้านต่างๆ ทั้งการทูต, เศรษฐกิจ และการเมือง รวมทั้งสร้างการเชื่อมโยงทางการขนส่งและการสื่อสาร และเปิดเส้นทางการบินระหว่างกันในสัปดาห์หน้าด้วย จึงเพิ่มความเป็นไปได้ที่ครอบครัวที่ต้องพลัดพรากจากกันในเหตุความรุนแรง จะได้กลับไปพบกันอีกครั้งหนึ่ง

อีซาเอียส อาเฟเวร์กี ประธานาธิบดีแห่งเอริเทรีย (สูทเขียว) มาต้อนรับนายกรัฐมนตรีเอธิโอเปียถึงสนามบินด้วยตัวเอง
อีซาเอียส อาเฟเวร์กี ประธานาธิบดีแห่งเอริเทรีย (สูทเขียว) มาต้อนรับนายกรัฐมนตรีเอธิโอเปียถึงสนามบินด้วยตัวเอง

...

ทั้งนี้ เอธิโอเปียและเอริเทรียอยู่ในสภาวะ ไม่มีสงครามแต่ไม่สงบ มาตั้งแต่ปี 2543 หลังจากเกิดข้อพิพาทเรื่องชายแดนที่เมืองเบดเม ขณะที่คณะกรรมการบริหารชายแดนที่จัดตั้งขึ้นภายใต้ข้อตกลงสันติภาพ ตัดสินว่าเมืองดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเอริเทรีย แต่เอธิโอเปียไม่ยอมรับ ทั้งสองประเทศจึงมีท่าทีเป็นศัตรูกันเรื่อยมา

ปัญหานี้ยังส่งผลกระทบไปทั้งภูมิภาค เพราะเอธิโอเปียและเอริเทรียมักเลือกอยู่คนละฝ่ายเสมอไม่ว่าจะเรื่องใด และจนถึงตอนนี้ฝ่ายเอริเทรียก็พูดเสมอว่าสงครามอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และจัดให้มีการเกณฑ์ทหารโดยไม่กำหนดเวลาประจำการ จนกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ชาวเอริเทรียจำนวนมากเดินทางไปลี้ภัยในต่างประเทศ