หน้าต่างปิดสนิท เหยื่อไม่ใส่ชูชีพ ระดมหาอีก 14 ศพ

ทีมกู้ภัยทางทะเลระดมค้นหาเหยื่อเรือนำเที่ยวมรณะล่มที่ จ.ภูเก็ต พร้อมกับเร่งเก็บศพถูกซากเรือทับ แต่ยังเอาออกมาไม่ได้ ทำให้พบผู้เสียชีวิตแล้ว 42 ศพ สูญหายอีก 14 ราย ทูตจีนร่วมถกจัดตั้ง 3 ศูนย์อำนวยการช่วยเหลือครอบครัวผู้ตาย รมว.การท่องเที่ยวฯชี้เป็นโศกนาฏกรรมใหญ่รองจากสึนามิ จี้สอบหาสาเหตุและเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง “บิ๊กตู่” บินด่วนลงพื้นที่บัญชาการด้วยตัวเอง ด้านทัวร์จีนไม่กลัวคลื่นยักษ์หลังพ้นประกาศห้ามออกจากฝั่ง แห่ลงเรือเที่ยวเกาะอีก บริษัทอ้างเป็นโปรแกรมจองล่วงหน้า

เจ้าหน้าที่ยังเดินหน้าค้นหาผู้สูญหายจากอุบัติเหตุเรือ “ฟีนิกซ์ พีซีไดวิ่ง” ขณะนำนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวจีน 93 คน พร้อมลูกเรือและไกด์รวม 105 คน ไปเที่ยวทะเลอันดามัน ถูกคลื่นซัดอับปางบริเวณเกาะเฮ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต เมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุมีเรือประมงผ่านมาช่วยเหลือมาได้บางส่วน มีผู้เสียชีวิต 41ศพ และสูญหายอีก 15 คน มีการใช้เรือลาดตระเวนและเฮลิคอปเตอร์สำรวจทางอากาศ พร้อมกับเตรียมกู้ซากเรือมรณะที่คาดว่ามีศพผู้เสียชีวิตติดอยู่ด้านในอีกหลายคน

...

ส่ง 3 เรือหลวงออกค้นหาวันที่ 4

ต่อมาเวลา 09.30 น. วันที่ 8 ก.ค. ที่ท่าเทียบเรือศูนย์วิจัยบ้านแหลมพันวา ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ทหารเรือทัพเรือภาคที่ 3 นำเรือหลวงหัวหิน เรือหลวงปันหยี และเรือหลวงทองหลางออกจากท่ามุ่งหน้าไปจุดเกิดเหตุที่เรือฟีนิกซ์ถูกคลื่นซัดจมทะเลไปทางทิศใต้ของเกาะเฮ ต.ราไวย์ ห่างจากเกาะไปประมาณ 1.5 ไมล์ทะเล โดยมีหน่วยกู้ชีพมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต มูลนิธิร่วมกตัญญู มูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี มูลนิธิท่งเซี่ยงตึ๊งหาดใหญ่ และนักประดาน้ำจากหน่วยงานต่างๆ รวมถึงสื่อมวลชนร่วมลงเรือไปด้วย เพื่อออกค้นหานักท่องเที่ยวที่สูญหายอีก 15 คน และกู้ซากเรือที่อับปาง


ขยายพื้นที่ไปถึงพังงา-กระบี่

ต่อมา พล.ร.ท.สมนึก เปรมปราโมทย์ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นประธานประชุมปฏิบัติการแผนการค้นหาผู้สูญหายและการกู้ซากเรือ ได้ข้อสรุปประกอบด้วย 1.ให้ดำเนินการควบคู่กันไประหว่างการเก็บร่างผู้เสียชีวิตและการพลิกเรือเก็บกู้เรือ ทั้งนี้การพลิกเรือและกู้เรือให้เจ้าท่าเป็นผู้ควบคุมการปฏิบัติ 2.กำหนดมาตรการค้นหาเพิ่มเติม โดยให้หมวดรักษาความสงบเรียบร้อยทัพเรือภาคที่ 3 เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยเกาะภูเก็ต และเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัยเกาะลันตาน้อยสำรวจพื้นที่ชายหาดและเกาะแก่งในพื้นที่รับผิดชอบทางเท้าเพื่อค้นหากรณีมีร่างผู้เสียชีวิตขึ้นตามชายหาดและเกาะต่างๆ 3.ปรับพื้นที่การค้นหาไปทางตะวันออกบริเวณระหว่างเกาะยาว จ.พังงา-เกาะพีพี จ.กระบี่ 4.ให้สำรวจภายในตัวเรืออีกครั้งให้แน่ใจว่าไม่มีร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ภายในตัวเรือ ส่วนทางอากาศยังคงใช้เครื่องบินขึ้นบินลาดตระเวนเช่นกัน

ซีล-นักดำน้ำจีนกู้ศพใต้ซากเรือ

ขณะที่นักประดาน้ำหน่วยซีล กองทัพเรือและนักประดาน้ำจากประเทศจีนร่วมกันดำน้ำออกค้นหาผู้สูญหายที่คาดว่าติดอยู่ใต้ซากเรือฟีนิกซ์ฯ เนื่องจากตามแผนดำเนินการต้องกู้ร่างผู้เสียชีวิต 1 ศพ ที่เจ้าหน้าที่พบก่อนหน้านี้ แต่ไม่สามารถนำขึ้นมาได้ เพราะถูกตัวเรือทับไว้ จึงต้องใช้เรือเป่าทรายโดยรอบลำเรือออกก่อนและดึงให้ลำเรือฟีนิกซ์ตั้งขึ้น ก่อนนำร่างออกมา คาดว่าต้องใช้เวลาดำเนินการหลายชั่วโมง

ชุดเวตสูทดำน้ำลอยถึงพีพี

เวลา 10.00 น. ตำรวจน้ำ จ.กระบี่ ได้รับการประสานจากตำรวจน้ำภูเก็ตให้ช่วยตรวจสอบบริเวณทิศตะวันตกของเกาะพีพี พิกัดระหว่างเกาะปิดะและอ่าวมาหยา เกาะพีพี หลังช่วงค่ำที่ผ่านมา ชุดบินค้นหานักท่องเที่ยวเหตุเรือล่มพบวัตถุต้องสงสัยสีส้มลอยอยู่ในทะเล ตำรวจน้ำจึงประสานเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี หน่วย พ.พ.7 ที่ตั้งฐานอยู่บนเกาะพีพีให้ช่วยนำเรือตรวจการณ์ของอุทยานฯออกตรวจสอบห่างจากแนวฝั่งเกาะพีพีประมาณ 3 ไมล์ทะเลพบทุ่นมีธงสีส้ม สำหรับผูกเรือ และชุดเวตสูทสำหรับใส่ดำน้ำสีดำ 1 ชุด และมีไม้แขวนเสื้อติดมาด้วย และสกรีนคำว่าฟีนิกซ์ที่หน้าอกเสื้อด้านซ้าย คาดว่าน่าจะลอยมาจากจุดเรือล่ม

มีรายงานว่า สำหรับการค้นหาผู้สูญหายใน จ.กระบี่ มีการใช้เรือหลวงล่องลมและเรือหลวงเจ้าพระยาออกลาดตระเวนในพื้นที่เกาะพีพีต่อเนื่องถึงอ่าวนาง และเรือของกรมเจ้าท่าในพื้นที่บริเวณเกาะยาวต่อเนื่องถึงหมู่เกาะห้องซึ่งเป็นพิกัดที่ทิศทางลมและกระแสน้ำจะพัดมาบริเวณดังกล่าว

...

เจอศพลอยเกยหาดตะกั่วป่า

ขณะเดียวกัน ตำรวจ สภ.ตะกั่วป่า จ.พังงา รับแจ้งจากชาวบ้านพบศพเกยตื้นบริเวณชายหาดบางหลุด บ้านบางหม้อ หมู่ 2 อ.ตะกั่วป่า ลักษณะเป็นศพชายชาวเอเชีย อายุ 30-40 ปี สูงประมาณ 170 ซม. สภาพศพเปลือยกายขึ้นอืดผิวหนังบางส่วนหลุดลุ่ย คาดเสียชีวิต 3-4 วัน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าอาจเป็นศพนักท่องเที่ยวที่สูญหายจากเหตุเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต แล้วถูกคลื่นซัดเสื้อผ้าหลุดลอยมาเกยตื้นบริเวณชายหาดดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่นำศพไปเก็บไว้ที่ รพ.ตะกั่วป่า พร้อมถ่ายภาพศพส่งไปให้ศูนย์พิสูจน์หลักฐานจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ญาติผู้สูญหายตรวจสอบว่าตรงกับผู้ใดหรือไม่

พิสูจน์อัตลักษณ์ฯครบ 41 ศพ

ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต พล.ต.ท.วิฑูรย์ นิติวรางกูร นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ให้สัมภาษณ์กรณีการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลผู้ที่เสียชีวิตทั้ง 41 ศพว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลจนครบ 41 ศพแล้ว การเก็บหลักฐานมี 4 ขั้นตอน คือ 1.พิสูจน์หลักฐานของศพทั่วไปเช่นกระเป๋าสตางค์ เสื้อผ้า และถ่ายภาพศพว่ามีอะไรติดตัวมาบ้าง เช่นนาฬิกา แหวน อยู่ตรงไหนอย่างไร 2.เป็นหน้าที่ของนิติเวชจะชันสูตรพลิกศพ จะดูแต่ลักษณะภายนอก ไม่ได้ผ่าพิสูจน์แต่อย่างใด ดูว่ามีรูปพรรณสัณฐาน มีตำหนิตรงไหนบ้าง แล้วเก็บไว้เป็นหลักฐาน และเก็บดีเอ็นเอจากผู้เสียชีวิตโดยการผ่าตรงซี่โครงเป็นกระดูกอ่อนผสมกับเนื้อ

...

ตั้งกรรมการส่งคืนภูมิลำเนา

นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจกล่าวอีกว่า วันนี้จะนำหลักฐานกลับไปยังกรุงเทพฯไปตรวจเก็บดีเอ็นเอเพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลในการเปรียบเทียบของเยลโลฟอร์ม (ศพก่อนจะเสียชีวิต) ว่ามีหลักฐานอะไรบ้าง ส่วนพิ้งฟอร์ม (ตอนเป็นศพแล้ว) ว่ามีข้อมูลอะไรบ้าง เพื่อเก็บข้อมูลเป็นฐานดีเอ็นเอไว้ใช้ในการเปรียบเทียบดีเอ็นเอจากญาติ และง่ายต่อการพิสูจน์ตัวตนอย่างชัดเจน 3.เรื่องทันตกรรมจะมีการถ่ายเอ็กซ์ฟันผู้เสียชีวิตไปตรวจสอบ เนื่องจากแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน โดยจะขอข้อมูลจากประเทศจีนมาเปรียบเทียบ และ 4.จะพิมพ์ลายนิ้วมือผู้เสียชีวิต เมื่อข้อมูลจนครบถ้วนแล้วจะตั้งคณะกรรมการ DVI ขึ้นมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นผู้ตั้งเพื่อให้คณะกรรมการฯพิจารณาปล่อยศพให้ญาติต่อไป

เหลือคนเจ็บใน รพ.อีก 3 คน

สำหรับบรรยากาศที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต มีบรรดาญาติผู้เสียชีวิตที่เดินทางมาจากประเทศจีนมารอตรวจสอบรายชื่อผู้ตายและรายละเอียดของผู้สูญหาย โดยมีตำรวจท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อาสาสมัครล่ามแปลภาษาจีน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมจัดระเบียบอำนวยความสะดวกให้ญาติของผู้เสียหายและบาดเจ็บที่โดยสารมากับเรือลำดังกล่าว เจ้าหน้าที่ให้ญาติผู้ประสบภัยมาลงทะเบียนจุดรับลงทะเบียนด้านหน้าโรงพยาบาล ส่วนผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวอยู่ รพ.วชิระภูเก็ต เหลืออยู่ 3 คน คาดว่า 1-2 วันแพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ ส่วนศพที่ผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล 41 ศพ ย้ายไปเก็บที่วัดโฆษิตวิหารที่มีโรงแอร์ 18 โรง และเพิ่มตู้คอนเทนเนอร์ปรับความเย็น 15-20 องศาฯเป็น 4 ตู้ ที่เหลือเก็บไว้ที่ รพ.วชิระภูเก็ต และโรงพยาบาลต่างๆในจังหวัดเพื่อรอญาติรับศพกลับประเทศ

...

ทัวร์จีนไม่กลัวคลื่น-ลงเรืออีก

ส่วนบริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง อ.เมืองภูเก็ต หลังมีการประกาศห้ามเรือนำเที่ยวออกจากฝั่ง โดยเด็ดขาดช่วง 6-7 ก.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดหลังมีการอนุญาตให้เรือออกจากฝั่งตั้งแต่เช้าวันที่ 8 ก.ค.ปรากฏว่ามีเรือนำเที่ยวขนาดต่างๆเริ่มนำนักท่องเที่ยวออกไปตามเกาะแก่งบริเวณใกล้เคียง เช่น เกาะเฮ และเกาะราชาใหญ่ เนื่องจากใช้เวลาเดินทางไม่นาน โดยมีการเน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยของการเดินเรือ นักท่องเที่ยวต้องสวมเสื้อชูชีพก่อนออกจากท่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวจีน มากันเป็นครอบครัว สอบถามไกด์นำเที่ยวระบุว่า นักท่องเที่ยวจีนเหล่านี้ จองทัวร์ล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุการณ์เรือล่ม

เน้นย้ำความปลอดภัยสูงสุด

นายนิกร ประภากิจยศพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทนิกรมารีน จำกัด บริการนำเที่ยวทางทะเล กล่าวว่า หลังจากกรมเจ้าท่าประกาศห้ามนำเรือออกจากฝั่งท่าเทียบเรืออ่าวฉลองเป็นเวลา 2 วัน และวันนี้ (8 ก.ค.) ให้นำเรือออกได้ เนื่องจากระดับ คลื่นลมลดน้อยลงกว่าในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ประมาท เน้นยํ้าพนักงานทุกคนในการดูแลนักท่องเที่ยวให้มีความปลอดภัยสูงสุด ก่อนลงเรือมีการบรรยายและฉายวีดิทัศน์เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวของนักท่องเที่ยว รวมถึงวิธีการสวมใส่เสื้อชูชีพที่ถูกต้อง นอกจากนี้ หากเกิดอะไรขึ้นกัปตันเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจสูงสุด เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์ หากพบว่าไม่ปลอดภัยให้นำเรือกลับเข้าฝั่งทันที เฉพาะวันนี้มีนักท่องเที่ยวออกไปประมาณ 400-500 คน ทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวที่จองโปรแกรมนำเที่ยวล่วงหน้าไว้แล้ว

ทูตจีนร่วมถกค้นหาผู้สูญหาย

ที่ศูนย์บัญชาการผู้ประสบภัยเรือล่ม ท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง อ.เมืองภูเก็ต เวลา 12.00 น. นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมนายหลี่ เจี้ยน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย นายนรภัทร ปลอดทอง ผวจ.ภูเก็ต พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผบช.ภ.8 พล.ต.อาคม พงศ์พรหม ผบ.มทบ.ที่ 41 และ พล.ร.ต.เจริญพล คุ้มราษี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสรุปสถานการณ์และแผนการค้นหาผู้สูญหาย รวมทั้งการดูแลญาติผู้เสียชีวิตและสูญหายที่เดินทางมายังจังหวัดภูเก็ต

ตั้ง 3 ศูนย์ช่วยเหลือญาติเหยื่อ

นายหลี่ เจี้ยน กล่าวว่า ทั้งไทยและจีนให้ความร่วมมือในการค้นหาผู้สูญหายอย่างเต็มความสามารถ รอบคอบ และรวดเร็วที่สุด แม้ว่าความเป็นไปได้จะเหลือน้อยแค่ 1% ก็ตาม โดยเฉพาะในประเด็นสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดี ขณะนี้ทางการจีนส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมสำรวจหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ หากมีความชัดเจนจะรายงานให้สื่อทราบต่อไป นอกจากนี้ ทางการไทยและจีนมีความร่วมมือในการตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกให้กับญาติผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต 3 ศูนย์คือ สนามบินภูเก็ต โรงพยาบาล และศาลากลางจังหวัดภูเก็ต

เร่งหาเหตุ-เอาผิดผู้เกี่ยวข้อง

ขณะที่นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้โค้งคำนับแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต จากนั้นเปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับเอกอัครราชทูตจีน 2 ครั้ง ได้ข้อตกลงร่วมกัน 3 ข้อ เพื่อให้การแก้ปัญหาคลี่คลายอย่างรวดเร็วคือ จะร่วมกันเดินหน้าค้นหาผู้สูญหายจนกว่าจะพบทั้งหมด ขยายขอความร่วมมือจังหวัดกระบี่และพังงาให้จัดเรือออกค้นหาด้วย ร่วมกันสืบเสาะหาสาเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้ว่าเกิดจากอะไร มีใครเกี่ยวข้องที่จะต้องเอาผิดตามกฎหมาย รวมทั้ง สืบสวนในทางลับถึงขบวนการที่ทำให้เกิดธุรกิจการให้บริการของเรือลำนี้ และจะร่วมกันดูแลครอบครัวของผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตที่เดินทางมาภูเก็ตแล้ว 50 ครอบครัว

เป็นโศกนาฏกรรมรอง “สึนามิ”

“เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอุบัติภัยทางธรรมชาติที่มีชาวต่างชาติเสียชีวิตในประเทศรองจากเหตุการณ์สึนามิ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น หากสามารถคลี่คลายได้รวดเร็วบนพื้นฐานความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน จะให้ความกระจ่างแก่สังคมและเปลี่ยนวิกฤติเป็นความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยว” รมว.การท่องเที่ยวฯ กล่าวและว่า ส่วนการตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกทั้ง 3 ศูนย์ที่สนามบินภูเก็ต โรงพยาบาลทั้ง 2 แห่ง คือวชิระภูเก็ต และ รพ.อบจ.ภูเก็ต และศาลากลางจังหวัด พร้อมจัดอาสาสมัครล่ามภาษาจีนดูแลครอบครัว ละ 1 คนจนกว่าจะเสร็จสิ้นทุกขั้นตอน โดยสามารถสอบถามข้อมูลที่ 0-7668-5394 และ 0-7668-5395

แจ้งข้อหา ผจก.จีน-บริษัทเรือ

พล.ต.ท.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผบช.ภ.8 กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำพยานแล้ว 40 ปาก พร้อมแจ้งข้อกล่าวหากัปตันเรือทั้ง 2 ลำ คือเรือเซเรเนต้าข้อหา ประมาท ทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนกัปตันเรือฟีนิกซ์ แจ้งข้อกล่าวหาประมาท ทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต เบื้องต้นกัปตันเรือทั้ง 2 ลำปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และวันนี้พนักงานสอบสวนเชิญกัปตันเรือทั้งสองลำมาสอบปากคำเพิ่มเติม ทราบว่าจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาเข้าไปสอบถามเหตุการณ์กับกัปตันเรือทั้ง 2 ลำด้วยตัวเอง รวมถึงแจ้งข้อหานายเผิง ต้าผิง ชาวจีน ผู้จัดการบริษัทเลซีแคท ทราเวล จำกัด เจ้าของเรือเซเรเนต้าข้อหาประมาท ทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ

ยอดตายเพิ่ม 42 ศพ-หาย 14

พล.ร.ต.เจริญพล คุ้มราษี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวถึงการค้นหาผู้สูญหายและกู้เรือฟีนิกซ์ว่า วันนี้ทีมค้นหาดำลงไปค้นหารอบๆ ตัวเรือ และพยายามจะกู้ร่างผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่กับตัวเรือออกมาให้ได้ ทำให้ขณะนี้พบผู้เสียชีวิตแล้ว 42 ศพ ผู้สูญหายที่ต้องค้นหาต่ออีก 14 ราย ส่วนการกู้เรือฟีนิกซ์จากการประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ข้อสรุปว่าจะกู้เรือไปพร้อมกับการกู้ร่างผู้เสียชีวิตที่ติดอยู่ในซากเรือ กรมเจ้าท่าจะเป็นผู้ควบคุมการกู้เรือและบังคับให้เจ้าของเรือเป็นผู้กู้เรือ และให้ศูนย์รักษาผลประโยชน์ทางทะเล หรือ ศรชล. เขต 3 เป็นหน่วยสนับสนุน พร้อมมีการวางแผนหน่วยงานที่จะรับผิดชอบในการกู้เรือครั้งนี้

เจ้าท่าย้ำแจ้งเตือนเรือแล้ว

นายสุรัฐ ศิริไสยาสน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต กล่าวว่า ในการประกาศเตือนสภาพอากาศของเจ้าท่าจะล้อตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ในวันเกิดเหตุได้ประกาศเตือนไว้เช่นกัน เป็นการประกาศเตือนให้ผู้เดินเรือได้รับทราบ เพื่อจะได้ระมัดระวังในการเดินเรือและให้เกิดความปลอดภัย เท่าที่ตรวจสอบในเบื้องต้น ก่อนเกิดเหตุมีเรือท่องเที่ยวที่เข้าออกท่าเทียบเรือตามปกติ แต่ยังไม่สามารถพูดอะไรได้มากนักเพราะยังไม่มีหลักฐานมาอธิบาย ทั้งหมดจะอยู่ในกระบวนการของการสอบสวน หลังเกิดเหตุกรมเจ้าท่าก็มีทีมสืบสวนสอบสวนเหตุที่เกิดขึ้นในทุกมิติตามหลักวิชาการ อย่างไรก็ตาม ในส่วน ของการตรวจสอบจำนวนผู้โดยสารขึ้นลงเรือจะมีเจ้าหน้าที่ประจำท่าคอยตรวจสอบอยู่แล้ว รวมถึงตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยชีวิตประจำเรือ โดยเฉพาะเสื้อชูชีพต้องมีเพียงพอกับผู้โดยสาร

ทีมช่วยเล่านาทีกู้ชีวิต นทท.

นายญาณภัทร สร้อยรัก อายุ 37 ปี ผู้จัดการบริษัทเลิฟ อันดามัน จำกัด ที่นำลูกเรือเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเรือเซเรเนต้าที่เกิดอับปางวันเดียวกับเรือฟีนิกซ์ฯและสามารถช่วยเหลือนักท่องเที่ยวได้บางส่วน จากทั้งหมด 42 คน ที่รอดชีวิต เล่าเหตุการณ์ว่า วันเกิดเหตุเวลา 17.00 น. หลังส่งลูกค้าที่เกาะพีพี จ.กระบี่ เดินทางกลับเข้าฝั่งถึงท่าเทียบเรืออ่าวมะขาม ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ขณะทำความสะอาดเรือเวลา 18.00 น. รับแจ้งจากเจ้าของเรือเซเรเนต้าขอความช่วยเหลือ ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที พบนักท่องเที่ยวเกาะทุ่นลอยคอ 9 คน จึงใช้เชือกเกาะลากขึ้นเรือ จากนั้นลงไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ยังติดอยู่บนเรือและท้ายเรือจมลงไปในน้ำแล้ว ทุกคนฝ่าคลื่นสูงกว่า 5 เมตร ทยอยนำผู้สูงอายุ ผู้หญิงและเด็กอีก 11 คน รวม 20 คนออกมาได้ จากนั้นไม่นานเรือตำรวจน้ำเข้าช่วยเหลือ ทำให้ไม่มีใครเสียชีวิต

“บิ๊กตู่” บินด่วนกู้เรือล่มภูเก็ต

ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เวลา 10.00 น.วันที่ 9 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะออกเดินทางด้วยเครื่องบินแอมแบร์จากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ไปยัง จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการช่วยเหลือผู้ประภัยและผู้สูญหาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนจากเหตุการณ์เรือล่มกลางทะเลที่ จ.ภูเก็ต

ญาติจีนเรียกร้อง-สูญเสียครอบครัว

วันเดียวกัน สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างการเปิดเผยของนางเฉิน เหว่ย ครอบครัวชาวจีนผู้เสียชีวิตจากเหตุเรืออับปางที่เกาะเฮ จ.ภูเก็ต ที่เรียกร้องหาความยุติธรรมจากทางการไทยเพราะมองว่าโศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดจากความผิดพลาดของคนที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ขณะเดียวกัน นางเฉิน เหว่ย ยังนำคลิปวิดีโอความยาว 10 วินาที มาเผยแพร่ให้ผู้สื่อข่าวเอพีบอกว่าเป็นคลิปวิดีโอที่นางเฉิน เต๋อ กวง พี่สาวผู้เสียชีวิตส่งผ่านทางแอปพลิเคชัน “วีแชต” มาให้ก่อนเกิดเหตุ แสดงให้เห็นว่าเรือลำดังกล่าวเอียงไปทางขวาอย่างรุนแรงจนคนล้มหน้าคะมำ พร้อมด้วยเสียงหัวเราะอย่างประหม่า เสียงกรีดร้องของผู้หญิง และคนกอดลูกที่นั่งอยู่บนตัก นางเฉิน เหว่ย ยังชี้ว่าบริษัทผู้ให้บริการเรือละเลยคำเตือนเรื่องสภาพอากาศ ไม่ได้ให้ความปลอดภัยอย่างเหมาะสมแก่ผู้โดยสาร อย่างในคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่า หน้าต่างของเรือถูกปิดสนิท ทั้งที่ควรจะ เปิดไว้เพื่อให้ผู้โดยสารว่ายน้ำออกจากเรือได้ อีกทั้งคนบนเรือก็ไม่มีใครใส่เสื้อชูชีพ เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้ตนเสียสมาชิกครอบครัวไปถึง 3 คน

ตร.จ่อเล่นงานบริษัทเรือนอมินี

ที่ห้องประชุมรามราฆพ สนามม้านางเลิ้ง กทม. เวลา 18.00 น. วันที่ 8 ก.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. เปิดเผยถึงเหตุเรือล่มที่ จ.ภูเก็ต ว่า ตอนนี้มีข้อมูลบริษัทเรือที่เป็นนอมินี โดยมี ต่างชาติเป็นเจ้าของที่แท้จริง 7-8 ราย บริษัทเหล่านี้ จะมีคนจีนว่าจ้างคนไทยให้เป็นเจ้าของแทน ยืนยันว่าจะปราบปรามให้หมดเพราะถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ มีความผิดเลี่ยงภาษี รวมถึงกฎหมายฟอกเงิน หลังจากนี้จะประสานกับจังหวัดที่มีชายทะเลให้มีเจ้าหน้าที่ดูแลหาดตลอดแนวเพื่อดูแลนักท่องเที่ยว ที่ผ่านมาพบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาภูเก็ตเฉลี่ย 20,000-30,000 คนต่อวัน เมื่อหลายปีก่อนมีข่าวนักท่องเที่ยวโดนใบพัดเรือพัดใส่บาดเจ็บที่ จ.ภูเก็ต ตนได้วางมาตรการวางทุ่นป้องกันนักท่องเที่ยวไม่ให้โดนใบพัดเรือไว้ ตอนนี้ก็ไม่มีเหตุนี้แล้ว ครั้งนี้ก็เช่นกันต้องไม่ให้เกิดเหตุเรือล่มแบบนี้อีก ขอเวลาอีก 2 อาทิตย์จะจัดการบริษัทเรือที่เป็นนอมินีเหล่านี้ให้หมดสิ้นซาก