วันที่ 4 ก.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวได้ไปพบแม่เฒ่าวัย 78 ปี ขาพิการเดินไม่ได้ กับหลานชายขาพิการวัย 33 ปี ใช้ชีวิตใต้ชายคาที่พักผู้โดยสารริมถนน ปากซอยสัตหีบสุขุมวิท 99 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ชาวบ้านสุดเวทนา แห่นำอาหารหวานคาว มาให้ย่าหลานประทังชีวิต
จากการตรวจสอบพบว่า แม่เฒ่ารายนี้ชื่อ นางสวง อายุ 78 ปี เป็นชาวจังหวัดกาญจนบุรีโดยกำเนิด ก่อนย้ายภูมิลำเนามาอยู่ในบ้านเลขที่ 224 ม.10 ต.บ้านกอก อ.จตุรัส จ.ชัยภูมิ ล้มป่วยเป็นอัมพฤกษ์ขาทั้ง 2 ข้าง ใช้การไม่ได้ ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็น ส่วนหลานชาย อายุ 33 ปี ขาทั้ง 2 ข้าง พิการจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ยังสามารถเดินได้ ซึ่งภายในศาลาพบกระสอบใส่เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ และรถเข็นวีลแชร์สภาพเก่า ซึ่งทั้งคู่ไม่มีเงินติดตัว มีเพียงอาหารที่ชาวบ้านนำมาให้ประทังชีวิต เพราะเกิดความเวทนา
นางสวง เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า เดิมทีชีวิตครอบครัวก็อยู่กันอย่างพร้อมหน้าอบอุ่น ตนมีสามีและมีบุตรชายด้วยกัน 2 คน กระทั่งเมื่อ 15 ปีก่อน ชีวิตกลับต้องพลิกผันเมื่อจู่ๆ ขาทั้ง 2 ข้างก็ใช้การไม่ได้ หมอบอกว่าป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ ด้วยความยากจนก็ไม่ได้เดินทางไปรักษาที่ไหน ใช้ชีวิตอย่างคนพิการขาเดินไม่ได้มาตั้งแต่บัดนั้น
หลังจากนั้นไม่นานสามีก็ได้ทิ้งหนีหายไป ส่วนบุตรชายคนโตเสียชีวิตไปแล้ว เหลือเพียงบุตรชายคนเล็กซึ่งทิ้งตนไปอยู่กับครอบครัว ไม่กลับไปดูแลอีกเลย มีเพียงหลานชาย ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของลูกชายคนเล็ก ซึ่งตนได้เลี้ยงไว้ตั้งแต่เกิด แต่ต้องมาขาพิการจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ด้วยวัยเพียง 8 ขวบ
ตอนนี้ก็มีเพียงหลานที่พิการดูแล รับจ้างทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงปากท้องตนให้มีชีวิตรอด แม้บางทีหลานต้องยอมอดเพื่อให้ตนได้กิน หากวันไหนไม่มีคนจ้างงาน หลานก็จะไปกราบพระขอข้าววัดนำมาให้ตนได้กิน ยอมอดมื้อกินมื้อ แต่ไม่เคยให้ตนต้องอด
...
กระทั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าของที่ที่เคยขออาศัยเป็นที่พักพิง ได้ขายที่ดินดังกล่าวให้กับคนอื่นไป ทำให้ตนกับหลานต้องไปหาที่อยู่กันใหม่ ระหกระเหินไร้ที่พักพิง จึงได้นำเงินที่เหลือเพียงไม่กี่บาท นั่งรถตู้พากันมาหวังที่พึ่งสุดท้ายกับ ลูกชายคนเล็ก แต่กลับถูกขับไล่ให้ออกจากบ้าน ตนกับหลานจึงได้มาอาศัยใต้ชายคาศาลาที่พักผู้โดยสารริมถนนในตอนนี้