เขา กันต์ กันตถาวร เป็นคนที่มีความคิด ความอ่านแหลมคม น่าสนใจ,
ผมและ Thairath Talk มีโอกาสได้พูดคุยกับ กันต์ กันตถาวร กว่าจะมีวันนี้ได้มันไม่ง่าย มีหลายทางแยกที่เขาต้องเลือก เรายังคุยเรื่องรางวัลที่เขาได้รับ พร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมาะสมหรือไม่ คุณรู้ไหมว่าเขาผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะมีวันนี้ได้
ไม่รู้คุณฟังแล้วจะรู้สึกหมั่นไส้ หรือ เข้าใจ กระทั่งหลงรักความจริงจังของเขาแบบหัวปักหัวปำกับเจ้าของรางวัลพิธีกรแห่งปี ที่เราเห็นในจอ และนอกจอ คล้ายจะเป็นคนเดียวกัน แน่นอนว่าเรื่องนี้เขาอาจจะน่าจะไม่รู้ตัว กันต์ กันตถาวร
ผู้ชายที่บอกผมว่าเป็นแบดบอย แต่กลัวเมีย 'กันต์ กันตถาวร'
กันต์ กันตถาวร : จุดเปลี่ยน - มืออาชีพ
...
Thairath Talk : คุณได้ความเป็นมืออาชีพมาจากไหน
ด้วยความเป็นพิธีกรนะครับ มันคือการรวยรวมมวลทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นรอบตัวให้ไปในทิศทางที่เราต้องการ ผมก็เลยรู้สึกว่าทุกคนจะทำงานสนุกถ้ารับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองได้เต็มที่ เลยอยากให้ทุกคนได้ทำงานของตัวเองจริงๆ เราต้องดีดก่อน เราเหมือนแม่ทัพพอเราดีดปั๊บทุกคนจะ Alert ถ้าเนือยไป มันจะเนือยไปแบบนั้น ก็เลยรู้สึกว่ามันคือการ Manage มันคือการ Organize
Thairath Talk : ช่วงชีวิตนี้ดีที่สุดไหม
ตอบตรงๆ เลยผมว่าทุกช่วงชีวิต ถ้ามันไม่ผ่านวัยที่เราซ่ามาก่อน ไปตีรันฟันแทงมาก่อน มันก็คงจะไม่มีประสบการณ์ที่เราจะมีภูมิต้านทานมาจนถึงวันนี้ได้ ถ้าเราไม่ได้ผ่านการทำงานหนักมาก่อน เราคงไม่มีประสบการณ์เรียนรู้วิธีการทำงานจากคนอื่นๆ รอบตัวเราได้เช่นกัน
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผ่านการทำงานหนักที่สุดมาแล้ว ทำงาน 7 วันตั้งแต่ 7 โมงยันตี 2 ผ่านมาหมดแล้ว 3 ปี ไม่เคยมีวันหยุดสักวัน ตอนนั้นเราภูมิใจว่าทำงานได้เยอะกว่า มีสตางค์เยอะกว่าคนอื่น แต่มันกลับกลายเป็นว่าคนรอบตัวเราไม่ได้ดีใจด้วย
ในวันที่เราเข้าเส้นชัยเหมือนเราเข้าคนเดียว เนี่ยประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วไง แต่ว่าเราไม่ได้กินข้าวกับ ป๊า-ม๊า เราไม่มีเวลาให้กับคนรัก เราไม่ได้มีเวลาให้กับน้องหมา เอาง่ายๆ กินข้าวเพื่อนไม่ชวน เพราะรู้ว่ามันไม่ว่าง ถ้าว่างเดี๋ยวโทรมาเอง สุดท้ายเราลืมอะไรบางอย่าง เลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่การทำงานอย่างเดียวมันไม่ตอบโจทย์ชีวิต เลยต้องเปลี่ยนวิถีบ้างเอา Balance ชีวิตดีกว่า
Thairath Talk : คิดได้ตอนไหน
3-4 ปีที่แล้ว จุดเปลี่ยนคือผมทำงานหนักแบบนี้ จนคุณพ่อ-แม่มาเยี่ยม บ้านที่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจว่าเราซื้อบ้านที่อยากได้เอง เขาชวนวันรุ่งขึ้นกินข้าวกัน ผมก็เลยบอกว่าเดี๋ยวผมโทรถามกองละครให้ เขาบอกคุณให้คิวละครไว้ ต้องถ่ายทำละคร ซึ่งเป็นการทำที่ถูกต้องนะครับ เพราะผมให้คิวเขาไว้จริงๆ ผมเลยบอกป๊าม๊าว่าไม่ได้นะต้องถ่ายละคร ป๊าม๊าก็บอกว่าไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องง่ายๆ คุณแม่แค่ถามว่าอยากกินอะไร ผมอยากกินข้าวเหนียวหมูปิ้ง ไม่เป็นไรวันหลังกินข้าวกัน
ไปมาวันรุ่งขึ้นผมจะต้องออกจากบ้านประมาณตี 5 หรือ 6 โมง มีข้าวเหนียวหมูปิ้งแขวนหน้าประตูรั้ว ผมยืนมองอยู่อย่างงั้นว่า แม่เราต้องตื่นกี่โมงวะมาเพื่อแขวนหน้าบ้านแล้วขับกลับ เราทำไรอยู่วะ เกิดภาพย้อนกลับหมดเลยว่าสุดท้ายมันไม่ใช่ละ
การที่เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานของเราคนเดียวมันไม่ได้ตอบโจทย์ชีวิตเราหรือว่าครอบครัวที่เรารู้สึกว่าอยากให้เขาภูมิใจเรา มันคือการใช้เวลากับคนพวกนี้มากกว่ามันคือการใส่ใจ ที่ไม่ใช่ทำงานหาสตางค์มาแล้วก็เลี้ยงดูเขาได้อย่างเดียว
Thairath Talk : พอรู้ตัวว่าต้องเปลี่ยนวิธีการต่อมาคือ
เลิก ไม่รับงานเลย ส่วนที่รับอยู่คือเล่นให้เสร็จทั้ง 3 โปรเจกต์ แล้วก็ไม่รับอีกเลย
เพื่อที่เราจะได้กลับมานั่งคุยกับตัวเองว่าเราต้องการอะไร เราอยากทำพิธีกร ณ เริ่มแรกสุดเลยก่อนที่จะมาเป็นดารา ผมเป็นดีเจมาก่อน มันคือสิ่งที่เรารู้สึกว่าเราทำน่าจะโอเคที่สุด เริ่มปรึกษาคนรอบตัว 100% บอกว่า อย่า! เพราะพูดตรงๆ วัฒนธรรมไทยละครไทย ซีรีส์มันยังมีคำว่าพระเอกนางเอกอยู่ มันยังไม่เหมือนต่างประเทศที่แค่เป็นตัวละครเอก
เราอยู่ในฐานะพระเอก ซึ่งทุกคนอยากเป็น แต่วันนี้คุณเป็นทำไมคุณจะเดินออก คุณเป็นอีกสัก 10 ปี แล้วผันตัวไปทำเบื้องหลัง เป็นพิธีกรดีกว่า ตามวิถีที่มันควรจะเป็น แต่เราแค่รู้สึกว่า ณ วันนั้นอีก 10 ปี ถัดจากนั้นเราคงไม่ได้เลือก เราถูก froze ให้เลือกมากกว่า วันนั้นผมคงแก่แล้ว อาจจะเป็นพ่อหรือพี่ชายพระเอก เลยรู้สึกว่าอยากเลือก เลยตัดสินใจว่าฉันจะทำพิธีกรจริงๆ โดยที่ยังไม่ได้คุยกับใครไว้ก่อนเลย หรือคุยกับรายการไหนไว้ก่อนเลย แค่รู้ว่าฉันจะทำพิธีกรแล้วฉันจะทำให้ได้
Thairath Talk : ไม่เสียดายเหรอเงินทองมหาศาล
เสียดายๆ แต่แค่รู้สึกว่ามันไม่ตอบโจทย์ชีวิตแล้ว สมมติว่าตอนนี้ไม่รับงานเรายังพอมีกินอยู่นะ ก็เลยไม่รับเลย แล้วก็ได้มาคุยกับทางผู้ใหญ่ ได้คุยกับพี่กฤษณ์ ศรีภูมิเศรษฐ์ คุยกับทางคุณแก้ว (ชยันต์ จันทวงศาทร) ที่ทาง Workpoint ก็ได้เริ่มทำพิธีกรจริงจังที่นี่
...
กันต์ กันตถาวร : ฝันแรก พิธีกร และรางวัลพิธีกรแห่งปี
Thairath Talk : คุณเพิ่งได้รับรางวัลพิธีกรแห่งปีมา
ผมรู้สึกว่ารางวัลพิธีกรยอดเยี่ยมไม่ใช่รางวัลสำหรับพิธีกร รางวัลพิธีกรยอดเยี่ยมเป็นรางวัลของทีมงาน ณ รายการนั้นๆ เราเหมือนทัพหน้าเป็นคนนำทัพในการจะส่งสารทั้งหมดไป ถ้านักรบของผมไม่ดี ผมวิ่งใส่ข้าศึกยังไงผมก็แพ้ พอผมเห็นกองทัพของผมทั้งหมด ทุกฟันเฟืองทั้งหมดเขาทำงานได้ดี ในการมีประสิทธิภาพในสิ่งที่ตัวเองรับผิดชอบ ผมเป็นแม่ทัพผมแค่ชี้แล้วสั่งการ ไปซ้าย ไปขวา เฮ้ยช้า-เร็ว เอาแบบนี้ ฉะนั้นผมเชื่อว่ารางวัลนี้มันคือรางวัลสำหรับทีมงานทุกคน
Thairath Talk : จำความรู้สึกเป็นพิธีกรครั้งแรกได้ไหม
เหมือนเด็กอนุบาล กล้องไหน อะไรยังไง ผมเป็นพิธีกรรายการ Bigbenshow ช่อง Workpoint (ปัจจุบันไม่ได้มีแล้ว) คู่กับพี่เบน ชลาทิศ ไม่รู้ว่าสคริปต์ท่องยังไง เพราะอย่างการเป็นนักแสดงเล่นหนัง เล่นซีรีส์ ของผมเป็นการเข้าใจ ผมเป็นคนจำบทไม่ได้ ฉะนั้นผมเลยไม่รู้ว่าการทำรายการใช้วิธีไหนกัน ผมเห็นเขาขึ้นสคริปต์
...
ตอนแรกก็งงว่าสรุปพิธีกรคือดูสคริปต์ แล้วพูดตามสิ่งที่สคริปต์เขียนใช่ไหม หรือจะมาเป็นความเข้าใจให้เราพูดในสิ่งที่เราต้องการ คือผมไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้จังหวะกล้องคืออะไรแบบไหน ไม่รู้อะไรสักอย่างก็เลยศึกษาหมดเลย เอาทุกๆ เทปที่ได้ทำหรือที่คิดว่าควรจะดูออกมาดู แล้วก็เหมือนเอ็นทรานซ์กด Pause แล้วนั่งจดทุกเทป ปัจจุบันก็ยังทำ
Thairath Talk : เทปแรกๆ ของเราพอมาดูรู้สึกห่วยไหม
ห่วย (หัวเราะ) คือ ณ วันนี้เรารู้สึกว่าทำไปได้ยังไงวะ แต่ข้อดีแปลว่าเราได้มีการพัฒนาเกิดขึ้นจากข้อผิดพลาดที่เราเห็น
Thairath Talk : หลังจากเอาเทปมาศึกษา พัฒนาการเราดีขึ้นยังไง
ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันนะ แต่ว่ามันพยายามหาข้อผิดพลาด เหมือนดูเพื่อจับผิด เราพลาดอะไรไปบ้าง ผมดูขนาดว่าทุกรายการมีกล้องกี่กล้อง ใช้สวิซเชอร์หรือว่าทุก record ตากล้องเป็นใคร ใครรับผิดชอบกล้องไหน ถ้ายืนอันนี้ยืนตรงนี้ตกไฟ ผมรู้ทั้งว่าไฟอยู่ตรงไหน กล้องอยู่ตรงไหน แล้วจังหวะที่ผมพูดผมพูดเพื่อให้กล้องกับใคร
เช่นตอนนี้ผมพูดแบบนี้กล้องนี้จับผมอยู่ สักพักจังหวะผมพูดเสร็จกล้องนี้ต้องจับพี่ สักพักมันจะเป็นกล้องทูช็อต จะซูมอินซูมเอาต์อะไรก็ว่ากัน ผมต้องรู้ทั้ง หมดต้องวาดภาพในหัวให้เห็นหมด ไม่งั้นคุมทุกอย่างไม่ได้ ผมต้องทำแบบนี้ไม่งั้นไม่รู้ว่าต้องทำอะไร เพราะถ้าผมไม่เข้าใจผมก็จะได้เป็นคัตเป็นซีนไป แต่พอเห็นภาพรวม ผมจะไม่ได้แค่ตามมวลผมจะสร้างมวลขึ้นได้
Thairath Talk : คุณบ้านะ
ใช่ บนเวทีในสตูดิโอจะเห็นผมอะไรไม่รู้เต็มไปหมด เช่นคุยกันอยู่ พูดๆ ผมรู้สึกว่าคนนี้ควรจะพูดบ้างแล้ว ฉีกตัวออกมา ครับว่าไงนะฮะ ครับพี่ว่าไง มันคือการส่งซิกให้กันและกัน เพื่อให้เกิดมวลรวมโดยความกลม ที่ไม่ใช่มวลอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง ทุกอย่างเป็นมวลที่ผมจะต้องสร้างมันทั้งหมด ตามมันทั้งหมด แล้วฟังให้เยอะ
...
Thairath Talk : ใช้เวลาศึกษากว่าจะลงลึกแบบนี้นานไหม
ผมดูเทปรายการแฟนพันธุ์แท้ตั้งแต่เทปแรกยันเทปสุดท้าย แบบจด Short note ถ้าวันนี้มีแข่งแฟนพันธุ์แท้เรื่องรายการแฟนพันธุ์แท้ผมชนะ แล้วมันก็จะมีศาสตร์บางศาสตร์ที่มันไม่มีในตำราอยู่แล้ว พวกการใช้คำ การดึงศักยภาพ อะไรบางอย่างที่มันเป็นลักษณะเฉพาะตัว มันสามารถทำให้คนคนนั้นที่เราคุยอยู่ด้วยเป็นไปในสิ่งที่เราต้องการได้เช่นกัน เช่น สมมติว่าอยู่ในรายการแฟนพันธุ์แท้ ผมถามคำถามพี่ไปแล้วนะครับ เหลือกี่คำตอบครับตอนนี้
สมมติว่าเหลือ 4 คำตอบถ้าคนดูคิดกันคือ 25% ถึงจะถูก 1 ใน 4 สำหรับผมคือเฉยๆ ไม่เก่ง สิ่งที่ทำได้แล้วให้พี่ดูเก่งมากคือ คือการขีดเส้นใต้ให้คุณ มันเป็นศาสตร์ที่ไม่ได้มีบอกอยู่แต่มันเป็นการเติม ณ ตรงนี้เพื่อให้แบบมีอะไรมากขึ้น เราก็พยายามศึกษากับมวลรวมที่มันเกิดขึ้นได้ว่า Option A B C D มันเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง แล้วเราควรจะใช้ A หรือ B หรือ C กันแน่
Thairath Talk : ไม่เป็นพิธีกรตามสคริปต์
ผมเลยเป็น non script หมด มีแค่บูเล็ตที่มันต้องตาม pattern ตาม format เช่นเรามาถึงเปิดรายการ สวัสดีครับ แนะนำคนดู แนะนำรายการ รายการเราเป็นแบบนี้ๆ แล้วสิ่งที่คุณจะเจอคืออะไร แล้วค่อยๆ ดำเนิน
Thairath Talk :ใช้เวลานานไหม
นานครับเป็นปีกว่าจะเห็นโครงสร้างในการทำงานของตัวเอง
กันต์ กันตถาวร - พิธีกรที่สุดคือ
Thairath Talk : พิธีกรที่ดีสำหรับคุณคืออะไร
คนที่ฟังเยอะ คนที่ฟังแล้วประมวลผลได้เร็ว เพราะที่เราคุยกันพี่จะอ่อ เออ ใช่จริงวะ แต่สมมติขณะที่ถ่ายทำมันจะเกิดตรงนี้ได้เลยรึเปล่า อันนี้คืออีกเรื่องนึง คือมันต้องรับและประมวลผลเลย มันเลยไม่มีถูกผิด มันมีแค่ต้องทำให้ทันและทำให้คม ณ มวลทุกๆ มวลที่มันเกิดขึ้น
Thairath Talk : เป็นคุณทุกวันนี้ที่ได้รางวัลไม่ฟลุก
เกิดจากการทำงานหนักด้วย แล้วก็ทีมงานทุกๆ คน อาจจะเป็นจังหวะและโอกาสด้วย ผมก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องของโอกาสด้วยจริงๆ เพราะกว่าที่ผมจะมีวันนี้ได้มันเกิดจากการที่ผมได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคนอื่น คนเก่งๆ เราจึงเห็นข้อผิดพลาด เช่น ณ รายการที่สองที่ผมทำชื่อรายการว่ากันไปนะครับก็คือ 5 4 3 2 สวัสดีครับ กันต์ กันตถาวรครับ คัต! คัตกลางอากาศเลย เดี๋ยวก่อนอะไรวะเกิดอะไรขึ้น โปรดิวเซอร์เดินมาเลยรอคิวแล้วค่อยพูด รอคิวทำไมต้องรอคิวไม่เข้าใจเกิดคำถาม แต่เอาใหม่ผมก็เว้น Timing เยอะกว่านี้หน่อยนึง สวัสดีครับ กันต์ กันตถาวรครับ คัต! รอคิว
เอางี้นะที่ให้รอคิวคืออย่างงี้กันต์ กล้องเครนมันกำลังลงมา มันอยู่จากโลโก้รายการ ถ้าคุณไม่รอคิวแสดงว่ากล้องเนี่ยมันอยู่ตรงโลโก้รายการแล้วมีเสียงคุณแทรกเข้าไป เสียงคุณจะเป็นว้อยโอเวอร์ทันนี สวัสดีครับกันต์ กันตถาวรครับ วันนี้ กล้องจะอยู่ที่หน้าคุณพูดวันนี้ นี่คือสิ่งที่ว่าทำไมพี่ถึงให้คุณรอคิว สักพักรอคิวเสร็จ คัต! ถ้าคุณยืนไม่ตามมาร์กที่พี่บอกไว้ มันจะตกไฟ คุณเห็นไหมไฟนี้ส่องคุณ คุณไปอยู่ตรงนี้มันไม่เห็นแล้ว เนี่ยผมได้โอกาสในการทำงานกับคนเก่งๆ แบบนี้
ผมจึงเห็นว่ามันไม่ได้มาเป็นพิธีกรแล้วมาดำเนินรายการ เป็นพิธีกรคือเป็น play marker ต้องเขี่ยบอลให้ทุกคนได้ ต้องเสียบสกัดได้ ดำเนินเกมเร็ว ดำเนินเกมช้า หรือหยุดเกมได้ ผมเลยรู้สึกว่าเรายิ่งต้องรู้ทุกอย่าง ผมยังรู้จักกล้องเลยว่ากล้องอันไหนภาพละเอียดไม่ละเอียด กล้องไหนซูมได้ ซูมไม่ได้ กล้องไหนเลนส์ฟิก เพื่อที่จะได้รู้ว่าอันนี้เฟรมแคบ อันนี้ทูชอตใช่ไหม อันนี้ต้องการอะไร มันเลยต้องรู้องค์รวมทั้งหมด
พอแต่ว่าถ้าพอรู้หมด อย่างวันนี้ผมเจอพวกพี่ครั้งแรก พวกพี่ก็แบบเฮ้ยรู้นี่หว่า แล้วทำงานโคตรมันเลย เหมือนเราจะพร้อมแบบเอาดิ มึงมามึงมา ซูมดิ พร้อมซูมทันที มันคือการเชื่อใจซึ่งกันและกัน พอมันทำงานประสานกันทุกสิ่งทุกอย่าง มันจะไม่มีใครโทษใคร
Thairath Talk : รู้สึกยังไงที่บางคนบอกว่าคุณไม่เหมาะสมกับรางวัล
ผมซื้อมามันเป็นโปรโมชั่น 2 แถม 1 ผมก็ต้องซื้ออะครับ (หัวเราะ) สำหรับผมนะ ผมรักงานผม แล้วผมไม่ซ้ำงานตัวเองเพราะมันคือชื่อผม เพราะฉะนั้นถ้าคนจะด่า ด่าผมก่อน ถ้าคนจะชมต้องชมทั้งทีมผม
กันต์ กันตถาวร - ไอดอลทางพิธีกร
Thairath Talk : ขอบคุณเสนาลิงที่เป็นไอดอล
เขาเป็นโค้ชครับ จริงๆ แล้วผมว่า ณ ทุกๆ คน โปรดิวเซอร์ ทีมงาน ตากล้อง ทีมไฟ ทุกสิ่งทุกอย่าง มันทำให้ผมเห็นภาพรวมหมดอยู่แล้ว พวกนี้คืออาจารย์ผมทั้งหมด แต่ว่าคนที่ทำให้ผมได้เห็นชัดขึ้น คือพี่ลิง เพราะพี่ลิงคือพิธีกรคู่กับผมในรายการ i can see your voice เป็นรายการใหญ่รายการแรกที่กันต์ได้ทำ ซึ่งโคตรกดดันเลย คือถ้าพัง พังเลยเพราะกันต์เพิ่งมาเป็นพิธีกร มีพี่ลิงอะเป็นโค้ชเพื่อเป็นการดูจังหวะ เช่นแบบกันต์จังหวะนี้นะกล้องยังไม่จับ เขายังไม่เล่นอย่าเพิ่งรับ
Thairath Talk : พิธีกรที่เป็นไอดอลคุณละ
พี่ตา ปัญญา นิรันดร์กุล
Thairath Talk : มีคนยกว่าคุณเป็นตา ปัญญาคนที่ 2
ผมทำไม่ได้หรอกครับ พี่ตาก็ต้องเป็นพี่ตา ถ้าวันนึงเราจะเก่งกว่านี้มันก็คงจะเป็น กันต์ กันตถาวร ที่เก่งกกว่านี้
Thairath Talk : ยังเก่งกว่านี้ได้อีก
อันนี้ผมไม่ทราบ แต่ผมก็ยังเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในทุกๆ วัน และก็พยายามทำให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน เนื่องจากว่าจริงๆ แล้วโจทย์หลักของผมที่ได้คุยกับพี่ตาคือว่า อย่าชิน พี่ตาทำชิงร้อยชิงล้านมา 27 ปี ผมยังเห็นเขาตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่จนเทปปัจจุบัน แต่ถ้าไปดูจริงๆ คือเขาไม่ได้แสดงเขารู้สึกจริง สมมติเราถามตัวเองเราทำอย่างเดิมมา 27 ปี ทำได้ยังไงไม่ชินน่ะ เป็นโจทย์ที่โคตรยากเลย เรายังรู้สึกเลย เราทำ the mask มาบางทีเรายังรู้สึกชินเลย
ฉะนั้นทำยังไงให้ไม่ชิน ให้มันไม่เป็นรูปแบบเดิม ให้เกิดวาไรตี้ขึ้นผมจึงต้องรู้มวลรวมทั้งหมดแบบนี้แหละ เพื่อที่เป็นการสร้างมวลแล้วตัดต่อเองได้โดยที่คนตัดต่อต้องรู้ว่าต้องตามผม
Thairath Talk : คุ้มค่าไหมที่ทิ้งทุกอย่างมาทำพิธีกร
คุ้มค่าครับ, พอมาเป็นพิธีกรกลายเป็นว่าผมมีเวลาในการ balance ชีวิตมากขึ้น ในเรื่องของความรัก เพื่อน หมา ความชอบ ในเรื่องของทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเป็นชีวิต และมันทำให้ผมมีชีวิตที่ดีขึ้น ผมสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ เลี้ยงดูครอบครัวได้ สามารถพาคุณพ่อคุณแม่ไปไหนก็ได้ อยากกินอะไรก็ได้กิน ดูแลสุขภาพให้ดีที่สุด น้องหมาผมสามารถพาไปว่ายน้ำได้ทุกวันได้ทุกอาทิตย์โดยที่แบบกินดีกว่าผม
ซึ่งมันเป็นความรักของผม มันเป็นความชื่นชอบของผมใครจะว่าผม ผมไม่สน เพราะผมคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรฟุ่มเฟือยหรือทำอะไรเดือดร้อนคนอื่น มันเป็นความรักความชอบที่ผมยินดีที่จะทำ และผมมีแรงที่จะทำให้ คุณพ่อคุณแม่ผมใช้ชีวิตได้อย่างที่อยากจะทำ อยากกินอะไรกิน อยากไปไหนไป ที่สำคัญไม่ใช่แค่ให้เขาไปเราไปด้วยได้ ผมว่าชีวิตผมก็มีความสุขแค่นี้
กันต์ กันตถาวร - สิ่งที่ได้ และเสีย จากวงการบันเทิง
Thairath Talk : ได้อะไรจากวงการบันเทิงบ้าง
ได้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เลี้ยงดูตัวเองได้ มีฝันได้แล้วฝันนั้นเป็นจริงได้ และนอกจากนั้นมันทำให้ผมมีความสุขและเป็นตัวเองได้ทุกๆ วัน มีคนจ้างให้ผมไปเป็นตัวเอง ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้วนะจากการเป็นนักแสดง ผมรักในอาชีพนักแสดงนะครับแต่เขาจ้างเราให้เราไปเป็นคนอื่น แต่วันนี้คนจ้างว่ากันต์ มาเป็นกันต์ให้ฉันหน่อย ผมว่ามันเป็นอาชีพที่มีความสุขที่สุดแล้วนะ ในทุกๆ สาขาวิชาชีพเช่นกัน สมมติผมชอบสไตล์พี่มาก พี่มาสัมภาษณ์ให้ผมหน่อยเอาแบบนี้เลยไม่ต้องเปลี่ยน การเป็นตัวเองในทุกๆ วันมีความสุขที่สุด และยิ่งเป็นตัวเองแล้วมีคนจ้างให้คุณไปเป็นตัวเอง ผมเลยรู้สึกว่าทุกวันนี้ผมไม่ได้ทำงานสักวัน
Thairath Talk : วงการบันเทิงฉกฉวยอะไรไปบ้าง
สำหรับผมไม่ใช่การฉกฉวยนะ มันเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่เราตกลงกันโดยปริยาย ที่ไม่มีสัญญาผูกมัด ไม่มีสัญญายกเลิก เรามาเป็นนักแสดงก่อน มาเป็นคนที่อยู่ในที่แจ้งให้คนได้เห็นก่อน ไม่แปลกที่จะมีคนรู้จักเราแล้วมีคนชื่นชอบ ขอถ่ายรูปเป็นเรื่องดีคุณต้องคิดงี้ก่อน
ผมไม่ใช่ดาราประเภทไม่ๆ ครับ ไม่ให้ถ่าย ถ่ายไม่ได้ ผมถ่ายเลย ได้ครับ มาๆ มาถ่าย พี่มา แต่ถ้าไม่ให้ถ่ายมีแค่กำลังกินข้าวอยู่ แล้วก็จะเป็นการพูดตรงๆ ผมขอกินข้าวแป๊บนึง พี่รีบเปล่า ถ้าไม่รีบผมขอกินข้าวเสร็จก่อน แต่ถ้ารีบเดี๋ยวถ่ายให้ ยกเว้นแค่ประเภทคุยไม่รู้เรื่องว่าขอกินข้าวก่อน กินเลยๆ อยากถ่ายตอนกินข้าว อ้าว! เอาไง อันนี้ต้องมีปัญหากันละ อันนี้เป็นเรื่องปกติผมว่าใครๆ ก็เป็น ผมคิดว่าถ้าเราเคารพสิทธิซึ่งกันและกันละ อันนี้ผมยินดี
กันต์ กันตถาวร - กันต์ Talk
Thairath Talk : มีงานไหนอยากทำแล้วไม่ได้ทำไหม
อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำดีกว่า ผมรู้สึกว่าผมอยากเป็นพิธีกรรายการ talk เพียงแต่ ณ วันนี้ก็ไม่รู้สึกอยากทำนะ แค่รู้สึกว่ายังไม่ได้ทำและอยากทำแต่ไม่ใช่ช่วงนี้ ผมเชื่อว่ามันอยู่ที่วัยวุฒิด้วย สมมติผมสัมภาษณ์คนที่ประสบความสำเร็จมา เขาอายุ 50 แล้ววันนี้เขาต้องมาให้กันต์สัมภาษณ์ พี่เด็กๆ พี่เคยซ่าอะไรบ้างไหม เขาคงมองผมเป็นเด็กเมื่อวานซืน เดี๋ยวก่อนไอ้ตี๋มึงอะไรเนี่ย อะไรของมึง เพราะว่าวัยวุฒิเราไม่ได้ อันนี้ต้องยอมรับตรงๆ แต่วันนึงที่วัยวุฒิมันใช่ รายการคุยเราสามรถทำให้กับทุกเพศทุกวัย และเขาสามารถเปิดใจกับเราได้ วันนั้นคือวันที่รู้สึกว่าจะทำ
เหมือนวันนี้ครับผมเชื่อว่าพอเวลาเจอแขกรับเชิญอย่างที่เมื่อกี้เราคุยกัน เจอแขกพูดน้อยโคตรเหนื่อยเลย เราจะทำไงให้เขาพูดเยอะ นี่คือประเด็นและผมเชื่อว่ามันอยู่ที่วัยวุฒิ คุณวุฒิ
Thairath Talk : มองไว้ไหมว่าอีกกี่ปีจะพร้อม talk
ยังไม่รู้เลยครับ ยอมรับว่ายัง (ยังไม่มีโอกาส) มีๆ เหมือนว่าที่ผู้ใหญ่คุยกันคิดว่าจะทำ talk show ไหม แต่ถ้าจะเป็น talk show ตอนนี้ ก็คงจะต้องเป็นวาไรตี้แบบเพื่อรอยยิ้ม ไม่ใช่ talk show แบบว่าดราม่าชีวิต หรืออะไรแบบนี้ ผมว่ามันอยู่ที่ content ด้วย แล้วก็อยู่ที่วัยวุฒิ คุณวุฒิด้วย ผมก็ตอบไม่ได้ว่ากี่ปี เพราะผมก็ไม่คิดว่าผมจะเป็นพิธีกรตอนอายุ 33 เช่นกัน มีแต่คนบอกให้ผมเป็นตอนอายุ 40
Thairath Talk : สมมติถ้าเป็นนักสัมภาษณ์ อยากสัมภาษณ์ใคร
ผมอยากสัมภาษณ์พี่ตา ปัญญา พี่จิก เคยเห็นเขาสัมภาษณ์กับใครไหมล่ะ ไม่มีเลย
Thairath Talk : คำถามแรกที่อยากจะถามเขา
ถามพี่จิกก่อนแล้วกันผมอยากคุยกับพี่จิกว่า พี่มีสมองกี่สมองในหัว หัวเดียวของพี่ ทำไมเก่งจัง สำหรับเราคือเขาเก่งคนนี้ genius แต่งเพลงก็ได้ แต่งบทประพันธ์ก็ได้ ทำ content รายการก็ได้ creative อีก เดี๋ยวก่อนนี่ one stop shopping แล้วนะ ทำไมทำได้แล้วทำได้ดีด้วย
เพราะเรารู้สึกว่าเราโฟกัสได้ทีละอย่าง เราทำได้ดีทีละอย่างเท่านั้น แต่ทำไมเขาทำได้หมดเลย พี่ตาเช่นกันผมจะถามว่าพี่ตาไม่ชินได้ยังไงในการทำรายการทุกๆ ครั้ง เอาพลังมาจากไหนยังแหกปากปริศนาฟ้าแลบอยู่เลย ในวัยที่ 60 แล้วสนุกทุกครั้ง ประสบการณ์มันจะสอนเพียงแต่ว่าเขาต้องมีแง่มุมในการดำเนินชีวิตก่อน ผมอยากรู้ว่าอะไรแค่นั้นเอง
กันต์ กันตถาวร - ย้อนอดีตแก้ไขตัวเอง
Thairath Talk : มีอะไรที่อยากจะกลับไปแก้ไขไหมเรื่องงาน
ไม่มี ไม่มีไม่ได้หมายถึงว่าทุกงานมันดีทุกชิ้นนะครับ หมายถึงว่าทุกอย่างมันเป็นประสบการณ์จนมาเป็นกันต์ทุกวันนี้ มันเกิดจากประสบการณ์ที่ดี ไม่ดี มันเกิดจากการทำงานเบา งานหนัก งานที่ใช่ งานที่ไม่ใช่ เจอคนเก่ง เจอคนไม่เก่ง จนเราได้รับภูมิต้านทานแล้วก็มีวาไรตี้สำหรับวิชาชีพมาก ผมไม่ได้รู้จักเรื่องกล้อง รู้จักเรื่องไฟ จากการเป็นนักแสดง ผมรู้จักเรื่องกล้อง เรื่องไฟ จากการที่รู้จักกับกราฟเฟอร์ กับโฟโตกราฟ หรือคนที่เป็นสวิซเชอร์ ผมรู้จากพวกพี่ๆ ทั้งนั้นแหละที่เป็นอาจารย์ของผม ผมถึงไม่สามารถพูดได้ว่าอาจารย์ของผมคือใคร อาจารย์ของผมคือทุกคนที่บอกในสิ่งที่ผมไม่เคยรู้
Thairath Talk : ในฐานะมนุษย์ละ มีอะไรอยากกลับไปแก้ไขไหม
ไม่น่าตีกับช่างกล (หัวเราะ) เอาจริงๆ ผมก็ยังไม่ 100% เพราะผมรู้สึกว่าถ้าผมไม่ผ่านวัยนั้นมาก็จะไม่เป็นกันต์ทุกวันนี้ แต่ตอนนี้ที่แก้ไม่ได้คือเข่าพังเนื่องจากการเป็นนักกีฬาบาสเนี่ยแหละครับ เอ็นขาด หมอนรองกระดูกฉีก เล่นไม่ได้ตลอดชีวิต คือถ้าต้องการจะแก้คือแก้เพื่อเป็นนักกีฬาอาชีพ ก็ค่อยไปผ่า เพียงแต่ว่าคุณใช้ชีวิตปกติก็ไม่จำเป็น ถ้าอยากแก้มีแค่เรื่องนี้ที่รู้สึกว่าผิดพลาดจริงๆ
Thairath Talk : ความรัก อยากจะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไหม ทำผู้หญิงบาดเจ็บมามากมายก่อนจะเจอคนนี้ไหม
ครับ เป็นคำตอบสั้นที่คมมาก
กันต์ กันตถาวร - ผู้ชายเคารพเมีย
Thairath Talk : เป็นคนกลัวเมียไหม
เคารพดีกว่า เคารพครับเทิดทูนขึ้นหิ้งครับผม สูงปี๊ด (หัวเราะ)
Thairath Talk : ความรักครั้งนี้
ความรักของคนนี้ที่กำลังจะแต่งงานด้วย เป็นความรักที่ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความรักเชิงแค่เรารักข้อดีของกันและกัน มันคือคนที่อยู่ด้วยกันได้ หมายถึงว่าพอเรามีประสบการณ์ด้านความรักผ่านมาหลายๆ ครั้ง เป็นทั้งวัยรุ่น เป็นทั้งป๊อปปี้เลิฟ เป็นทั้งที่จริงจัง ไม่จริงจัง มันเกิดเป็นประสบการณ์ที่เรารู้สึกว่า ณ ความรักที่ดีที่สุดคือคนที่ใช่ เวลาที่ใช่ สภาวะแวดล้อมที่ใช่
ผมยังเคยคุยกับคุณพลอยเลยว่าต่างคนต่างรู้กัน หมายถึงความรักครั้งก่อนของผมเป็นคนดีมาก เป็นคนดี! แต่ไม่ใช่คนที่ใช่ ผมเลยรู้สึกว่าคนที่ดีกับคนที่ใช่เป็นคนละคน ถ้าเป็นคนดีผมเป็นแฟนกับแม่ชีไปแล้ว เพราะฉะนั้นมันคือคนละคน และพอมันมาไม่ใช่เวลาที่ใช่ มันก็ไม่ใช่ ต่อให้ผมเจอคุณพลอยตอนผมอายุ 18 น่าจะเลิกกันตั้งแต่ 4 วันแรก แต่พอ timing มันใช่ คนมันใช่ จิตใจเราใช่ มันก็จะใช่เอง มันเกิดจากการเรียนรู้และหล่อหลอมซึ่งกันและกัน ทั้งข้อดีที่เราชอบ ข้อไม่ดีที่เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ กะว่าเราค่อยๆปรับกันไม่ใช่ทนได้แต่ว่ารับกันได้ โลกของฉัน โลกของเธอ โลกของเรา ที่เราแบ่งและให้เกียรติกันอย่างชัดเจน
กันต์ กันตถาวร - ความสุขและอนาคต
Thairath Talk : ความสุขของคุณวันนี้คืออะไร
ผมสามารถตื่นมากินกาแฟได้ ดูหมาวิ่งได้ ออกไปทำงานได้อย่างมีความสุขมีเสียงหัวเราะกลับบ้านและออกกำลังกายพาคุณพ่อคุณแม่เที่ยว พาป๊าม๊ากินข้าวพาคุณพลอยกินข้าวได้ ผมมีแค่นี้ชีวิตผมเรียบง่ายมาก ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมอยากได้อะไรเพราะผมรู้สึกว่าผมได้แล้ว ในสิ่งที่เราจะฝันถึงเช่นบ้านมันจะมีบ้านที่เราซื้อได้ กับบ้านในฝัน
ผมสามารถมีบ้านในฝันได้แล้ว คือบ้านที่ผมอยากได้ รถที่เราใช้กับรถในฝันก็จะเป็นคนละคัน ผมสามารถมีรถในฝันของผมได้แล้ว วิถีชีวิตที่ผมอยากได้กับวิถีชีวิตที่เราสามารถเป็นได้มันก็ต่างกัน ผมสามารถมีวิถีชีวิตที่ผมอยากได้ ได้แล้ว ความสุขของผมมันเรียบง่ายด้วยไง ผมไม่ได้ต้องการอะไรฟู่ฟ่า แต่ผมก็ไม่รู้ว่าวันนึงเราจะมีอะไรที่ต้องการมากกว่านี้รึเปล่า เช่นผมแต่งงานไปมีน้องมีคุณลูก เราคงจะมีอะไรมากขึ้นเพื่ออะไรแบบนั้นอีก แต่ ณ วันนี้สำหรับผม ผมว่าผมพอ
Thairath Talk : อีก 5 ปีความสุขของคนที่ชื่อกันต์คืออะไร
อีก 5 ปีเหรอครับ อยู่บ้านมั้งดูหนัง เพราะว่าอย่างที่บอกผมไม่รู้สึกว่าผมทำงานเพราะฉะนั้นเวลาบอกว่าจะต้องไปถ่ายรายการผมจะสนุก อยากไป ยกเว้นมันถ่ายติดกันหลายๆ วันมันแยกประสาทไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่ไปผมจะสนุก รู้สึกเหมือนไม่ได้ทำงาน แต่วันที่มีความสุขจริงๆ คงจะเป็นวันที่เลือกทำรายการที่ใช่ รายการหรือสองรายการพอ ที่เหลือคือใช้ชีวิต
Thairath Talk : สุดท้ายคุณเป็นแบดบอยหรือเป็นคนเจ้าชู้
ผมเป็นแบดบอย ผมไม่ใช่คนเจ้าชู้เลย คือผ่านมาหมดแล้วแหละ ผ่านวัยประเภทวันนี้หญิงชื่อเอ วันรุ่งขึ้นหญิงชื่อบี วันรุ่งขึ้นหญิงชื่อซี ผ่านมาหมดแล้ว จนรู้สึกว่าเหนื่อยแล้ว เกิดจากการที่เมื่อก่อนผมเที่ยวทุกวันเว้นวันอาทิตย์เพราะว่าผับปิด (หัวเราะ) แล้วพอมันไปทุกวันมันเหมือนเราสนุกเร็วกว่าคนอื่น มันไม่ใช่แล้วกับการที่มาทัก
เอ้ยกันต์หวัดดี เอ่อ..ใครวะ มันไม่ใช่ละเราเหนื่อยแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าพอ คือมันเกิดจากการพอด้วยตัวเองก็เลยไม่ใช่คนเจ้าชู้ เป็นคนที่คบแล้วคือคบเลยทีละคน ถ้าคบแล้วคือไม่เที่ยว แต่แบดบอยของผมไม่ใช่ทำอะไรไม่ดีนะเพียงแต่ว่าผมเป็นคนตรงชัดเจน และแรง เป็นคนใจร้อนแต่ว่าเป็นคนไม่เฟกเลย คือชัดเจนเลยเอาไงพูด แบบไหนได้หมด.
ที่มาภาพ : kankantathavorn