ในยุคที่มีคนเปรียบเปรยว่าเราอยู่ในยุค “นกแก้วนกขุนทอง” คือ “ยุคทองแห่งการท่องจำ” ไม่ใช่ “ยุคใช้สติไถ่ถามเพื่อหาเหตุผล” เนื่องในโอกาสวันพิเศษวันพ่อแห่งชาติ วันที่ 5 ธันวาปีนี้ ไทยรัฐออนไลน์ เชิญผู้เชี่ยวชาญมาถอดรหัสความยิ่งใหญ่ของ “เพลงสรรเสริญ” ให้ชาวไทยยุคนกแก้วนกขุนทองทุกคนได้เข้าใจ...

รศ.ดร.ดวงมน จิตรจำนงค์ อาจารย์ภาควิชาภาษาไทยคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์วิทยาเขตปัตตานี เมธีอาวุโส สกว.สาขาวรรณคดี ปี 2547 อีกทั้งยังเป็นปูชนียบุคคลด้านภาษาไทยดีเด่นประจำปีล่าสุด มาถอดรหัสความหมาย เพลงนี้มีความหมายที่ดีและลึกซึ้งมากๆ ที่ละประโยค “ข้าวรพุทธเจ้า… หมายถึง ข้าพเจ้าทั้งหลาย ซึ่งเป็นข้าของพระองค์ผู้ประดุจดังพระพุทธเจ้า โดยพระพุทธเจ้าในที่นี้ก็คือ เป็นผู้ตรัสรู้และโปรดมวลมนุษย์ให้บรรลุธรรม ให้พ้นจากกิเลส เพราะในมโนทัศน์ของไทยโบราณถือว่ากษัตริย์คือพระโพธิสัตว์

เอามโนและศิระกราน... หมายถึง ขอเอาดวงใจและศีรษะก้มน้อมกราบ

นบพระภูมิบาล บุญดิเรก... หมายถึง ขอนบไหว้พระผู้ปกครองแผ่นดิน  ผู้มีบุญญาธิการอันใหญ่หลวง

เอกบรมจักริน... หมายถึง ทรงเป็นวงศ์แห่งพระจักรีอันประเสริฐ

พระสยามินทร์... หมายถึง เป็นผู้เป็นใหญ่แห่งสยาม

พระยศยิ่งยง... หมายถึง เกียตริยศของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่และยืนนาน

เย็นศิระเพราะพระบริบาล... หมายถึง พวกเราจึงร่มเย็นด้วยการปกครองของพระองค์

ผลพระคุณ ธ รักษา ปวงประชาเป็นสุขศานต์... หมายถึง พระคุณของพระองค์มีผลรักษาปวงประชาให้เป็นสุข

ขอบันดาล ธ ประสงค์ใด... หมายถึง ขอพระคุณนั้น บันดาลให้สิ่งที่พระองค์ประสงค์สำเร็จตามความปรารถนา 

จงสฤษฎ์ดัง หวังวรหฤทัย... หมายถึง ขอให้ได้ดังใจหวัง

ดุจถวายชัย ชโย...หมายถึง ดังที่ได้น้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัย

...

"สำหรับความหมายรวมก็คือ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอกราบไว้พระองค์ผู้มีบุญญาธิการ ซึ่งพระองค์ที่ปกครองปวงชนให้เป็นสุข ด้วยใบบุญของพระองค์ประชาชนจึงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงขอบันดาลให้พระองค์สมประสงค์ในทุกสิ่ง เป็นการถวายพระพรชัยแด่พระองค์"


ทั้งนี้ อาจารย์ภาควิชาภาษาไทย ย้ำว่าคนที่รู้ความหมายของเพลงสรรเสริญพระบารมี เมื่อร้องเพลงความรู้สึกจะรับรู้ได้ว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นที่มาของความผาสุกของแผ่นดิน เขาก็จะเกิดความจงรักภักดี และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ แต่ถ้าใครที่ทำเป็นกิจวัตรประจำวัน เหมือนกับว่าชินแล้วก็อาจจะไม่ค่อยได้คำนึงถึงความหมาย 

“ถามว่าความหมายของเพลงเป็นข้อจำกัดไหม จริงๆ อยากจะบอกว่าเวลาร้องเพลงก็จะเกิดความซาบซึ้ง แต่ว่าความซาบซึ้งมันก็คงว่าด้วยการศึกษา ซึ่งเราคงไม่โทษเด็ก แต่คงเป็นระบบการศึกษามากกว่า ว่าเขาสอนกันยังไง บางทีครูใช้อำนาจบังคับมากก็ไปกันใหญ่ เด็กและวัยรุ่นไม่ชอบการบังคับ ดังนั้นควรที่จะสร้างสติปัญญาและสร้างความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณให้พวกเขาเข้าใจในเพลงนี้จะดีกว่าเพราะเพลงนี้นับได้ว่ายิ่งใหญ่และมีความไพเราะ ที่สำคัญยังสร้างความเป็นเอกภาพ และเป็นศูนย์รวมของจิตใจของคนไทยด้วย เวลาที่เราร้องเพลง เรารู้สึกภูมิใจ  เพราะเราเข้าใจความหมาย  สมมติว่าเราฟังเพลงทุกวันนี้ถ้าเข้าใจความหมาย  ก็จะซาบซึ้งกับเพลงนั้น  เหมือนวัยรุ่นในปัจจุบันที่ฟังเพลงแล้วชื่นชอบ”

สุดท้าย สุดยอดนักภาษาไทยของเมืองไทยกล่าวเคล็ดลับทิ้งท้ายด้วยว่า เวลาจะร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี  หรือเพลงใดก็แล้วแต่  คนที่ร้องก็ต้องเข้าใจความหมายที่แท้จริงของเพลงด้วย  เพลงนั้นถึงจะซาบซึ้งไปถึงจิตใจของเรา

ด้านนายบัณฑิต  อึ้งรังษี วาทยากรชาวไทยที่มีชื่อเสียงในระดับโลกที่เคยคอนดักเตอร์ “เพลงสรรเสริญพระบารมี” มากมาย กล่าวถึงประวัติความเป็นมาของเพลงสรรเสริญพระบารมีให้ฟังพอสังเขปว่า ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ที่เมืองไทยได้มีการเริ่มแต่งเพลงสรรเสริญพระบารมีของเรามาใช้เอง เพราะก่อนหน้านั้นเราใช้  God Save the King ของประเทศอังกฤษ และเพลงสรรเสริญพระบารมีที่เราใช้กันอยู่ตอนนี้แต่งโดยชาวรัสเซีย ซึ่งแต่งออกมาได้ไพเราะมาก ส่วนความหมายของเพลงเข้าใจว่าเนื้อหาใจความก็คือสรรเสริญความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ที่ทำให้ปวงชนอยู่อย่างผาสุก

“เมื่อไม่นานนี่ ผมมีโอกาสได้คอนดักฯ เพลงสรรเสริญพระบารถึง 9 รอบ ซึ่งเวอร์ชั่นที่ผมเล่นมันน่าตื่นเต้น เพราะมีคนร้องตั้ง 150 กว่า คน วงออร์เคสตราก็มีประมาณ 300 คน สำหรับผมเกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน รู้สึกตื่นเต้น แต่รู้สึกสนุกมากกว่า เพราะได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก และได้มีโอกาสคอนดักเพลงที่ตัวเองชอบ ที่สำคัญได้ถวายเกียรติในหลวง ซึ่งมีคนไทยมาร้องร่วมกันหลายคน รวมถึงคนดูก็ร้องเพลงสรรเสริญด้วย ผมเองก็หันไปคอนดักคนดูด้วยกลายเป็นวงคอรัสที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยคอนดักมา สำหรับความหมายและทำนองผมว่าเร้าใจมาก โดยเฉพาะตอนสุดท้ายที่โน้ตขึ้นสูงผมรู้สึกขนลุก แล้วเวลา "ดุจถวายชัย  ชโย...."  ท่อนนี้แหละที่ผมคอนดักทีไรก็ขนลุกทุกครั้ง โดยเฉพาะถ้าคอนดักเตอร์สามารถดึงจังหวะให้ช้าลงเยอะๆ  มันจะทำให้เร้าใจยิ่งขึ้น  เป็นเทคนิคที่ผมใช้”

วาทยากรระดับโลก  กล่าวถึงพระมหากษัตริย์ไทยด้วยว่า ถ้าเป็นนักดนตรีในประเทศนี้  ต้องได้รับอิทธิพลบางอย่างจากในหลวง ซึ่งเป็นนักดนตรี และเราก็ได้ฟังเพลงของพระองค์ท่านมาตั้งแต่เกิด 

“ผมก็เหมือนกับคนไทยทุกคน ที่มีพระองค์ทรงเป็นแรงบันดาลใจ เพราะว่าพระองค์ให้ความสำคัญกับดนตรีมาก  แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเสมอว่าดนตรีเป็นสิ่งที่ดี และสนับสนุนให้คนไทยได้ฟังดนตรีดีๆ ได้เล่นดนตรี พูดง่ายๆ คือเราโชคดีที่มีพระมหากษัตริย์เช่นนี้ เพราะไม่ใช่ทุกประเทศที่จะได้มีพระมหากษัตริย์เช่นนี้ ซึ่งพระองค์ตั้งพระทัยทำงาน และเป็นต้นแบบที่ดีในหลายๆ ด้านให้กับประชาชน ในต่างประเทศเองเขาก็สนใจที่เรามีพระมหากษัตริย์ที่สนใจในด้านดนตรีขนาดนี้  เพราะไม่ค่อยมีกษัตริย์ที่สนใจในด้านนี้สักเท่าไหร่ ในประวัติศาสตร์มีเพียงแค่ 2-3 พระองค์ที่เล่นดนตรีได้ แต่กษัตริย์ที่แต่งเพลง มีเพียงพระองค์เดียวในโลก ซึ่งก็คือในหลวงของเรา "

สุดท้าย คอนดักเตอร์คนไทยฝีมือระดับโลก กล่าวถวายความจงรักภักดีต่อในหลวงเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 

“ข้าพระพุทธเจ้าอยากจะขอบพระทัยพระองค์ที่ทรงเป็นต้นแบบให้กับนักดนตรีทุกคนในประเทศนี้ สุดท้ายขอถวายพระพรให้พระองค์สุขภาพดีตลอดไป”