แผนกดดันทางการค้าตามหลักการ “กรรโชก ข่มขู่ คุกคาม จนถึงยึดทรัพย์ลูกหนี้” เพื่อให้ผู้ที่เหนือกว่าสามารถบรรลุเป้าหมายตามที่ต้องการ ที่ว่าไว้ในหนังสือ “The Art of the deal” ผลงานเขียนของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังถูกนำมาใช้จัดการกับประเทศไทย

ข่มขู่ กรรโชก คุกคาม...บีบให้รัฐบาลไทยฉีกทิ้งทำลายกฎหมายของตัวเอง เพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯส่งหมูที่เลี้ยงโดยใช้สารเร่งเนื้อแดง–แรคโตพามีน (Ractopamine) เข้ามาขายในบ้านเราได้

สารตัวนี้ประเทศไทยมีกฎหมายห้ามไม่ให้ปนเปื้อนในอาหารโดยเด็ดขาด ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการออกกฎหมายควบคุม เพื่อคุ้มครองสุขภาพคนไทย มานานกว่า 16 ปีแล้ว

แต่รัฐบาลสหรัฐฯ อเมริกันชนไม่สน

สภาผู้ผลิตสุกรแห่งชาติ (NPPC) ยื่นคำร้องผ่านสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ให้ตรวจสอบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) ของประเทศไทย อ้างไทยไม่เปิดตลาดให้สินค้าสหรัฐฯอย่างเป็นธรรม

รู้กันมั้ย...องค์กรสมาคมผู้เลี้ยงหมูสหรัฐฯใหญ่แค่ไหน เอาเป็นว่า มีเงินกองทุนจากเก็บค่าธรรมเนียมชำแหละตัวละ 30 เซ็นต์ วางอยู่บนหน้าตักรวมกันกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่สามารถเบิกจ่ายไปทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมหมูของสหรัฐฯ ได้ทั้งในแบบบนโต๊ะใต้โต๊ะ

เลยทำให้วันนี้แรงข่มขู่ กรรโชก คุกคาม เพิ่มระดับมาอีกขั้น USTR เตรียมจะให้เจ้าหน้าที่เดินทางเยือนไทยในเดือนหน้า เพื่อทวงสัญญาให้เปิดนำเข้าหมูสหรัฐฯ พร้อมกรรโชกทรัพย์...จะตัด GSP ไทยหากไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้

นี่แหละสงครามการค้า ที่เปิดฉากกันแบบไม่ต้องเคารพกฎกติกากฎหมายบ้านเมืองอื่นของนักเลงโต สหรัฐอเมริกา...รบกันทั้งบนดินและใต้ดิน ไม่ต่างยุคสงครามเย็น

...

พฤติกรรมไม่ต่างไปจากนายทุนเงินกู้นอกระบบที่เล่นงานคนยากจน โดยไม่แยแสกฎหมายของบ้านเมือง.

สะ–เล–เต