ติ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด (เสียงเครื่องวัดชีพจร)
“อุบัติเหตุในครั้งนั้น ทำให้น้องน้ำหวาน ไม่สามารถที่จะฟื้นขึ้นมาเต้น Cover Dance ได้อีก...”
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งต่ออวัยวะให้กับผู้ป่วยที่กำลังรอความหวังสุดท้าย เพื่อพยุงให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
Dream Transplant - ปลูก ถ่าย ฝัน ภาพยนตร์โฆษณาที่ถ่ายทอดจากเรื่องราวจริงระหว่างผู้ให้และผู้รับ โดยมี “ป้านกน้อย” วัย 64 ปี ผู้รับบริจาคไต ลุกขึ้นมาสานฝันให้เด็กสาววัย 19 ปี ผู้บริจาคไต ในการไปเต้น Cover Dance ที่ประเทศเกาหลี
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เปิดใจครอบครัวน้องน้ำหวาน และป้านกน้อย ถึงความเสียสละ และการสานฝัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามได้นับแต่บรรทัดนี้...
แม่น้องน้ำหวาน สุดภูมิใจ! ฝ่าความกลัว ส่งอวัยวะลูกสาวต่อชีวิต
คุณบุษดี จิตรีผ่อง แม่ของน้องน้ำหวาน ถ่ายทอดเรื่องราวของลูกสาวสุดที่รักให้ทีมข่าวได้ฟังว่า “น้ําหวาน” ของแม่ เป็นเด็กน่ารัก ร่าเริง สนุกสนาน เข้ากับคนง่าย เป็นที่รักของเพื่อนๆ และมีความฝันที่จะเป็นนักเต้น Cover Dance เปิดตัวตามงานต่างๆ ซึ่งคุณแม่เองก็ไม่รู้จักเหมือนกันว่าเป็นอย่างไร แต่ก็เห็นว่าลูกซ้อมเต้นมา 4 ปี จึงเห็นถึงความตั้งใจและจริงจังกับการเต้นมาก จนลูกสาวได้ติดต่อกับเพื่อนว่าจะไปดูงานกันที่เกาหลี กำลังจะเตรียมตัวทำพาสปอร์ตแล้ว แต่ไม่ทันจะได้ทำ เหตุการณ์เลวร้ายก็เกิดขึ้น...
...
14 เม.ย. 60 น้องน้ำหวานประสบอุบัติเหตุถูกรถยนต์ชนท้ายรถจักรยานยนต์ ณ วินาทีนั้น เป็น-ตายเท่ากัน น้องน้ำหวานอาการหนักมาก อุบัติเหตุในครั้งนั้น ทำให้น้องน้ำหวาน ไม่สามารถที่จะฟื้นขึ้นมาเต้น Cover Dance ได้อีก โดยทางคุณหมอแจ้งว่า ไม่สามารถผ่าตัดรักษาได้ และจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม เนื่องจากลูกสาวอยู่ในสภาวะสมองตาย อยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ หลังจากเกิดเหตุ น้องน้ำหวานมีชีวิตอยู่กับคุณแม่ได้เพียง 2 วันก็จากไป
“ทางคุณหมอ ได้ถามความเห็นของแม่ ว่า อวัยวะของน้องน้ำหวาน สามารถนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่รอคอยอวัยวะได้อีกหลายต่อหลายคน แต่พูดตรงๆ เลยว่า แม่เองก็กลัว ไม่กล้าจะยกอวัยวะลูกเราให้คนอื่น เพราะกลัวว่าชาติหน้าลูกเกิดมาจะมีอวัยวะไม่ครบ 32 ประการ” คุณแม่บุษดี เล่าย้อน
แต่แล้วคุณตาของน้องน้ำหวาน เป็นผู้ชี้ทางสว่างมาสู่ครอบครัว โดยให้คำแนะนำกับคุณแม่ว่า การบริจาคอวัยวะเป็นการทําบุญ ไม่เกี่ยวกับอวัยวะจะครบหรือไม่ครบ บุญจะเกิดกับหลานสาวอย่างแน่นอน คุณแม่จึงตัดสินใจทําบุญให้ลูกเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ยากมากก็ตาม
“ตอนนั้นแม่ดีใจนะ ที่ว่าลูกเรายังทำคุณประโยชน์ให้กับคนอื่นได้ คนที่รอคอยความหวังก็กลับมามีหวัง ทำให้ชีวิตเขากลับมาเป็นปกติได้อีกครั้ง แม่ก็ถือว่า ลูกสาวของแม่ยังไม่ไปไหน เพราะทุกอวัยวะที่เซ็นยกให้ไป คือ ดวงตา ไต ผิวหนัง ยังทำงานอยู่ สำหรับตัวแม่เองก็ภูมิใจในตัวเขามากทั้งตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ และถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีชีวิตแล้ว แต่อวัยวะของเขายังช่วยเหลือคนได้อีกหลายคน” แม่น้องน้ำหวาน กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
ตื้นตัน ป้าวัย 64 อาสาเต้น Cover Dance แทน เชื่อ ลูกสาวรับรู้
ต่อมา คุณแม่ของน้องน้ำหวาน ทราบข่าวจากทางสภากาชาดไทยว่า “ป้านกน้อย” วัย 64 ปี หนึ่งในผู้ได้รับบริจาคอวัยวะ อาสาสานฝันให้กับน้องน้ำหวาน โดยการเป็นตัวแทนของลูกสาวไปเต้น Cover Dance ที่ประเทศเกาหลี
...
“ทันทีที่แม่ทราบข่าว รู้สึกดีใจมากๆ ที่ลูกตัวเองได้บินไปเกาหลีจริงๆ ถึงจะไม่ได้บินไปด้วยตัวเอง อาศัยร่างกายคนอื่นบินไปก็ตาม แม่ภูมิใจมาก และก็ได้เคยพูดคุยกับป้านกน้อย ซึ่งแกบอกกับแม่ว่า ดีใจและขอบคุณที่บริจาคไตให้ เพราะคิดว่าจะไม่รอดแล้ว ตอนนั้นมันตื้นตันมาก แม่ก็ตอบกลับไปว่า ไม่เป็นไรค่ะ ถือว่าทำบุญครั้งสุดท้ายให้กับลูกสาว” คุณแม่บุษดี เล่าด้วยความตื้นตัน
แม่น้องน้ำหวาน เล่าต่อด้วยว่า “แม่ได้ทำบุญและบอกกับลูกสาวว่า ป้านกน้อยจะเป็นผู้สานฝันต่อให้กับหนูนะ และแม่ก็รู้สึกได้ว่า เหมือนน้ำหวานเขารับรู้ได้จริงๆ เพราะว่ารูปถ่ายหน้าศพของเขายิ้มมากกว่าเก่า แม่พูดให้ใครฟังใครก็ไม่เชื่อ แต่แม่รู้สึกได้ ขนาดวันที่ไปถ่ายหนังสั้นที่เกาหลี ผู้กำกับเขามาเล่าให้แม่ฟังว่า แกเห็นน้ำหวานเต้นอยู่ที่เกาหลี แกบอกขนลุกมากเลยแม่”
ทีมข่าวถามต่อว่า มาวันนี้ที่ได้เห็นป้านกน้อยเต้นแทนลูกสาว คุณแม่รู้สึกอย่างไร?
คุณแม่บุษดี ตอบว่า “เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์มากค่ะ แม่แปลกใจนะที่คนอายุ 60 กว่าแล้ว มีความมานะพยายามในการเต้นมากเลย แกบอกว่า แกเต้นไม่เป็นหรอก ส่วนมากจะรำวงพื้นบ้านมากกว่า แต่ครั้งนี้แกซ้อมหนักมาก จนเด็กๆ ในวงบอกสงสาร เห็นป้าสู้ตลอด ยอมรับใจแกเลย แต่แม่เชื่อนะว่า น้ำหวานคอยผลักดันอยู่ เพราะเขารักงานนี้มาก ทุ่มเทมากจริงๆ ขอบคุณป้านกน้อยมากๆ เลยค่ะ ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมีคนมาสานต่อความฝันของลูกสาว”
...
อย่างไรก็ดี คุณแม่น้องน้ำหวาน ยังบอกด้วยว่า เมื่อก่อนไม่รู้การบริจาคไปแล้วจะเป็นอย่างไร แต่วันนี้รู้ซึ้งแล้วว่า การบริจาคอวัยวะช่วยชีวิตคนอื่นๆ นั้น มีความสุขแค่ไหน ถึงแม้ร่างของน้องน้ำหวานจะถูกเผาไปแล้ว แต่อวัยวะยังช่วยคนที่หมดหวัง คิดว่าตัวเองจะไม่รอดให้กลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง
“แม่ว่านี่แหละ มันคือ ความสุข ความอิ่มเอมใจจริงๆ ที่วันนี้แม่ได้ทําบุญสร้างกุศลครั้งยิ่งใหญ่นี้ให้ลูกสาวที่รัก” คุณแม่บุษดี ยิ้มอย่างปีติ
...
จากผู้ป่วยไม่รู้วันตาย สู่ชีวิตใหม่ด้วยไตบริจาค
คุณประคอง ชัยสุวรรณ หรือ “ป้านกน้อย” วัย 64 ปี ได้ตรวจพบนิ่วในไตตั้งแต่ปี 21 จนต้องตัดไตทิ้งไป 1 ข้าง แต่ 3 เดือนต่อมา ก็ตรวจพบนิ่วในไตอีกข้าง หลังจากนั้น ป้านกน้อยได้ตั้งท้องและมีลูก 5 คน ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาก็พยายามรักษามาโดยตลอด แต่แล้วช่วงปี 49 ป้านกน้อยเริ่มมีอาการเหนื่อยหอบมาก จึงได้ไปหาหมอ โดยหมอบอกว่า ป้านกน้อยไตวาย ต้องฟอกไต
“ตอนนั้นป้าฟังแล้วก็ตกใจ เสียใจ และกังวลเรื่องการรักษา ค่าใช้จ่าย แต่ถ้าไม่ฟอกไต ป้าก็คงจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อ ปีแรกๆ ป้าต้องฟอกไตอาทิตย์ละ 2 ครั้ง แต่ยังไม่พอ ยังมีของเสียอยู่อีกเยอะ คุณหมอก็แนะนําให้ฟอกไต 3 ครั้งต่ออาทิตย์ คือฟอกไต วันเว้นวัน ป้าก็รักษามาตลอด โดยการฟอกไต
ค่าใช้จ่ายตลอดการรักษาเป็นล้านเลยค่ะ ช่วงแรกๆ เอาเงินเก็บมารักษาตัว และลูกๆ ก็ส่งเงินมาช่วยค่ารักษา ลูกสาวดาวน์รถมาใช้งาน แต่ก็ต้องถูกยึดไป เพราะเขาส่งเงินให้แม่ฟอกไตก่อน และครอบครัวก็ช่วยกันสู้มาเรื่อยๆ มันลำบากมาก วันไหนที่ไม่ได้ไปฟอกไตก็จะไปทำงานเป็นแม่บ้าน หาเงินช่วยลูก” ป้านกน้อย เล่าชีวิตสุดลำบาก
ป้านกน้อย ยอมรับว่า แม้ร่างกายจะไม่ค่อยแข็งแรง แต่จำเป็นต้องหาเงิน “เคยท้อนะคะ อยากจะหลับไปเลย แต่ว่า...เราอยากเห็นลูกรับปริญญาค่ะ (เสียงสั่นเครือ) ลูกๆ เขาก็บอกว่า เรื่องเงินไม่สำคัญ เอาชีวิตแม่ไว้ก่อน เราก็เลยได้รับกำลังใจดีที่ให้เราสู้ต่อค่ะ”
ป้านกน้อย ฟอกไตได้ 4 ปี จึงทําเรื่องมาเป็นผู้รอรับไต ที่โรงพยาบาลศิริราช โดยตอนแรกลูกชายจะบริจาคไตให้ แต่เมื่อทําการตรวจแล้ว กลับพบว่าเนื้อเยื่อเข้ากันไม่ได้ หมอจึงให้รอไตจากการบริจาคอวัยวะ อีก 3 ปีต่อมา ป้านกน้อยจึงได้รับการปลูกถ่ายไตเมื่อปี 59
“หลังจากที่ได้ปลูกถ่ายไตใหม่แล้ว ชีวิตก็เปลี่ยนไปอย่างมาก จากคนที่รอคอยวันตาย จะจากโลกนี้ไปวันไหนก็ไม่รู้ เดี๋ยวน้ำท่วมปอด เดี๋ยวก็เข้าโรงพยาบาล แต่ตอนนี้เหมือนได้เกิดใหม่ ป้าต้องรักษาไตใหม่ให้ดี ดูแลตัวเองให้ดี ทานยา ตรงเวลา ต้องรักเค้าให้เท่ากับชีวิตของเราให้ได้ รู้สึกเหมือนมีอีกชีวิตหนึ่งอยู่กับเรา เราต้องห่วงใย ดูแลให้ดีที่สุด” ป้านกน้อย เล่าด้วยความดีใจ
ป้านกน้อย ขอสานฝันน้องน้ำหวาน จากสาวรำวงสู่เต้น Cover Dance
ป้านกน้อย ทราบเรื่องราวของน้องน้ำหวานจากสภากาชาดไทย และในฐานะผู้รับบริจาค หากอะไรที่สามารถจะช่วยเหลือผู้บริจาค และครอบครัวของผู้บริจาคได้ก็เต็มใจที่จะทำให้อย่างสุดความสามารถ รวมถึงการสานฝันให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีความฝันที่จะไปเต้น Cover โชว์ที่ประเทศเกาหลี แต่แล้วเธอไม่มีโอกาสได้ทำตามความฝันด้วย
“คนที่บริจาคไตให้ป้า ไม่ว่าจะใช่น้องน้ำหวานหรือไม่ใช่ ป้าคิดว่า ความตั้งใจของเขาที่อยากไปถึงตรงนั้น ป้าก็อยากจะสานต่อความฝันของน้อง และอยากจะทำบุญให้เขา แม้ว่าร่างกายจะอายุมากแล้ว และไม่เคยเต้น Cover ก็ตาม เต้นเป็นแต่รำวง แต่ป้ารู้สึกว่า เหมือนบางสิ่งบางอย่างได้เลือกเราแล้ว” ป้านกน้อย กล่าวอย่างมุ่งมั่น
สำหรับการซ้อมเต้นกับเด็กๆ ในกลุ่ม ป้านกน้อย เล่าด้วยว่า ใช้เวลาซ้อมเต้นก่อนไปเกาหลีทั้งหมด 10 วัน วันละ 2 ชม. และซ้อมกับวงอีก 3-4 ครั้ง ขนาดรถติดไฟแดงแต่ก็กลัวจะไปไม่ทัน สุดท้ายก็เลยขอลงจากรถของลูกสาว เพื่อขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ไปซ้อมให้ทัน ส่วนท่าไหนที่ยากๆ อย่างกระโดด ป้านกน้อยจะทำท่าทางเป็นร้องเพลงแทน
การเต้นก็ถือว่าเป็นเรื่องยากสำหรับตัวของป้านกน้อย เมื่อทีมข่าวถามว่าเหนื่อยไหม ป้านกน้อย ตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ก็ไม่เหนื่อย เหมือนกับว่าเรามีกำลังใจ มีแรงที่จะเต้นต่อ ขนาดเส้นเอ็นพลิก ปวดขา ปวดเข่า มีคนถามป้าว่าไหวมั้ย เราก็รู้สึกเหมือนมีแรงผลักดันบางอย่างกระตุ้นร่างกายว่า เราต้องทำได้ สานฝันให้น้องให้ได้ สุดท้ายก็ได้ไปเต้นที่เกาหลี”
ป้านกน้อย เล่าด้วยว่า วินาทีที่ไปเต้นรู้สึกตื่นเต้นมาก จำท่าได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะอายุมากแล้ว แต่ก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด หลังจากที่เต้นเสร็จก็รู้สึกดีใจมาก ที่ไปถึงจุดมุ่งหมายของน้องน้ำหวาน
“ป้ามาทำให้สำเร็จแล้วนะหนู ทำในสิ่งที่หนูใฝ่ฝันและตั้งใจไว้แล้ว ก็ขอให้หนูจงได้รับผลบุญ ไปเกิดที่ดีๆ อยู่ดี มีความสุขนะหนู” ป้านกน้อย กล่าวกับน้องน้ำหวานหลังจากทำภารกิจล่าฝันจนเสร็จสิ้น
“แม้ว่าผู้ให้จะจากไปแล้ว ยังมีบางสิ่งจะอยู่กับเรา และอยากให้ครอบครัวได้รู้ว่าผู้ที่ได้รับเป็นใครบ้าง และป้าก็เป็นคนหนึ่งที่ได้รับ และอยากจะตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่เขาแทนตัวเขาที่ไม่อยู่แล้ว เพราะอยากให้รู้ว่านี่เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่” ป้านกน้อย กล่าวทิ้งท้าย.
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
ขอบคุณภาพประกอบและคลิปจากโครงการ Let Them See Love 2018 โดยศูนย์รับบริจาคอวัยวะและศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย ร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ และทรูคอร์ปปอเรชั่น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง