ถ้ากาแฟ 1 แก้วของเราส่วนหนึ่ง หมายถึงโอกาสในการเรียนรู้ของเด็กๆบนดอย กาแฟแก้วนั้น ต้องเป็นมากกว่ากาแฟแน่นอน

ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนบ้านแม่ขี้มูกน้อย และ บ้านกองกาย อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ คือ หนึ่งในโอกาสที่ บริษัทสตาร์บัคส์ คอฟฟี่ (ประเทศไทย) ร่วมกับพนักงาน นำเงินรายได้จากการจำหน่ายเครื่องดื่มสตาร์บัคส์ทุกแก้วจากร้านกาแฟเพื่อชุมชน มอบคืนให้กับเด็กๆ ชั้นอนุบาล 1-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 จำนวน 75 คน บนยอดดอยสูง ผ่านองค์กรพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน (The Integrated Tribal Development Program) หรือ ไอทีดีพี เพื่อให้การพัฒนาชุมชนชาวไร่กาแฟทางภาคเหนือของประเทศไทยเกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีต่อเนื่อง

เราเดินทางสู่บ้านแม่ขี้มูกน้อย โขยกเขยกไปบนรถกระบะของ คุณไมค์ แมนน์ ผู้อำนวยการใหญ่องค์กรพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน นานกว่า 3 ชั่วโมง ทั้งๆที่ระยะทางไม่ไกลมาก แต่เพราะทางไม่ดีนัก ทำให้ใช้เวลาในการเดินทางค่อนข้างนานกว่าปกติ

อาจารย์ไมค์ ซึ่งอยู่เมืองไทยนานมากกว่าอายุของเราเสียอีก เพราะตามคุณพ่อคือ คุณคิด แมนน์ ที่เข้ามาบุกเบิกและแนะนำการปลูกกาแฟแทนการปลูกฝิ่นให้กับชาวเขาเผ่าต่างๆ ทางภาคเหนือของไทย เล่าให้เราฟังว่า สมัยก่อนที่นี่ลำบากมาก จะไปเรียนหนังสือแต่ละทีต้องเดินเท้าไปหลายกิโล

...

ทริปนี้ สตาร์บัคส์ จัดให้พวกเรานอนกันที่ ศูนย์การเรียน รู้ชุมชนบ้านแม่ ขี้มูกน้อย ทั้ง 2 คืน เพื่อให้ได้สัมผัสการใช้ชีวิตบนดอยจริงๆ

อาจารย์ไมค์ เล่าให้เราฟังว่า โครงการของ ITDP ไม่ได้ทำแค่เรื่องการศึกษา แต่เราทำทุกเรื่องทั้งสุขอนามัย และโครงการชลประทานต่างๆ เพื่อพัฒนาชุมชนที่นี่ โดยเฉพาะชาวไร่กาแฟ ที่เราสนับสนุนให้เขาปลูกกาแฟแล้ว ก็ต้องทำให้เขาเชื่อมั่นว่า การปลูกกาแฟมีความยั่งยืนจริงๆ

โลกไม่เคยโหดร้าย แม้บนดอยจะมีความไม่สะดวกสบายหลายอย่าง แต่ธรรมชาติก็สรรค์สร้างอากาศบริสุทธิ์และความคิดแบบพอเพียงให้กับชาวบ้าน โดยคราวนี้ เราได้ไปชมสวนกาแฟ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตกาแฟส่งขายให้กับสตาร์บัคส์ โดยเฉพาะกาแฟที่ใช้ชื่อว่า “ม่วนใจ๋ เบลนด์” ซึ่งเป็นกาแฟผสมจากหลายภูมิภาค ระหว่างเมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิก้าชั้นดีจากประเทศไทยและหมู่เกาะอื่นๆในเอเชียแปซิฟิก คำว่า ม่วนใจ๋ ในภาษาเหนือแปลว่า ความสุขอย่างเต็มเปี่ยม เพราะฉะนั้นถ้าคุณได้จิบกาแฟม่วนใจ๋ เบลนด์ คุณจะมีความสุขอย่างเต็มเปี่ยม ที่ไม่ใช่แค่จิบกาแฟแต่หมายถึงการได้ช่วยเหลือชาวไร่ที่ปลูกกาแฟและลูกหลานของพวกเขา โดยสตาร์บัคส์ จะนำรายได้ 5% จากการจำหน่ายกาแฟม่วนใจ๋ เบลนด์มาพัฒนาชุมชนผู้เพาะปลูกกาแฟที่นี่ และ ที่ร้านกาแฟเพื่อชุมชนของสตาร์บัคส์ที่หลังสวน จะหักรายได้จากกาแฟทุกแก้ว แก้วละ 10 บาทมอบให้กับไอทีดีพี

...

หลังนอนขดตัวสู้กับอากาศเย็นๆบนดอยไป 1 คืน เช้าวันใหม่ เราได้เห็นพระอาทิตย์บนดอยขึ้นอย่างเต็มตา เพื่อนๆชาวสตาร์บัคส์จากมาเลเซีย เตรียมอุปกรณ์เพื่อการทำ Coffee Tasting จากกาแฟม่วนใจ๋ เบลนด์ เพื่อให้เราได้สัมผัสกับรสชาติกาแฟแบบดื่มด่ำ

สูดกล่ินกาแฟหอมๆ จิบเบาๆ ควบคู่ไปกับ คุกกี้ช็อกโกแลตชิปและวาฟเฟิลน้ำผึ้งจากมาเลเซีย

ไม่อยากบอกเลยว่า ที่พูดกันว่า เวลามีความสุข...โลกทั้งใบก็เป็นของเราสายๆ พวกเราเดินทางไปชมสวนกาแฟ เพื่อศึกษากระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบกว่าที่จะเป็นกาแฟ 1 แก้ว ซึ่งต้องเริ่มจากการเก็บเมล็ดกาแฟที่สุกแล้ว นำมาคัดแยกเมล็ด ส่งไปยังถังหมัก 18-48 ชั่วโมง ระหว่างหมักจะเกิดปฏิกิริยาทำให้เยื่อหุ้มหลุดออก หลังจากหมักเสร็จกาแฟจะถูกตากแห้ง หลังจากแห้งแล้วต้องนำไปเก็บพักหลายสัปดาห์ ก่อนนำไปคัดแยกไซส์และชั่งน้ำหนักบรรจุถุงก่อนนำส่งไปคั่ว

...

เรียกว่า กว่าจะได้เป็นกาแฟที่นำมาต้มและชงให้ได้รสชาติที่นุ่มนวล กลมกล่อม ต้องผ่านหลายขั้นตอน

ตกดึก พวกเราตั้งวงรอบกองไฟสู้กับอากาศหนาว กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นยังคงติดปาก แต่ที่มากไปกว่านั้นคือ

กาแฟแก้วนี้ ให้คุณค่าทางใจมากกว่าการเป็นกาแฟ เพราะเป็นกาแฟที่ทำให้เราได้เรียนรู้และสัมผัสชีวิตเรียบง่ายแบบพึ่งพาธรรมชาติ ของผู้คนบนดอย

เป็นกาแฟแก้วที่ทำให้เราได้มองเห็นการให้ และความลึกซึ้งของโลกภายในใจอย่างแจ่มชัด...