ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ปู่คออี้ และชาวกะเหรี่ยง 6 คน ในพื้นที่ป่าแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ได้รับการชดใช้จากกรมอุทยานฯ กรณีเจ้าหน้าที่บุกรื้อและเผาทำลายบ้านเรือน
วันที่ 12 มิ.ย. ที่ศาลปกครองสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ศาลได้นัดฟังมีคำพิพากษาในคดีที่นายโคอิ หรือ ปู่คออี้ มีมิ ชาวกะเหรี่ยงปกาเกอะญอ ในพื้นที่ป่าแก่งกระจาน กับพวกรวม 6 คน ฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ชดใช้ค่าเสียหายจากกรณีพนักงานเจ้าหน้าที่รื้อถอน เผาทำลายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โดยฟ้องตั้งแต่เดือนพ.ค.2555 ที่ผ่านมา


...
ทั้งนี้ ศาลได้อ่านคำพิพากษาว่า ศาลได้พิจารณาถึงพฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดในคดีนี้ ประกอบข้อเท็จจริงปรากฏว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯ สามารถใช้ดุลพินิจไม่ใช้มาตรการที่มีความรุนแรงกระทำต่อสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินของผู้ฟ้องคดีทั้งหกได้แม้จะมีกฎหมายให้อำนาจไว้ก็ตาม การเผาทำลายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินจึงทำให้ผู้ฟ้องคดีทั้งหกต้องสูญเสียปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต ถือเป็นพฤติการณ์ที่มีความร้ายแรงกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิในการดำรงชีวิตและสิทธิในทรัพย์สินอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย


ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้กรมอุทยานฯ (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ 1 เป็นเงิน 51,407 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 2 เป็นเงิน 51,032 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 3 เป็นเงิน 51,407 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 4 เป็นเงิน 45,302 บาท ผู้ฟ้องคดีที่ 5 เป็นเงิน 50,807 บาท และผู้ฟ้องคดีที่ 6 เป็นเงิน 51,032 บาท หากผู้ฟ้องคดีรายใดได้รับค่าสินไหมทดแทนสำหรับสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินกรณีนี้ไปแล้วให้หักออกจากค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษานี้ ทั้งนี้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น
