ผอ.โรงเรียนดังที่สุพรรณบุรี ชี้แจง ปัดอมส่วนต่างเงินค่าขนมนักเรียน มาจากความโกรธแค้นของครูคนหนึ่งที่ขาดสอนบ่อยจนต้องตั้ง กก.สอบ กุเรื่องขึ้นปาดน้ำตายันพร้อมให้ทุกฝ่ายตรวจสอบ...

จากกรณีมีการร้องเรียนผ่านเพจดังแห่งหนึ่งว่า พบหลักฐานการทุจริตของโครงการอาหารกลางวัน ในการจัดซื้อขนม ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี

ผู้ร้องเรียนแจ้งว่า ได้มีการส่งขนมปังเบเกอรี่ เพื่อเป็นอาหารกลางวันแก่เด็กนักเรียนโรงเรียนดังกล่าว เมื่อประมาณช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งขนมปังเบเกอรี่ที่ส่งนั้น ตกลงกันที่ราคาชิ้นละ 3-4 บาท ซึ่งตนส่งให้วันละประมาณ 2,000 กว่าชิ้น บางวันก็เกือบ 2,000 ชิ้น ตามแต่ที่จะได้รับออร์เดอร์มา แต่เมื่อเวลาออกใบเสร็จ ตนเขียนใบเสร็จรับเงิน ตามราคาที่ตกลงให้ไป แต่ครูผู้มีอำนาจในการสั่งซื้อ กลับพิมพ์ใบเสร็จใหม่ ให้ระบุว่าราคา 5 บาท โดยแจ้งว่าส่วนต่างที่เหลือจะเก็บไปเป็นโบนัสให้แก่คณะครูในโรงเรียน 

เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.2561 ผู้สื่อข่าวได้ไปตรวจสอบที่โรงเรียน เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงได้พบกับนายพนม หลวงประสาน ผู้จัดการโรงเรียนภาวนาภิมณฑ์ อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ซึ่งน่าจะเกิดจากความโกรธแค้นของครอบครัวครูในโรงเรียนคนหนึ่ง ซึ่งได้ขาดสอนบ่อย ทำให้เกิดการตั้งกรรมการสอบ และยังพบว่ามีการนำใบรับรองแพทย์ปลอม จากโรงพยาบาลใน จ.นครปฐม มาแสดง แต่ทางโรงเรียนตรวจสอบกลับพบว่าเป็นใบรับรองแพทย์ปลอม ซึ่งทาง รพ.ได้แจ้งความลงประจำวันไว้ที่ จ.นครปฐมแล้ว

...

นอกจากนี้ยังพบว่า ช่วงที่ผู้ร้องนำหลักฐานใบเสร็จ 2 ใบ โดยแสดงวันที่ 19 เดือน พฤษภาคม 60 โดยอ้างว่า เป็นหลักฐานว่ามีการออกใบเสร็จไม่ตรงข้อเท็จจริง ซึ่งทางโรงเรียนตรวจสอบแล้วพบว่าในใบเสร็จที่ออกจากร้านค้า ได้ระบุขนมน้ำตาล ในราคาชิ้นละ 3 บาท แต่อีกใบที่อ้างว่าเป็นจากใบเสร็จของโรงเรียน เป็นขนมปังเนยสด ชิ้นละ 5 บาท ซึ่งไม่ตรงกัน และก่อนหน้านี้ ผู้ที่ร้องเรียนเป็นครูสอน แล้วนำขนมปังเข้ามาส่งในโรงเรียน ซึ่งต่อมาตนได้แจ้งว่าต่อไปจะต้องมีการแข่งขันกับเจ้าอื่น ซึ่งทำให้ผู้แจ้งไม่สามารถนำขนมเข้ามาส่งในโรงเรียนได้ จึงอาจเป็นเหตุให้เกิดการร้องเรียนดังกล่าวขึ้นมา

ซึ่งตนและผู้บริหาร พร้อมให้ทุกฝ่ายเข้ามาตรวจสอบ แต่อยากวิงวอนไปถึงผู้ร้อง จะทำให้โรงเรียนเสียชื่อตนไม่ว่า แต่ขอให้คำนึงถึงนักเรียนตาดำๆ ที่เป็นลูกหลานต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย หลังกล่าวเสร็จ นายพนม ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา ด้วยความเสียใจ.