บุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอ.แม่ริม หรือ ปลัดจอมแฉ แจ้งตำรวจเอาผิดคนหมิ่นประมาท นายกฯ โพสต์รูปเรื่องน้ำมันแพงก็เติมน้ำเปล่า เพื่อเอาผิดคนโพสต์ลงโซเชียล ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์...

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 พ.ค.นี้ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ หรือที่รู้จักกันดีในฉายาปลัดจอมแฉ "คดีนกฮูก" จ.แม่ฮ่องสอน ได้นำเอกสารเจ้าแจ้งความร้องทุกข์ กับ ร.ต.อ.กิตติพงศ์ กองแก้ว รอง สว.สอบสวน สภ.แม่ริม ให้ดำเนินกับผู้ที่โพสต์คนแรกที่ลงข่าวให้ร้ายต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโลกโซเชียล มีข้อความ แพงก็เติม น้ำเปล่า หรือ บิ๊กตู่ ฟิวส์ขาด ด่ากราด ป.ป.ช. ไล่ให้เติม น้ำเปล่า แทนดีเซลอย่าโง่ วอนประชาชนอย่าเรื่องมาก ซึ่งเมื่อบุคคลโดยทั่วไปเห็นภาพดังกล่าวย่อมเข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี / หัวหน้า คสช. เป็นผู้พูดข้อความดังกล่าว ทั้งๆ ที่เป็นเป็นความจริง ทำให้ส่งผลต่อความเชื่อถือ นายบุญญฤทธิ์ ในฐานะข้าราชการคนหนึ่ง จึงมาแจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินการกับผู้ที่นำข้อความนี้มาโพสต์ในโลกโซเชียลเป็นคนแรกในข้อหา ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ ซึ่งทาง ร.ต.อ.กิตติพงศ์ ได้รับแจ้งความและได้นัด นายบุญญฤทธิ์ มอบสอบปากคำ เพื่อดำเนินการต่อไป

นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ ได้เผยถึงข้อความที่นำแจ้งความว่าตามที่ปรากฏภาพทางสื่อสังคมออนไลน์ รูปภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีป้ายแสดงราคาน้ำมัน โดยมีข้อความว่า แพงก็เติม น้ำเปล่า หรือ บิ๊กตู่ ฟิวส์ขาด ด่ากราด ป.ป.ช. ไล่ให้เติม น้ำเปล่า แทนดีเซลอย่าโง่ วอนประชาชนอย่าเรื่องมาก ซึ่งเมื่อบุคคลโดยทั่วไปเห็นภาพดังกล่าวย่อมเข้าใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี / หัวหน้า คสช. เป็นผู้พูดข้อความดังกล่าว

...

ต่อมาสื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวของ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีเนื้อข่าวได้ระบุถึงข้อความดังกล่าวข้างต้น ซึ่งได้เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ เป็นข้อมูลเท็จ และเป็นการสร้างเรื่องขึ้นเพื่อให้ร้ายนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่านายกรัฐมนตรีไม่เคยพูดเช่นนั้น ทั้งนี้บุคคลผู้ที่ดำรงตำแหน่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถือว่ามีฐานะเป็นหัวหน้ารัฐบาล มีอำนาจหน้าที่ กำกับโดยทั่วไปซึ่งการบริหารราชการแผ่นดิน เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการของราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น รวมถึงบังคับบัญชาข้าราชการฝ่ายบริหารทุกตำแหน่ง ซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมและส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะกรม (มาตรา 11 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2535)

ดังนั้น ข้อความตามที่ปรากฏดังกล่าว ซึ่งเป็นการใส่ความให้ร้ายต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ทำให้เสียชื่อเสียงหรือถูกเกลียดชัง ยังเป็นข้อความที่หลอกลวง บิดเบือน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ที่หลงเชื่อ จึงถือว่าส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของบุคคลผู้ที่เป็นผู้นำของรัฐบาล ซึ่งต้องนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารบ้านเมือง ซึ่งหากประชาชนที่ไม่ทราบข้อเท็จจริง หลงเชื่อในข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง และขาดความเชื่อถือในบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ย่อมเกิดผลกระทบต่อการบริหารบ้านเมือง อันจะนำมาซึ่งความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ หรือกระทบความมั่นคงในด้านอื่นๆ จากสถานการณ์ปกติที่เกิดขึ้น

ตัวเองในฐานะเป็นพนักงานฝ่ายปกครอง ตามประมวลกฎหมายอาญาตามมาตรา 2(16) มีอำนาจหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงขอร้องทุกข์/กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดและเอาตัวผู้กระทำความผิดซึ่งได้นำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จ หลอกลวง บิดเบือน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ที่หลงเชื่อ มาฟ้องลงโทษ ในความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1) (๒) รวมถึงให้สอบสวนผู้กระทำผิดดังกล่าวว่ามีเจตนาอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 (2) (3) ด้วยหรือไม่ เหตุเกิด ที่ว่าการอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2561 และต่อเนื่อง โดยตนจะได้นำหลักฐานมามอบให้พนักงานสอบสวนต่อไป.