เพื่อให้เป็นไปตามเป้าประสงค์ ที่ต้องการผลักดันให้จีน ขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI–Artificial Intelligence) ของโลกให้ได้ภายในปี 2573 จีนจึงกำลังพยายามอย่างมากในการปูพื้นฐาน สร้างคนพันธุ์ AI ให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด โดยล่าสุดได้พิมพ์หนังสือเรียน AI เล่มแรกของจีน สำหรับเด็กชั้นมัธยมปลายแล้ว
เว็บไซต์ South China Morning Post รายงานว่า หนังสือเรียนเกี่ยวกับวิชา AI หรือปัญญาประดิษฐ์เล่มแรกของจีน เปิดตัวไปเมื่อเดือน เม.ย. 2561 ที่ผ่านมา ใช้ชื่อว่า Fundamentals of Artificial Intelligence หรือ AI พื้นฐานใช้เวลา 6 เดือนในการจัดเตรียมรายละเอียดของหลักสูตร หลังจากที่รัฐบาลกำหนดเป็นนโยบายว่า โรงเรียนประถมและมัธยมในจีน จะต้องมีหลักสูตรการเรียนการสอน AI นับจากนี้
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีนในการเอาชนะสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นมหาอำนาจด้าน AI ของโลกในปัจจุบัน โดยจีนนั้น ตามหลังทั้งปริมาณและคุณภาพของบุคลากร AI ในท้องตลาด
สิ่งสำคัญ ที่จะทำให้จีนก้าวไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ คือการปูพื้นฐานด้านการศึกษา ขยายองค์ความรู้ความสามารถลงสู่เด็กในวัยเยาว์มากขึ้น แทนที่จะจัดการเรียนการสอนในระดับวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเป็นหลัก
หนังสือเรียนเล่มดังกล่าว เขียนโดย Tang Xiaoou ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมศาสตร์และประธาน SenseTime Group บริษัทสตาร์ตอัพด้าน AI ของจีน ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าสูงที่สุดในโลก (มากกว่า 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 96,000 ล้านบาท และล่าสุดเพิ่งได้รับการระดมทุนจากอาลีบาบาจำนวน 600 ล้านเหรียญ)
เนื้อหาในหนังสือ ประกอบด้วยประวัติศาสตร์ของ AI และ AI ที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ซึ่งใช้ในการรักษาความปลอดภัย และระบบรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Driving)
...
ในระยะแรก โรงเรียนมัธยม 40 แห่งทั่วประเทศ ส่วนใหญ่อยู่ในเมืองใหญ่ๆ อย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ จะจับมือกับ SenseTime เปิดทดลองสอนวิชา AI เป็นโครงการนำร่องก่อน อย่างไรก็ตาม หลังหนังสือวางขายบนเว็บไซต์ JD.com ไม่เท่าไร ปรากฏขายหมดเกลี้ยงแล้ว
จากการวิจัยของการ์ทเนอร์ ซึ่งถูกเปิดเผยเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า AI จะสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้ถึง 3.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ (102 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2565 ขณะที่ทีมวิจัยของเทนเซนต์ Tencent บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน ศึกษาพบว่า ขณะนี้ บุคลากร AI ของสหรัฐอเมริกา นำโด่งทุกประเทศทั่วโลก ทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ
และจีนจะประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากร AI ในอนาคตอันใกล้นี้ หากไม่เร่งแก้ไขโดยรัฐบาลประเมินว่าความต้องการแรงงานด้าน AI จะเพิ่มขึ้นเป็น 5 ล้านตำแหน่ง ในไม่กี่ปีข้างหน้า.