ในขณะที่พรรคการเมืองต่างๆ ยังโต้เถียงกับรัฐบาล เกี่ยวกับกติกาและความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้งอยู่นี้ พรรคอนาคตใหม่ดูเหมือนจะก้าวนำไปอย่างน้อยหนึ่งก้าว เมื่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคตระเวนเปิดเวทีสาธารณะในภาคต่างๆ เพื่อพบปะรับฟังความคิดเห็นกลุ่มต่างๆ และประกาศจุดยืนสำคัญของพรรค

ในเวทีเสวนาที่เชียงใหม่ นายธนาธรประกาศนโยบายกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ถึงขั้นอาจยุบหรือโอนราชการบริหารส่วนภูมิภาคให้ส่วนท้องถิ่น เพื่อให้จังหวัดมีอำนาจจัดการตนเอง ไม่ให้การพัฒนาและการลงทุนกระจุกตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ส่วนการระดมทุนเข้าพรรคจะใช้วิธีช่วยกันลงขัน 360 ล้านบาท เพื่อไม่ให้มีใครเป็นเจ้าของพรรค

พรรคอนาคตใหม่ร่วมก่อตั้งโดยนักธุรกิจ และนักวิชาการโดยมีนายธนาธร ซึ่งได้รับฉายาจากสื่อเป็น “ไพร่หมื่นล้าน” เป็นแกนนำ เป็นพรรคคนรุ่นใหม่ที่ยึดแนวอุดมการณ์ แต่ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย เพราะเคยมีพรรคในลักษณะนี้หลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงหลังเหตุการณ์ตุลาคม 2516 ยุคประชาธิปไตยเบ่งบานมีพรรคอุดมการณ์เกิดขึ้นมาก

แต่การเมืองในอุดมคติ กับโลกแห่งความเป็นจริงของไทย ยังห่างไกลกันมากพรรคแนวอุดมคติจึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ถึงขั้นเป็นแกนนำสำคัญรัฐบาล แต่ก็มีบทบาทสำคัญ ในการกระตุ้นความตื่นตัวทางการเมือง ตัวอย่าง เช่นพรรคแนวทางสังคมนิยมช่วงหลัง 14 ตุลา ได้ปลุกกระแสสังคมนิยม และความเป็นธรรมในสังคมอย่างกว้างขวาง

ในการเลือกตั้งคราวหน้านี้ พรรคใหม่ๆของคนรุ่นใหม่ๆอาจยังไม่ชนะเลือกตั้ง ถึงขั้นเป็นแกนนำรัฐบาล หรือเป็นนายก-รัฐมนตรี สวนดุสิตโพลครั้งล่าสุดพบว่า แม้กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ จะอยากเลือกคนรุ่นใหม่ ที่มีอุดมการณ์และความรู้ความสามารถ แต่เชื่อว่าหลังการเลือกตั้งสภาพการเมืองจะยังเหมือนเดิม ได้พรรคเดิมๆ รองลงไปเชื่อว่าการเมืองจะดีขึ้น เพราะบ้านเมืองจะเป็นประชาธิปไตย ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ

...

พรรคการเมืองเดิมๆทั้งหลาย ไม่ทราบว่าได้คิดค้นแนวนโยบายใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาของประเทศหรือยัง ไม่ว่าจะเป็นการขจัดการทุจริตคอร์รัปชัน ความยากจนหรือความเหลื่อมล้ำในสังคมที่ทรุดหนัก เพราะคราวนี้ พรรคการเมืองต้องสู้กับพรรคทหารที่ไม่ธรรมดา

มีเสียงเตือนว่าพรรคคณะรัฐประหารชุดนี้มีพร้อม ทั้งอำนาจรัฐ ศาสตราธิปไตยหรือทุน รวมทั้งแผนยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศ พรรคการเมืองจึงต้องคิดนโยบายที่ดีกว่า โปร่งใสกว่า ประชาชนมีส่วนร่วมมากกว่า เป็นประชาธิปไตยกว่า และเป็นธรรมมากกว่า มิฉะนั้น พรรคการเมืองก็ต้องยอมรับชะตากรรมเป็นแค่ตัวประกอบ ของระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ.