วันที่ 19 เมษายน แจ็ค หม่า มหาเศรษฐีเจ้าของเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซ Alibaba.com จะมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้า คสช. ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ เพื่อร่วม การเซ็นเอ็มโอยู 4 ฉบับ ว่าด้วยการลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก EEC ที่ไทยกำลังโปรโมตลดภาษีการลงทุนครั้งใหญ่

เอ็มโอยูบันทึกความเข้าใจ 4 ฉบับที่ กลุ่มอาลีบาบา จะลงนามกับไทยมีดังนี้

1.ความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล สำนักงานอีอีซี กับ อาลีบาบา (ไชน่า) 2.ความร่วมมือด้านการลงทุนใน Smart Digital Hub ระหว่าง สำนักงานอีอีซี กรมศุลกากร กับ บริษัท Cainiao Smart Logistics Network ของอาลีบาบา 3.ความร่วมมือด้านการพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลและการส่งเสริมธุรกิจผ่านอี–คอมเมิร์ซ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับ Alibaba Business School 4.ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเมืองรอง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กับ Fliggy หรือ Alitrip ผู้ให้บริการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากชาวจีน

Cainiao Smart Logistics Network เป็นบริษัทที่อาลีบาบากรุ๊ปตั้งขึ้นในปี 2556 เพื่อพัฒนา แพลตฟอร์มโลจิสติกส์ ในการขนส่งสินค้าสำหรับการค้าออนไลน์ จากผู้ผลิตไปถึงลูกค้าปลายทาง โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ ส่งสินค้าในประเทศจีนได้ภายใน 24 ชั่วโมง และทั่วโลกภายใน 72 ชั่วโมง และ สามารถส่งสินค้าในประเทศจีนได้ 25 ล้านชิ้นต่อวัน คาดว่าจะ สามารถส่งสินค้าได้ถึง 200 ล้านชิ้นต่อวันภายใน 10 ปี

...

Alibaba Business School เป็นสถาบันการศึกษาธุรกิจของอาลีบาบา เพื่อสอนเอสเอ็มอี และสตาร์ตอัพในการทำธุรกิจออนไลน์

Fliggy ชื่อเดิมคือ Alitrip เป็นแพลตฟอร์มการจองห้องพัก ตั๋วเดินทาง และขายทัวร์ทั่วโลกของอาลีบาบา

ผมดีใจที่ แจ็ค หม่า ตัดสินใจมาลงทุนในเมืองไทย ขณะเดียวกันผมก็อยากรู้ว่า รัฐบาลจะรับมือกับการไหลบ่าของทุกยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีอย่างไร เพื่อให้ธุรกิจเล็กๆของคนไทยหลายล้านแห่ง สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ ท่ามกลางความเหลื่อมล้ำของทุน ความเหลื่อมล้ำของเทคโนโลยี ความเหลื่อมล้ำของความรู้ ฯลฯ

เมื่อเดือน มกราคม 2018 มาร์เก็ตแคป มูลค่าหุ้นในตลาดของอาลีบาบาพุ่งผ่าน 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 16 ล้านล้านบาท (มากกว่า จีดีพีประเทศไทยทั้งประเทศ) เป็นบริษัทที่ 2 ในเอเชียหลังจาก Tencent โดยมีมูลค่าหุ้นอยู่ที่ 527,000 ล้านดอลลาร์ 16.864 ล้านล้านบาท แม้แต่ธุรกิจคลาวด์ อาลีบาบา ซึ่งมาทีหลังก็ยังสามารถทำรายได้มากกว่ายักษ์ใหญ่อย่าง อเมซอน ไมโครซอฟท์ และ กูเกิล ที่เป็นต้นตำรับของสหรัฐฯ

วันนี้ ความรู้ความสามารถของคนไทยอ่อนด้อยไปทุกด้าน 4 ปี ที่ คสช.ปฏิวัติ ตั้งตัวเองเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ความรู้ความสามารถของเด็กไทยไม่ได้ดีขึ้นเลย ซึ่งพิสูจน์ได้จาก “ผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต ประจำปีการศึกษา 2560” ที่เพิ่งประกาศไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา

ผมขอยกตัวอย่างวิชาที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศเพียง 3 วิชาก็พอ

วิชาภาษาอังกฤษ มีนักเรียนเข้าสอบ 372,587 คน ได้คะแนนเฉลี่ย 28.31 คะแนน

วิชาคณิตศาสตร์ มีนักเรียนเข้าสอบ 372,853 คน ได้คะแนนเฉลี่ย 24.53 คะแนน

วิชาวิทยาศาสตร์ มีนักเรียนเข้าสอบ 372,232 คน ได้คะแนนเฉลี่ย 29.37 คะแนน

3 วิชาสำคัญของ “ไทยแลนด์ 4.0” นักเรียนไทยสอบตกหมดทุกวิชา แถมยังได้คะแนนไม่ถึง 1 ใน 3 หรือ 30 คะแนนสักวิชา แล้วเราจะไปแข่งขันกับใคร ผมขอฝากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีปัจจุบันที่จะเป็น นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 เก็บไปคิดเป็น “การบ้าน” เพื่อ “หาเสียง” ต้นปีหน้าก็แล้วกันครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”