นายกฯ ประชุมขับเคลื่อน รบ.ดิจิทัล วางโรดแม็ปขีด 6 เดือน เลิกขอสำเนาเอกสาร จาก ปชช. หวังลดภาระค่าใช้จ่าย-เวลา ทำงานอย่างโปร่งใส
เมื่อวันที่ 9 มี.ค.61 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ครั้งที่ 1/2561 ตามคาสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 362/2560 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยประธานได้ให้แนวทางขับเคลื่อนประเทศ ทั้งที่เป็นส่วนราชการ ภาคธุรกิจ ประชาชน ด้วยเครื่องมือและเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านการบูรณาการการทำงานและมีการเชื่อมโยงข้อมูลซึ่งกันและกัน และต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ โดยมีการกำหนดโรดแม็ปที่ชัดเจนในแต่ละขั้น การใช้ดิจิทัลจะเป็นเครื่องมือที่ดีในการตรวจสอบและสร้างความโปร่งใสในการบริหารราชการที่รวดเร็ว อำนวยความสะดวก และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และภาคส่วนต่างๆ มากขึ้น
โดยที่ประชุมเห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการ 4 ชุด ได้แก่ 1) อนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลด้านการบริการประชาชน เพื่อพัฒนาระบบการให้บริการประชาชนด้วยดิจิทัล เพื่อให้เกิดเป็นบริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service) 2) อนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อพัฒนาระบบบริหารทรัพยากรภายในองค์กรภาครัฐ 3) อนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลด้านการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อการตัดสินใจอย่างมีคุณภาพ เพื่อพัฒนาระบบข้อมูลที่ใช้ในการวางแผนและตัดสินใจของผู้กำหนดนโยบายประเทศ รวมทั้งติดตามประเมินผลการดำเนินงานทุกระดับและทุกมิติ 4 ) อนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลด้านความมั่นคงปลอดภัยในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลภาครัฐ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลภาครัฐที่มีความมั่นคงปลอดภัย ทั้งนี้ แต่ละชุดจะเป็นรูปแบบของการทำงานอย่างรวดเร็ว และได้รับผลอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ให้หารือกับรองนายกรัฐมนตรี วิษณุ เครืองาม อีกครั้ง
...
มาตรการเร่งด่วนที่ดำเนินการได้ทันทีและจะเห็นผลใน 3 เดือน จะมีระบบที่สามารถวิเคราะห์และแสดงความสัมพันธ์และความซ้ำซ้อนของนโยบายต่างๆ และใน 6 เดือน ภาครัฐจะเลิกเรียกสำเนาเอกสารจากประชาชนเมื่อต้องมีการติดต่อหน่วยงานรัฐ เพื่อลดภาระประชาชน เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นต้น ใน 1 ปีจะมีระบบบริหารทรัพยากรภายในองค์กรภาครัฐให้มีการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานรัฐทั้งประเทศ และมีมาตรฐานการเชื่อมโยงเครือข่ายหน่วยงานภาครัฐกับภาครัฐและเอกชนที่มีความมั่นคงปลอดภัยทั้งรัฐบาล
นอกจากนี้ นายกฯ มีดำริว่า เนื่องจากแต่ละกระทรวงมีการทำงานบริหารเป็นของตนเอง ขอให้คณะกรรมการชุดนี้เป็นคณะกรรมการกลางในการเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูลที่ไม่ใช่ชั้นความลับ หรือข้อมูลขนาดใหญ่ รวมทั้งจำแนกรูปแบบการทำงานที่สร้างความโปร่งใสอย่างแท้จริง โดยให้มีการศึกษารูปแบบและแนวทางจากต่างประเทศประกอบด้วย โดยคำนึงถึงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ลดภาระทั้งในแง่ของค่าใช้จ่ายและระยะเวลาของประชาชนด้วยระบบดิจิทัลเป็นหลัก และให้มีช่องทางการสื่อสาร การเชื่อมต่อให้ประชาชน และสาธารณชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง.