ระวัง...จะถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลัง

ความจริงบางอย่างมันสะท้อนออกมา 2 ด้านเสมอ ด้านหนึ่งเป็นภาพความเลวร้าย แต่อีกด้านหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นแง่ดีได้เช่นกัน

รู้สึกแปลกใจกันบ้างมั้ยครับ...ในห้วงระยะเวลานี้สังคมประเทศไทยมันจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหวย 30 ล้าน คุณป้าทุบรถ เปรมชัยกับเสือดำ ทุจริตเงินคนจน

ด้านเลวร้ายก็แสดงให้เห็นว่ายังมีคนกล้าที่จะกระทำการในสิ่งที่ผิดกฎหมาย ศีลธรรม และการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐที่เอื้ออำนวยต่อผู้กระทำผิด

ยิ่ง “คนรวย” ระดับเศรษฐีมีหน้ามีตาในสังคมได้รับอานิสงส์ดีกว่าคนยากคนจน

อีกด้านหนึ่งก็การบังคับใช้กฎหมายไร้ประสิทธิภาพ

เหล่านี้หากมองในแง่ดีก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมอันทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่าอาการที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องจริงไม่ใช่มโนหรือสร้างเรื่องขึ้นมาเอง

กรณีคดี “เปรมชัย” ที่ทำให้นายตำรวจใหญ่อย่าง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.หงุดหงิด เพราะถูกโจมตีไปรอบด้านโดยเฉพาะจากโซเชียลมีเดีย

กระทั่งบอกว่าให้ “ศาลพระภูมิ” ตัดสินก็แล้วกัน

ที่มาที่ไปก็คงมาจากสังคมเกิดความรู้สึกร่วมกันโดยมิได้นัดหมาย คดีนี้ผู้ถูกกล่าวหาอาจจะพ้นผิด เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความช่วยเหลือแม้จะมีหลักฐานแน่นหนาจนถูกตั้ง 9 ข้อหา

ที่สำคัญก็คือเป็นการบุกรุกป่าสงวนและยิง “เสือดำ” ซึ่งเป็นสัตว์สงวนและหาได้ยากจนเกือบสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว

เป็นความน่าเวทนาที่จะต้องร่วมกันปกปักรักษาและคนผิดต้องถูกลงโทษ

เริ่มแรกหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ซึ่งรับผิดชอบคดีนี้โดยตรงบอกว่าจะต้องจัดการเด็ดขาด ไม่ว่าเป็นเศรษฐีหรือใครก็ตาม

จากนั้นก็ขึงขังบอกว่าจะต้องดำเนินคดีกับนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เนื่องจากปล่อยให้คณะนายพรานเข้าไปในป่าได้อย่างไร

...

เท่านั้นแหละ...โดนเข้าไปอีกหลายดอก

เพราะสังคมกำลังยกย่อง “หัวหน้าวิเชียร” ซึ่งทำหน้าที่ด้วยหัวจิตหัวใจ เพื่อรักษาป่าและสัตว์ป่า แทนที่จะไปไล่ล่าผู้กระทำความผิด

จนต้องออกมาแก้ตัวพัลวันและปล่อยให้หน่วยงานรับผิดชอบไปจัดการกันเอง

เหตุและความเป็นไปนี้ด้วยมันเป็นควรหรือไม่ควรกับการปฏิบัติการของตำรวจใหญ่ นั่นเท่ากับทำให้สังคมเกิดความสงสัยและหวาดระแวงว่าจะเกิดความไม่ชอบมาพากลแล้วกระมัง...

ถัดจากนั้นก็มีเหตุตามมาอีกเมื่อ พล.ต.อ.ศรีวราห์บอกว่า หลังจากเรียกนายวิเชียรมาให้ปากคำในกรณีส่งหลักฐานพร้อมซากกระดูก 2 ชิ้น และถุงบรรจุซากสัตว์เพื่อตรวจสอบว่าจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มหรือไม่

นัดให้นายเปรมชัยให้มารายงานตัว 5 มี.ค. หลังไม่มีใครพบตัวหลังจากเกิดเหตุแล้ว

อีกทั้งได้มีการสั่งลงโทษภาคทัณฑ์ตำรวจที่ทำคดีนี้ เพราะไปตั้งข้อหา “ทารุณกรรมสัตว์” เนื่องจากไม่มีความผิดกรณี “เสือดำ” ในคำนิยามของกฎหมาย

ถามว่าสังคมรู้สึกตงิดๆหรือไม่?

มาเจออีก ก่อนที่จะถึงวันที่ 5 มี.ค.ปรากฏ พล.ต.อ.ศรีวราห์ เดินทางไปตรวจความคืบหน้าคดีที่โรงพักทองผาภูมิ ปรากฏไปจ๊ะเอ๋กับนายเปรมชัยที่มาพบตำรวจก่อนวันนัดหมาย

ตรงนี้มันก็น่าแปลกใจว่า...เอ๊ะทำไมใจตรงกันขนาดนั้นเชียวหรือ?

ผลก็คือเกิดดราม่าตามมาในเรื่องการยกมือไหว้กันระหว่างคน 2 คน จนชวนทำให้เกิดความรู้สึกว่าพินอบพิเทากันเหลือเกิน

“รองศรีวราห์” กลับไปนอนคิดดูเอาเองว่าทำไมผู้คนเขาถึง “ต่ำตม” กับคุณนัก.

“สายล่อฟ้า”