ฟ้าหลังฝนสุดแสนสดใส โอ วรุฒ เปิดใจเรื่องราวชีวิตในรายการ ชีวิตดี๊ดี ทางช่อง 3HD ถึงวันที่ติดเหล้าเรื้อรัง ตกอับไปอยู่ตามชุมชน แต่สุดท้ายกลับได้ชาวบ้านในชุมชนเป็นกำลังใจสำคัญ คนเฒ่าคนแก่ชาวบ้านธรรมดาที่คอยโอบกอด จนเจ้าตัวถึงกับหลั่งน้ำตาในความซึ้งใจ พร้อมทั้งยังเปิดตัวแฟนใหม่พยาบาลสาว ก้อย รักษิณา สกลธศักดิ์สิริ ที่เป็นรักแท้ดูแลกันในยามหมดกำลังใจ
จุดเริ่มต้น!! ปมที่ต้องดื่มเหล้าวันละลิตร!!
"ปัญหาพิษสุราเรื้อรัง เริ่มต้นเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว เริ่มจากเรามีปัญหาครอบครัวก่อน กับแฟนที่มีลูกด้วยกัน ทำให้เราไม่อยากกลับบ้าน ไม่อยากไปเจอปัญหา เราก็เลยดื่มหนัก พอเช้าก็ลุกไม่ขึ้น ก็ส่งผลต่อการทำงาน นอนน้อยแล้วยังเมาอยู่ เลยถูกปลดงานกลางอากาศเลย ไม่พูดไม่สั่งกล้องอะไรทั้งสิ้น คุณสมพงษ์ ทีวีธันเดอร์ เดินมากลางฉากเลย ตบไหล่แล้วบอก เฮ้ย กลับบ้านไป เราก็เมาไงก็กลับ
พอวันรุ่งขึ้น เค้าก็โทรมาแจ้งว่าไม่ต้องมา หยุดหมดเลย ละคร เกมส์โชว์ วาไรตี้ คืนคิวหมด คราวนี้จากที่มีปัญหาครอบครัวอย่างเดียวก็มีเรื่องงานอีก พอไม่มีงานก็ไม่มีเงิน ก็เครียดหนัก คราวนี้ก็กินหนักเข้าไปอีก กินเพื่อให้ลืมความเครียด กินวันละขวดลิตร แล้วก็มาถึงช่วงที่พอจะตั้งสติได้ ไม่ใช่ตั้งสติที่ดีนะ ตั้งในทางที่ผิดอีก เพราะเงินไม่มี ก็เอาเงินไปลงทุน เพราะมีคนเสนอว่ามีลงทุนมั้ย ไปลงทุนขายเบียร์เป็นลอต ไปขายยี่ปั๊ว ได้กำไรลังละ 50 บาท
เราก็ซื้อที 4,000 ลัง แรกๆ ก็ได้กำไรกลับมาเราก็ซื้อ 4,000 ลัง 8,000 ลัง แต่หลังๆ เริ่มไม่มีกำไรคืนมา เพราะไอ้คนที่ชวนเราทำ ไม่เอาเงินมาให้เรา เค้าโกงเราไปหลายล้าน เราก็เกือบจ้างคนไปอุ้มเค้านะ แต่ตอนที่เค้ามาเขามีลูกตลอด เราก็สงสารเด็ก ไม่อยากให้เด็กขาดพ่อ เค้าตายไปเราก็ไม่ได้คืน"
...
ขายทุกอย่างในชีวิต!! โปรยเงินซื้อความสุข
"จากนั้นก็ขายบ้าน ขายทรัพย์สิน แต่ขายไปก็อยู่ได้ไม่กี่เดือนเอง ได้เยอะนะ แต่ค่าใช้จ่ายเราเยอะ เราไม่มีรายได้เลย ก็ขายสมบัติเรื่อยๆ ขายเรือยอชต์ ที่ดินที่เชียงราย ทอง เพชร รถ อะไรที่ขายได้ขายหมด ตอนนี้เหลือบ้านหลังที่เชียงใหม่หลังนี้หลังเดียว ขายเพราะเราใช้เงินเยอะ ดื่ม เที่ยว แจกตังค์สาวๆ ตอนนั้นมันรู้สึกมีความสุขที่ได้แจกตังค์สาวๆ แล้วเค้าก็ดูแลเราที่ไปดื่มแบบพิเศษ เรารู้สึกว่าเงินซื้อความสุขได้ เราพยายามลืมความทุกข์ที่อยู่ในใจเรา เป็นแบบนี้ 2 ปี
พี่โน่มาถามว่าทำไมไม่หยุดสักที มึงทำแบบนี้ไม่ได้ มึงตายนะ 2 ปีที่ผมเป็นแบบนี้ เมาทุเรศเลย หลังจากนั้นก็เป็นจุดตกต่ำที่สุดในชีวิต คนอื่นให้โอกาสทำงานก็ไปทำปัญหาให้เค้าอีก หมดทุกสิ่งทุกอย่าง"
จุดต่ำสุดในชีวิต ไม่มีเงินจ่ายค่าไฟ!! ตกอับไปอยู่ห้องเช่ารูหนูในชุมชน
"ต่ำสุดของชีวิต คือ ไม่มีเงินจ่ายค่าไฟ จากสูงสุดน่ะ แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าไฟ ผมจำคำพูดเพื่อนผมคนหนึ่งที่คบมาตั้งแต่ ป.1 บอกผมตอนรุ่งๆ ได้ มันจับหัว ไอ้โอตอนนี้มึงอยู่สูงสุดเลยรู้ตัวใช่มั้ย มึงต้องประคองตัวเองให้ดี ถ้ามึงตกลงมามึงต้องลงไปอยู่ใต้ต้นถั่วเลยนะ เราจำคำนี้มาตลอดว่าเพื่อนเคยพูดคำนี้ ผมคิดไว้นานละตั้งแต่ขับซีรีส์ 7 ขับเบนซ์ผ่านใต้ทางด่วนมองคนนอนใต้ทางด่วน แล้วบอกตัวเองว่าสักวันอาจเป็นแบบนี้ พอต้องเจอจริงๆ เราก็พอรับได้
หลังจากไม่มีบ้านอยู่ก็ไปอาศัยอยู่บ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆ ก็ยังไม่หยุดดื่มนะ ดื่มในห้องเล็ก 3x3 เมตร มีแค่เตียงกับโทรทัศน์ ที่นี่คือแหล่งที่ดื่มเยอะสุด เหล้าอยู่ปลายเตียง ลุกมาก็ดื่ม เมาก็ล้มตัวลงนอน ดื่มหนักแบบนี้ 2 ปี ไม่ออกไปไหนเพราะลุกออกมาไม่ได้ ประสาทไปหมดแล้ว เพราะดื่มจนตัวไม่มีบาลานซ์ ยืนอาบน้ำไม่ได้ต้องนั่ง เพราะถ้ายืนแล้วล้มเลย ยื่นใส่กางเกงไม่ได้นะ ล้ม เคยเห็นในหนังที่คนเมาแล้วมือสั่นมั้ย เป็นแบบนั้นเลย"
...
ทุเรศตัวเอง มึงไม่ใช่ วรุฒ วรธรรม!!
"จุดเปลี่ยนคือทนสภาพตัวเองไม่ไหว มันทุเรศ ย่ำแย่ แค่จะลุกไปปากซอยหมู่บ้าน ไปหาข้าวกิน ไปเจอคน คือตอนนั้นผมไปอยู่ในชุมชน ก็จะมีคนที่เค้าเห็นว่าเราเป็นแบบนี้ ก็มีพวกเขานี่แหละช่วยดูแล เป็นแม่ค้าอาหารตามสั่ง เป็นคนในชุมชน แม้จะออกจากบ้านไปหาพวกเค้าผมยังไปไม่ไหวเลย ไปกินที่ร้านเค้าก็ล้มตกเก้าอี้
จนวันหนึ่งลุกขึ้นยืนในห้อง มองสภาพตัวเอง แล้วมองย้อนหลังไป เราไม่ใช่ โอ วรุฒ คนเก่า ไม่ใช่ วรุฒ วรธรรม ที่ประชาชนชาวไทยชื่นชอบ ที่เค้ามองเป็นเทพบุตรสุดหล่อของเค้า แต่เรามองตัวเองในกระจกว่ามันเลว ทุเรศมากๆ เราก็เจ็บ
เลยตัดสินใจชี้ไปที่ขวดเหล้าว่า เฮ้ย มึงกับกูเลิกกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แล้ววันนั้นก็หยุดกิน ก็นอนไม่หลับ แต่ไม่หลับก็ไม่ต้องหลับ อยู่ยันเช้า เช้ายันเที่ยง ยันเย็นอีกวันก็ยังไม่หลับ อยู่อีกคืนเป็น 2 คืนละที่ไม่หลับ ก็อยู่อย่างนั้นในบ้าน เพราะออกไปไม่ได้เดินเซ จนวันที่ 3 ถึงหลับ พอหลับร่างกายมันได้พักผ่อน
...
ตื่นมาวันที่ 4 ชีวิตมันดีขึ้นเลย เฮ้ย กูลุกมาตื่นได้ บอกตรงๆ ว่าทรมานมากกับการนอนไม่หลับ แต่เราก็ทน เราตัดสินใจแล้ว จนมาดีวันที่ 4 ความรู้สึกที่ดีมันเกิดขึ้น เราตื่นมาในสภาพที่แอลกอฮอลล์ไม่อยู่ในร่างกาย เราตื่นมาในโลกที่สดใสกว่า 2 ปีที่เรากินเหล้า เป็นโลกที่เรามองอะไรมันชัดเจน แจ่มใส สามารถลุกออกไปเดินหน้าถนนในซอยได้ ก็ไปออกกำลังกาย ไปเดินแกว่งแขน เดินไปเดินกลับในซอย
พอดีขึ้น เรารู้สึกว่ากูสนุกกับชีวิตแบบนี้ มันดีกว่าอี 2 ปีที่เราใช้ชีวิตแบบนั้น เราได้ใช้ 12 ชั่วโมง ตอนที่มีพระอาทิตย์อยู่ ได้ทำอะไรเยอะแยะ แต่ก่อนเมาแล้วตื่นมาแว้บๆ ไม่เห็นพระอาทิตย์แล้วก็น็อกหลับไป นี่มันคือจุดเปลี่ยน ที่เราไม่เอาละ จะไม่กลับไปกินเหล้า"
ในวันที่ไม่เหลือใคร มือที่ยื่นมาโอบอุ้ม กลับเป็นมือชาวบ้านคนจนๆ
"เราภูมิใจตัวเราเองนะ พี่ที่ร้านอาหารตามสั่งในชุมชน โผล่มาถามไอ้โอมึงไปทำอะไรมาหน้าใส ไม่ได้กินเหล้าใช่มั้ย เห็นมั้ยต่อไปนี้ไม่ต้องกินแล้วนะ ไม่กินแบบนี้หล่อจะตาย พอเค้าชมเราก็มีกำลังใจ มีแรงผลักดัน ว่าพอเราไม่กินมีแต่เสียงเยินยอ เรายิ่งมีกำลังใจว่าเราจะทำให้ได้
...
ตอนเลิกกินเหล้ามันต้องการกำลังใจ อย่างที่ผมได้กำลังใจจากคนในชุมชน แต่ถ้ารอบข้างเราคนในชุมชน ทับถม ไอ้ขี้เมาไม่กินเหล้าเหรอ เราก็คงกระตุกกลับไปกิน แต่สิ่งที่ได้มาคือคำชม เยินยอ เรายิ่งภูมิใจในตัวเอง เพราะฉะนั้นคนที่มีคนในครอบครัว อย่าไปทับถมเขา ให้กำลังใจเค้า เขาจะได้มีพลังใจเลิก คนรอบข้างมีส่วนให้เราไม่อยากกลับไปเป็นไอ้วรุฒขี้เมาแล้ว"
พบรักแท้พยาบาลสาว และหยดน้ำตาแห่งความตื้นตัน
"เรามีอีกหลายอาการที่ตามมาหลังจากเลิกเหล้า กลับมาเชียงใหม่เราเป็นโรคซึมเศร้า กลับมาก็เจอพยาบาลคนหนึ่ง หัวหน้าเค้าให้ดูแลเรา เค้าก็ตามมาดูแลถึงบ้าน จนเป็นแฟนกัน นั่นไง ไอ้วรุฒ (หัวเราะ) ตอนนี้สบายเลยมีพยาบาลดูแล
คุณก้อยเขาก็ได้เรามาเป็นตัวอย่างละ เค้าก็เลยเอาเราเป็นวิทยากร ไปพูดประสบการณ์ของเราให้คนในชุมชนที่ติดเหล้าฟัง ทุกสิ่งที่ได้กลับมาคือบวก มีแต่ความบวก
เคยมีคนแก่มาร้านบ้านวรุฒ มาถึงแกก็กอดเรา หอมเราแบบจริงใจ ไม่เสแสร้ง ให้กำลังใจ มันคือสิ่งที่บวกมากๆ เข้ามาในชีวิต ซึ่งเราไม่เคยมีโอกาสแบบนี้ในชีวิต เป็นคุณยายมากอดเรา บอกเราว่ายายชื่นชมนะ (ร้องไห้) ที่ลุกขึ้นสู้ ลูกต้องสู้ต่อไปนะ มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งกว่าการที่เราได้นั่งเรือยอชต์ลำใหญ่ แล้วมีผู้หญิง มีเหล้า มีเครื่องดื่มรายล้อมมากมาย มันหายากที่จะได้อารมณ์แบบนี้กลับมา
ตอนนี้ตัวผมอยู่บนต้นถั่วที่แข็งแรงแล้วก็สูง ได้รับแดดมากกว่าคนอื่น น่าจะเป็นต้นถั่วที่เติบใหญ่ในอนาคต ชีวิตผมไม่เลิกล้มความตั้งใจในบั้นปลายชีวิต ว่าอยากมีฟาร์ม อยู่ด้วยความพอเพียง".