แฉพฤติกรรมของกลุ่ม “เปรมชัย” เป้าหมายล่าเสือดำเพื่อต้องการเปิบตัวเดียว อันเดียวของสัตว์หายากพันธุ์นี้ ระหว่างขับรถเข้าป่ามีอาวุธเต็มอัตรากับอุปกรณ์ทำครัวโดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ทราบ ส่วนนายพรานเชี่ยวชาญด้านการเลาะเนื้อเสือดำออกจากกระดูกโดยไม่ต้องสับกระดูก พฤติกรรมทั้งหมดจะถูกส่งประกอบในสำนวนการสอบสวนของตำรวจด้วย

คดีของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ยังเป็นที่สนใจของประชาชนหลังก่อเหตุล่าเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ก.พ.นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าชุดพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยความคืบหน้าคดีนี้ว่า หลังเข้าไปเก็บหลักฐานในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ ที่ผ่านมา พบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคณะของนายเปรมชัยเข้าไปในป่าอย่างย่ามใจ ไม่คิดว่ามีใครกล้ายุ่งด้วยแต่ป่าทุ่งใหญ่มีประวัติในเรื่องราวความลึกลับในศาสตร์ของความศรัทธา ความรักและความหวงแหนที่คนบางกลุ่มอาจมองไม่เห็น

นายชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า จะเรียงลำดับเหตุการณ์ของคดีนี้โดยเริ่มจากวันที่ 3 ก.พ. ช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. กลุ่มของนายเปรมชัยเดินทางถึงที่ทำการ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯลงไปติดต่อขอผ่านตามที่ขอมา เจ้าหน้าที่อนุญาตให้เข้าตามปกติที่ได้รับการร้องขอจึงไม่ได้สงสัยในพฤติการณ์ของคนกลุ่มนี้แต่อย่างใดเพราะมีคนหลายร้อยหลายพันคนที่เข้าป่าทุ่งใหญ่เพื่อไปพักผ่อน แต่ความปรารถนาดีของเจ้าหน้าที่ที่มีต่อคณะของนายเปรมชัยนั้น จึงไม่อาจทราบได้เลยว่านายเปรมชัยกับพวกได้เตรียมอุปกรณ์การล่าสัตว์เต็มคันรถ รวมทั้งชุดเครื่องครัว ประกอบไปด้วยปืน 3 กระบอก มีด 6 เล่ม เกลือใช้หมัก 4 ถุง หม้อ กระทะและเครื่องแกงเพื่อไปหาของกินข้างหน้า

...

“ขณะที่เจ้าหน้าที่มีแต่รอยยิ้มและหวังว่าคณะของนายเปรมชัยจะได้สัมผัสกับธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์ของป่าทุ่งใหญ่ตามแนวทางของนักอนุรักษ์ที่เจ้าหน้าที่ทุกคนรักษาไว้ด้วยชีวิต อย่างไรก็ตาม คาดว่าเมื่อคณะของนายเปรมชัยเดินทางเข้าไป เมื่อลับตาเจ้าหน้าที่เริ่มนำอาวุธออกมายิงสัตว์ป่า โดยหนึ่งในนั้นเป็นพรานที่ชำนาญพื้นที่และเริ่มจากยิงไก่ฟ้าหลังเทาด้วยปืนลูกซองแฝดเบอร์ 20 ก่อนจะเดินทางต่อไปถึง กม.ที่ 22 อีก 8 กม. จะถึงแคมป์มหาราชเป็นช่วงเวลาราว 17.00 น. ได้ยิงเสือดำตาย” นายชัยวัฒน์กล่าว

หัวหน้าชุดพญาเสือกล่าวอีกว่า ลูกน้องของ นายเปรมชัยนำเสือดำมาชำแหละบนผ้ายางใกล้ห้วยแห้งในร่องลึกที่พอจะหลบสายตาคนได้ โดยชำแหละอย่างชำนาญ เลาะเอาแต่ส่วนเนื้อ ไม่ยอมให้ติดหนังแม้กระทั่งข้อต่อกระดูกแต่ละข้อเกือบจะไม่ใช้มีดสับกระดูกเลยมีการดึงเอาเครื่องในออกทิ้งไว้ใกล้จุดชำแหละ นำเกลือมาคลุกหนังเสือที่ชำแหละแล้ว ในเวลาเดียวกัน นายเปรมชัยรู้สึกปวดท้องจึงได้ไปนั่งอุจจาระหน้ารถของตัวเอง

“เนื้อขาขวาของเสือดำถูกเลาะออกจากกระดูกมาย่างกิน ส่วนหางเสือดำนำไปปรุงเป็นซุปหางเสือดำหรือหากชอบแบบต้มยำสามารถใส่เครื่องปรุงตามใจชอบ ทั้งนี้กลุ่มพรานไม่ได้มาเพื่อกินหางหรือเนื้อเสือดำเท่านั้นเป้าหมายต้องการกินตัวเดียวอันเดียวของเสือดำด้วย สรุปคือกลุ่มพรานได้กินอวัยวะเพศผู้ของเสือดำ หาง เนื้อสะโพกและขาขวาหลัง ส่วนเนื้อไก่ฟ้าหลังเทาแทบจะไม่แตะต้องเลยในอาหารมื้อเย็นของวันที่ 3 ก.พ. ซึ่งผมจะส่งบันทึกนี้ไปประกอบในสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย”นายชัยวัฒน์กล่าว