ย้อนไปเมื่อครั้งที่ ผบช.ภ.7 แถลงชี้ชัด เจ้าของหวย 30 ล้าน เป็นของครูปรีชา นั้น ได้มีการอธิบายถึงคดีนี้ 3 ประเด็นด้วยกัน คือ...

ประเด็นที่ 1 เส้นทางของลอตเตอรี่ มียี่ปั๊ว ขายมาให้กับตลาดในสนามบินน้ำ ก่อนรวมเล่มเป็นชุด ต่อมาจึงมีการขายให้กับแม่ค้าขายหวยที่ตลาดเรดซิตี้จริง โดยมีพยานยืนยัน 3 ปาก จากนั้นแม่ค้าคนที่ 1 ขายต่อให้แม่ค้าอีกคนที่เปิดแผงในตลาดเรดซิตี้

ประเด็นที่ 2 มีพยานยืนยันว่าขายให้ครูปรีชาจริง โดยจากการสอบสวนและตรวจสอบพบว่าแม่ค้าอีกคนขายให้ครูปรีชาจริงตามพยานหลักฐาน

ประเด็นที่ 3 ลุงจรูญ ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่า ซื้อมาจริงหรือเก็บได้ ซึ่งทางตำรวจมีพยานยืนยันเห็นว่า ลุงจรูญ เก็บลอตเตอรี่ได้ โดยเป็นพยานคนเดียวที่เห็น เป็นคนที่มาซื้อของในตลาดเรดซิตี้ บังเอิญ ได้ยินเสียงคนเก็บลอตเตอรี่ได้ และหันไปดูพบว่าเป็นลุงจรูญ ถือลอตเตอรี่อยู่ ซึ่งพยานคนนี้ตำรวจภาค 7 ถึงกับต้อง “พลิกแผ่นดิน” หา โดยจุดที่เห็นลุงจรูญเก็บได้อยู่ในตลาดเรดซิตี้ ห่างจากแผงลอตเตอรี่ 20 เมตร

...

แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด เนื่องจากเลยเวลา 15 วันที่กล้องบันทึกภาพได้

และเตรียมออกหมายเรียกตัวลุงจรูญมาแจ้งข้อกล่าวหา "ยักยอกทรัพย์" หรือ "รับของโจร"

จากการแถลงข่าวชี้ชัดถึงเจ้าของหวยที่แท้จริงแล้วนั้น ลุงจรูญได้เข้าร้องขอความยุติธรรมจากกองปราบปราม กระทั่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มีคำสั่งให้โอนสำนวนการสอบสวนคดีหวย 30 ล้าน มาให้กับทางกองปราบปรามดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป

และดูเหมือนว่า คดีหวย 30 ล้าน จะถึงคราใกล้อวสาน เมื่อผลการสอบสวนของทางกองปราบปรามมีโอกาสที่คดีจะพลิกกลับอีกรอบหนึ่ง ซึ่งสวนทางกันกับถ้อยแถลงของ ผบช.ภ.7 เสียแล้ว...

ทาง ตำรวจภูธรภาค 7 จะว่าอย่างไรกันบ้าง ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ สอบถามไปยัง พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบช.ภ.7 ถึงคดีนี้

เมื่อครั้งที่กองปราบมาช่วยนั้น ทางภาค 7 ได้รับพยานหลักฐานจากกองปราบหรือไม่? ผู้สื่อข่าว ถาม

รอง ผบช.ภ.7 อธิบาย ว่า “ขออนุญาตเรียนว่า เราไม่ได้เป็นพนักงานสอบสวนแล้ว ด้วยระเบียบแล้วก็มารยาทเราต้องไม่ไปพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ คงต้องปล่อยให้ทางกองปราบเป็นผู้ชี้แจง ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะเกิดการสับสน ผมว่าทางกองปราบเขาชี้แจงดีกว่าครับ เพราะว่าเขามีเครื่องมือ อุปกรณ์ที่ค่อนข้างจะครบและสมบูรณ์ มีประสิทธิภาพมากกว่าภาค 7 ทางส่วนกลางอาจจะมีข้อมูลที่เยอะกว่าภาค 7 แต่ว่าด้วยมารยาทหรือระเบียบแล้ว เมื่อเราไม่ได้เป็นพนักงานสอบสวนแล้ว เราก็จะต้องไม่เข้าไปให้ข้อมูลนะครับ เพราะว่าจะต้องให้เจ้าของสำนวนเป็นคนให้ข้อมูล”

หมายถึงในอดีตที่เราในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน?

“ตอนนี้ไม่ใช่แล้วครับ เราไม่ควรพูดแล้วครับ ต้องขออภัยจริงๆ ครับ ต้องขออภัย” พล.ต.ต.กฤษณะ แจง

หลักฐานทางนิติฯ ของกองปราบได้นำมาใช้สรุปสำนวนคดีของเราหรือไม่?

“ตรงนี้ต้องขออนุญาตจริงๆ ผมไม่ควรไปตอบ มันไปอยู่ในสำนวนต่างๆ ที่ได้นำไปมอบให้กับทางกองปราบเขาไป ต้องไปถามรายละเอียดกองปราบ ต้องขออภัยจริงๆ ครับ” รอง ผบช.ภ.7 ปัดตอบคำถาม

...

หากผลสรุปสำนวนของทางกองปราบ ไม่ตรงกับที่เราสรุป จะเป็นอย่างไร? ผู้สื่อข่าวถามคำถามที่หลายคนคาใจ

“มันก็ไม่เป็นไรครับ เพราะมันเป็นดุลยพินิจ ของพนักงานสอบสวนที่ท่านผู้บัญชาการท่านแถลงข่าวในครั้งนั้นเนี่ย ณ เวลานั้น ขณะนั้น เรามีพยานหลักฐานแค่นั้นครับ ท่านผู้บัญชาการท่านก็แถลงไปตามพยานหลักฐานที่มี แต่ถ้าต่อมาภายหลัง คณะทำงานพนักงานสอบสวนชุดใหม่ของกองปราบเขาได้พยานหลักฐานเพิ่มเติม และมีความกระจ่างชัด หรือสามารถมีอะไรที่ทำให้เห็น ถ้าพนักงานสอบสวนของกองปราบมีดุลยพินิจเป็นอย่างอื่นได้ ก็เป็นเรื่องของทางพนักงานสอบสวนชุดใหม่

ตรงนี้มันเป็นแค่ดุลยพินิจไม่ได้ชี้ชัดว่า ใครถูกใครผิด ซึ่งดุลยพินิจตรงนี้ ท่านอัยการท่านต้องมาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงศาล ศาลท่านต้องตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งเช่นกัน หลายขั้นตอนครับ” รอง ผบช.ภ.7 อธิบาย

กังวลไหม ถ้าผลสรุปออกมาตรงกันข้ามกับที่แถลง?

พล.ต.ต.กฤษณะ ปัดไร้ความกังวล ทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตามพยานหลักฐาน ยันไม่เคยตั้งธง

...

“มันไม่มีผล และไม่ได้กังวล เพราะทุกคนทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทำไปตามพยานหลักฐานที่มี ไม่ได้มีอคติ หรือต้องมีธงอย่างนั้นอย่างนี้ ผู้บังคับบัญชาไม่เคยตั้งธงมา ให้ใช้ดุลยพินิจได้อย่างเต็มที่ตามพยานหลักฐานที่มี ทำไปตามหน้าที่ เมื่อผู้บังคับบัญชาระดับสูงเห็นว่า ทางกองปราบ หรือ บช.ก.มีเทคโนโลยี เครื่องไม้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ น่าจะคลี่คลายคดีได้ชัดเจน และดีกว่า เมื่อท่านมีคำสั่งมาเราก็เห็นด้วย เพราะเราต้องยอมว่า เราไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือเหมือน บช.ก.และกองปราบครับ”

คดีหวย 30 ล้าน มีผลต่อความเชื่อมั่นของตำรวจภาค 7 หรือไม่?

“ผมว่าเป็นเรื่องดุลยพินิจของแต่ละพนักงานสอบสวนแต่ละทีม เราสงสัยอย่างนี้ เราเชื่อว่าอย่างนี้ เราก็มีเหตุผลในการชี้แจงนะครับ แต่อย่างที่ผมบอก ทางกองปราบปราม และ บช.ก. เขามีเครื่องไม้เครื่องมือ มีเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งอาจจะได้ข้อมูลที่ชัดเจน และใหม่ๆ ขึ้นมา ซึ่งสามารถทำให้การพิจารณานั้น มันอาจจะเปลี่ยนแปลงไป ผมว่าเครื่องมือมีประสิทธิภาพมากกว่าภาค 7 เราก็ต้องเคารพในการตัดสินใจ และในการใช้ดุลยพินิจของทางกองปราบ หรือ บช.ก. เราก็จะไม่ไปก้าวก่าย แต่ในส่วนของเรา ณ วันนั้น เวลานั้น พยานหลักฐานเราได้แค่นี้ ท่านผู้บัญชาการท่านก็สรุปไปตามพยานหลักฐานที่เรามีอยู่”

...

ตอนนี้ประชาชนมองภาพลักษณ์ของทางตำรวจภาค 7 ไม่ค่อยดี อยากจะฝากบอกอะไรไหม?

“พนักงานสอบสวนทำตามหน้าที่ ทำตามพยานหลักฐานที่มี ทุกคนทำด้วยความสุจริตใจ และทำไปตามความรู้ความสามารถ ไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงหรือบังคับมันเป็นการใช้ดุลยพินิจ ซึ่งการใช้ดุลยพินิจเป็นอิสระ ว่าพนักงานสอบสวนแต่ละคนมีดุลยพินิจอิสระตามวิชาหรือกฎหมาย ความรู้ที่เราเรียนมา ส่วนเราใช้ดุลยพินิจไปแล้ว มันจะมีการกลั่นกรองของอัยการ ของศาล ซึ่งอาจจะไม่ตรงกันก็ได้ หรืออาจจะตรงก็ได้ มันขึ้นอยู่กับว่า เหตุและผล และพยานหลักฐาน”

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ต.กฤษณะ ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า ไม่กังวลหากจะมีการสอบสวนตำรวจเกี่ยวกับคดีนี้ “ผมไม่กังวลครับ ถามเรา เราก็ตอบที่เรารู้ที่เราเห็น ที่เราทราบ แค่นั้นเองครับ ทุกคนทำงานอยู่บนพื้นฐานของความสุจริตใจ ทำตามหน้าที่ ไม่มีส่วนได้เสียกับใคร และไม่เข้าข้างใคร ได้รับมอบหมายมา พนักงานสอบสวนก็ทำตามหน้าที่ทุกอย่าง ถามมาเราตอบได้ มันก็ไม่น่ากังวลอะไร”

คดีหวย 30 ล้าน ยังไม่จบ! ผลสรุปจะเป็นอย่างไร ใครคือเจ้าของหวยที่แท้จริง อีกไม่นานเกินรอ..

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

 

- ติดตาม คลิปซีรีส์สกู๊ป ศึกชิงหวย 30 ล้าน จากทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ได้ที่นี่ - 

- สกู๊ปศึกชิงหวย 30 ล้าน ของทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ที่เกี่ยวข้อง -