วีรบุรุษแห่งผืนป่า “วิเชียร ชิณวงษ์” นักวิชาการป่าไม้ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก...
ข้าราชการ วัย 37 ปี ผู้ยึดมั่นในความยุติธรรม ความซื่อสัตย์ และรักผืนป่าเท่าชีวิต
ทว่า ประชาชนคนไทย จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความกล้าหาญของ “หัวหน้าวิเชียร” ตลอดช่วงชีวิตในการทำงานรักษาผืนป่าของเขานั้น เรียกได้ว่า ผ่านสมรภูมิพงไพรเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมามากมาย หวิดโดนอุ้มมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน!
บู๊ดุเดือดด้วยความกล้าหาญ ไม่หวั่นเกรงอิทธิพลมืด! เขาคือ วิเชียร ชิณวงษ์
เมื่อเราพินิจวิเคราะห์ไปที่ตัว “หัวหน้าวิเชียร” แล้วนั้น ข้อสงสัยหลายประการก็ผุดขึ้นในหัว “เขาเติบโตมาอย่างไร ถึงใจเด็ดเช่นนี้?” “ความกล้าหาญของเขานั้นมาจากไหน” และ “ครอบครัวเขาเป็นอย่างไร ถึงได้สร้างวีรบุรุษแห่งพงไพรเช่นนี้ได้” ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ พูดคุยแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับคุณพ่ออันเป็นที่รักของหัวหน้าวิเชียร นั่นคือ “คุณพ่อกรณ์ ชิณวงษ์”
...
คุณพ่อกรณ์ ชิณวงษ์ วัย 61 ปี พูดคุยกับทีมข่าวด้วยท่าทีที่สุภาพอ่อนน้อมจนผู้สื่อข่าวเกรงใจ พร้อมกับเอ่ยปากบอกผู้สื่อข่าวตั้งแต่เริ่มต้นการสนทนาเลยว่า “ครอบครัวเรามันจนนะ เราก็เป็นห่วงลูกเรา...”
คำถามจากผู้สื่อข่าวยังไม่ทันได้เริ่มต้น แต่ดูเหมือนคุณพ่อของหัวหน้าวิเชียร อยากจะระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจให้ผู้สื่อข่าวได้ฟัง
“ล่าสุด คุยกับลูก (หัวหน้าวิเชียร)เมื่อคืน แม่เขาคุย ลูกก็บอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไม่มีอะไรหรอก เขาก็พูดให้พ่อให้แม่สบายใจ”
“พ่อกับแม่ก็อยากโทรหาลูก แต่ลูกอยู่ในป่าลึก ปีนึงจะโทรติดก็ต่อเมื่อลูกเข้ามาในเมือง นั่งรถเข้ามากรุงเทพฯ โทรศัพท์มีสัญญาณถึงจะได้คุยกัน เฮ้อ(เสียงถอนหายใจ) เพราะบ้านพักที่เขาอยู่ ผมก็ไม่รู้ว่ามีสัญญาณโทรศัพท์ไหม เคยได้ยินแต่ลูกเล่าว่า ไม่มีไฟฟ้าใช้”
เมื่อถามว่า หัวหน้าวิเชียร ห่างจากหัวอกพ่อแม่มานานเท่าใดแล้ว? คุณพ่อของหัวหน้าวิเชียรตอบว่า “ห่างกันมาตั้งแต่วิเชียรเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว นานทีปีหนถึงจะได้เจอกัน จบ ม.6 เขาก็ไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯ พอเรียนจบมา เขาอยู่กับพ่อแม่ ไม่ถึงเดือนก็ออกไปทำงานอยู่ในป่า ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกัน”
“นอกจากวิเชียร บ้านเราก็ยังมีลูกอีก 2 คน คนสองเป็นผู้หญิง คนสามเป็นผู้ชาย รวมวิเชียรคนโตเป็น 3 คน ส่วนพ่อกับแม่ก็ทำไร่ ปลูกหอม ปลูกกระเทียมหาเงินส่งลูกเรียนตามมีตามเกิด”
“สมัยเขาเรียนอยู่มัธยมปลาย พ่อก็ให้ตังค์เขาไปเรียนวันละ 20 บาท ให้ลูกกินข้าวอิ่มจากบ้านไปเลย พอวิเชียรเข้ามหาวิทยาลัย พ่อจำได้แม่นเลยว่า วันที่ส่งลูกไปเรียน กำตังค์ไป 6 หมื่น กลับมาบ้านสองคนผัวเมียเหลือเงินอยู่ไม่กี่บาท เพราะค่าใช้จ่ายจิปาถะมันเยอะ แต่ละเดือนๆ เราก็ส่งเงินให้ลูกกินอยู่ ตกเดือนละประมาณ 3,000 บาท วิเชียรเขาก็เรียนดี ไม่ฟุ่มเฟือย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า หัวหน้าวิเชียรมีแฟน หรือมีครอบครัวแล้วหรือยัง?
...
ผู้เป็นพ่อ ตอบอย่างซื่อๆ ว่า “วิเชียรเขามีแฟนแล้ว แต่ยังไม่แต่งงาน แค่หมั้นกันไว้ แฟนวิเชียรเคยเข้าไปอยู่บ้านพักในป่าด้วยกัน แต่เห็นเขาบอกว่า ไปอยู่อย่างนั้น มันไม่มีเพื่อนไม่มีอะไรเลย น้ำท่าไฟฟ้าก็ลำบาก วิเชียรก็ไม่ค่อยอยู่บ้านพัก ต้องออกไปตระเวนตรวจป่า ตรวจเขา บางทีหายไป 2-3 คืน บางทีวิเชียรก็หายเข้าป่าไปเป็นอาทิตย์ๆ ผู้หญิงอยู่คนเดียวก็ลำบาก ผู้หญิงเขาเลยต้องกลับมาอยู่บ้านที่กาฬสินธุ์”
...
หัวหน้าวิเชียร ส่งเงินมาให้ครอบครัวบ่อยหรือไม่? ผู้สื่อข่าวสอบถามคุณพ่อ ภายหลังจากที่คุณพ่อเปรยอยู่หลายครั้งว่า “ครอบครัวเราจน”
“ไม่เคย วิเชียรไม่เคยส่งมาหรอกจ้ะ แต่เขาเคยซื้อทีวี เครื่องซักผ้า หม้อหุงข้าวให้ เงินไม่ได้ส่งให้ แค่เลี้ยงตัวเองก็แทบจะไม่รอดแล้ว ลูกก็ไม่เคยบอกว่าเงินเดือนเขาเท่าไหร่ เราก็ไม่กล้าละลาบละล้วงถามลูก อยากบอกเขาก็บอกเอง”
“ตั้งแต่ลูกทำงาน บางเดือนลูกก็โทรมาบอกว่า เงินไม่พอใช้ พ่อกับแม่ก็ต้องโอนเงินไปช่วยเขาอยู่หลายหน สองสามพันบ้าง หมื่นกว่าบาทบ้าง เขาก็พยายามหามาคืนอยู่ตลอด เพราะที่บ้านเราก็ยากจน แต่ตัวเราก็สงสารลูก บางทีทั้งบ้านมีเงินอยู่ 4 พัน ก็ให้ลูกไปสองพัน ตอนนี้บ้านเราก็เป็นหนี้ ธกส.อยู่แสนกว่าบาท เราก็บอกลูกเราว่า พวกเรามันคนจน พ่อมีให้เท่านี้นะลูกเอ้ย”
เมื่อถามว่า หัวหน้าวิเชียรได้บอกกับคุณพ่อคุณแม่หรือไม่ว่า เหตุที่เงินไม่พอใช้นั้น มาจากอะไร?
...
คุณพ่อกรณ์ วัย 61 ปี ตอบด้วยภาษาบ้านๆ ตามที่ลูกชายคนโตเคยบอกว่า “บางทีเขาก็ว่า เงินเดือนเขาออกไม่ทัน พ่อก็ไม่รู้ว่า ออกไม่ทันมันคืออะไร อาจจะยังไม่ออกตามวันที่กำหนดหรือเปล่าพ่อก็ไม่รู้ แล้ววิเชียรเขามีลูกน้องด้วย ลูกน้องเขาไม่ก็ไม่ค่อยจะมี วิเชียรเขาก็คงต้องช่วยลูกน้องเขาด้วย"
ความเป็นบุรุษใจใหญ่ เด็ดเดี่ยว และซื่อสัตย์อย่างวิเชียรนั้น ต้องยอมรับว่า ไม่ใช่อุปนิสัยที่หาพบได้โดยง่ายในมนุษย์ปุถุชนจากสังคมปัจจุบัน ผู้สื่อข่าวจึงถามถึงเทคนิคการเลี้ยงดูหัวหน้าวิเชียรจากคุณพ่อ จึงได้ความว่า...
“พ่อก็ไม่ได้เลี้ยง หรือสอนอะไรเขามาก ก็ให้เขาทำไร่ทำนาตั้งแต่ยังเล็กยังน้อย ก่อนไปโรงเรียนก็สอนลูกว่า ต้องเอาวัวไปผูกกินหญ้ากลางนาก่อนถึงไปโรงเรียนได้ ส่วนที่ใช้พูดใช้สอนก็ไม่มีอะไร แค่บอกเขาว่า ให้อยู่บ้าน อยากกินอะไรให้ซื้อมานั่งกินที่บ้าน บ้านเรามันคนจน ตามสามแยกสี่แยกอย่าไปนั่งเล่น ให้รีบกลับบ้าน อย่าไปเป็นอันธพาลรังแกคนอื่นเขา วิเชียรเขาก็เชื่อฟังดี ไม่เคยมีเรื่องเกเรอะไรที่ทำให้พ่อแม่เดือดร้อนรำคาญใจ”
ในวินาทีที่ผู้สื่อข่าวมีโอกาสได้คุยกับคุณพ่อของหัวหน้าวิเชียรอยู่นั้น คุณพ่อและคุณแม่ เพิ่งจะได้ทราบจากผู้สื่อข่าวว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การที่นายวิเชียรให้การว่า ไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่อุทยานแห่งชาติฯ 110 บาท ซึ่งเป็นค่าเข้าคนละ 20 บาท และค่านำรถเข้าพื้นที่ 30 บาท จากนายเปรมชัย จริง ต้องรายงานให้กรมอุทยานฯ พิจารณาดำเนินการ ซึ่งสามารถดำเนินการเอาผิดได้ทั้งทางวินัยและอาญา
คุณพ่อ จึงฝากบอกกับประชาชนชาวไทย ผ่านรายงานพิเศษชิ้นนี้ว่า “เฮ้อ(เสียงถอนหายใจ) ถามลูกอยู่ ลูกก็บอกว่าไม่มีอะไร เฮ้อ ฝากคนทั่วไทยเลยนะ ให้ช่วยกันให้กำลังใจลูกของพ่อกันนะ เขาทำเพื่อประเทศชาติ เขารักป่า เขารักทุกชีวิตในป่ามาก ด้วยความดีของเขานี้ ทำให้เขาจำต้องห่างไกลไปจากอกพ่อแม่(เสียงสั่น)”
“ลองคิดดูละกันว่า ตอนนี้หัวอกพ่อแม่จะเป็นยังไง(สะอื้น)” พ่อกรณ์ ผู้ให้ชีวิตหัวหน้าวิเชียร ทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยความเป็นห่วงลูกชายสุดหัวใจ.
- อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -