กลุ่มอยากเลือกตั้งเครียดจัด เจอตร.ชิงส่งฟ้องศาลฝากขัง

โทรโข่ง คสช.ปัดเซ็นเซอร์พาเหรดล้อการเมือง งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ “วินธัย” อ้างสังคมอ่อนไหวขอให้ระวังจุดไฟขัดแย้งเกลียดชัง “ปิยพงศ์” แจงไม่มีใบสั่งห้ามล้อนาฬิกาหรู ผบ.พล.ม.2 รอ.ยันไม่ได้ตรวจเช็กหุ่นก่อน ทหารแค่ร่วมดูแลความสงบ มธ.ปล่อยอิสระทางความคิด ย้ำไม่มีใครสั่งบล็อกหุ่น “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม” สตาฟฟ์ฝ่ายจุฬาฯ เน้นเนื้อหาสะท้อนสังคม รับวงถกทีมเตรียมงาน ขอไม่ให้ล้อเลียนตัวบุคคล แต่ไม่ได้สั่งห้าม ประธาน กสม.ชี้ทำได้แค่เรื่องขำๆไม่ เข้าข่ายกิจกรรมการเมือง “ประวิตร” ปิดปากโปรยยิ้ม หนีสื่อรุมซัก ตร.เล่นเชิงชิงส่งฟ้องศาลฝากขัง 30 แนวร่วมกลุ่มฟื้นฟู ปชต. ทีมทนายแก้ลำขอเลื่อนรับทราบข้อหา “ศรีวราห์” โร่คุมเกมให้ออกหมายเรียกครั้งที่ 2 วันที่ 8 ก.พ. “ทนายปู” แย้งยึดบ้านอดีตนายกฯ ก่อนคำ พิพากษาถึงที่สุด สามีกับลูกไม่ต้องจ่ายค่าเช่า

กรณีมีข่าวว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งเซ็นเซอร์คุมเข้มการจัดกิจกรรมขบวนล้อการเมืองในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ก.พ. โดยห้ามทำหุ่นล้อเลียนประเด็นนาฬิกาหรู ห้ามเอ่ยชื่อองค์กรตัวบุคคลและห้ามทำหุ่นคล้ายผู้นำทหาร ล่าสุดทีมโฆษก คสช. ต่างออกมายืนยันไม่มีการสั่งห้าม เพียงแต่สังคมยังคงมีความอ่อนไหว ขอความร่วมมือให้ระมัดระวังไม่ให้สร้างความขัดแย้งเกลียดชัง

...

คสช.ให้ระวังปลุกความขัดแย้งเกลียดชัง

เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล. ม.2 รอ.) จะเข้าตรวจหุ่นล้อการเมืองของนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 ในวันที่ 3 ก.พ. ว่า ถือเป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบพูดคุยทุกปีเพื่อดูแลพื้นที่ ไม่แตกต่างจากเดิม การขอความร่วมมือคงจะอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกันกับทุกพื้นที่ที่จะจัดกิจกรรมกัน เพราะปัจจุบันสังเกตว่าสังคมค่อนข้างมีความรู้สึกอ่อนไหวกับประเด็นต่างๆเร็วกว่าสมัยอดีตมาก แม้บางกรณีเป็นเรื่องเท็จหรือเป็นเพียงการคาดเดาส่วนบุคคล ช่วงนี้จึงต้อง อาศัยความร่วมมือและเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น ส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับรายละเอียดของกิจกรรมแนวทางปีนี้ไม่ต่างจากทุกปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ในพื้นที่คงจะได้ประสานกับผู้จัดงานในลักษณะขอความร่วมมือ ให้ระมัดระวังต่อการแสดงออกที่ร่วมกันเน้นกิจกรรมไปในเชิงสร้างสรรค์ หากเป็นไปได้คงพยายามหลีกเลี่ยง การดำเนินกิจกรรมที่อาจสุ่มเสี่ยงจะไปกระทบภาพลักษณ์บุคคล องค์กร ในแง่มุมต่างๆจนเกิดเข้าใจผิด หรือส่งผลต่อความขัดแย้งเกลียดชังกันของคนในสังคม ทุกปีที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือกันเป็นอย่างดี

โต้ไม่ได้สั่งห้ามล้อนาฬิกาหรู

พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผบ.มทบ.11 ในฐานะทีมโฆษกคสช.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้สั่งห้ามใดๆ เป็นเพียงไปดูแลอำนวยความสงบรักษาความปลอดภัย เพื่อให้งานราบรื่น เจ้าหน้าที่จะดูเรื่องความปลอดภัย นำเครื่องสแกนวัตถุระเบิด และวัตถุต้องสงสัยมาตั้งไว้ก่อนเดินเข้าพื้นที่อัฒจันทร์ในสนามศุภชลาศัย ทั้งนี้เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นมาทุกปี เรารู้ว่ามหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์จะจัดขบวนพาเหรดล้อการเมือง ขณะที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะมีขบวนล้อเลียนปัญหาสังคม ไม่ใช่เรื่องตื่นตระหนกอย่างใด เพราะคณะกรรมการจัดงานได้ตรวจสอบเรื่องหุ่นล้อการเมืองอยู่แล้ว และมีวิจารณญาณวิเคราะห์ก่อนจะนำออกมาเดินขบวนพาเหรด ส่วนกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปตรวจสอบการหุ่นล้อการเมือง ได้พูดคุยกับ พล.ต.สุวิทย์ เกตุศรี ผบ.พล.ม.2 รอ. แล้วเขายืนยันว่าไม่ได้เข้าไปตรวจสอบเป็นเพียงเข้าไปดูแลความสะดวกรักษาความปลอดภัยร่วมกับตำรวจ เพื่อให้งานราบรื่นสำเร็จตามวัตถุประสงค์ เมื่อถามว่า เจ้าหน้าที่สั่งห้ามให้ทำหุ่นล้อเลียนประเด็นนาฬิกาหรือไม่

พล.ต.ปิยพงศ์ กล่าวว่า เราไม่ได้สั่งห้ามอะไร แต่ขอให้มีความเหมาะสม ของคณะกรรมการ ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการห้ามแต่อย่างใด เพราะเรารู้อยู่ว่าจะมีขบวนพาเหรดล้อการเมืองและสังคมทุกปี ทางเจ้าหน้าที่เพียงดูแลในเรื่องการรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกให้งานนั้นผ่านไปได้ด้วยความราบรื่น

ทหารปัดเซ็นเซอร์แค่ร่วมดูความสงบ

ด้าน พล.ต.สุวิทย์ เกตุศรี ผบ.พล.ม.2 รอ. กล่าวว่า สำหรับกระแสข่าวการเข้าตรวจหุ่นล้อการเมืองทั้ง 6 ตัว ไม่เป็นความจริง เพราะทางหน่วยมีภารกิจเพียงเข้าดูแลความสงบเรียบร้อยภายในพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานเขต และเทศกิจเพียงเท่านั้น

มท.1 ยังไม่พบกลุ่มเคลื่อนไหว

ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองว่าจากที่ได้สอบถามไปยังพื้นที่และทุกจังหวัดยังไม่มีการเคลื่อนไหวในลักษณะเป็นกลุ่มผู้ชุมนุม อีกทั้งได้ตรวจสอบไปยังฝ่ายความมั่นคง ยังไม่พบการเคลื่อนไหว ได้สั่งการให้นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัด กระทรวงมหาดไทยแจ้ง ผวจ.ทุกจังหวัดได้ทราบนโยบายว่า รัฐบาลได้เร่งทำงานเพื่อให้เกิดผลประโยชน์กับประชาชนเป็นหลักในทุกเรื่อง ทั้งความสงบเรียบร้อยและเศรษฐกิจ ขอให้ทำงานให้อยู่บนความเข้าใจเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย

มธ.ไฟเขียวอิสระทางความคิด

ด้านนางเกศินี วิฑูรชาติ รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวว่า ขบวนล้อการเมืองเป็นเรื่องปกติที่มีอยู่แล้วในงานฟุตบอล ประเพณีฯ ที่นักศึกษาจะหยิบยกประเด็นที่พูดคุยกันในสังคมมาแสดงออกให้ประชาชนรับทราบ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้สิทธินักศึกษาใช้วิจารณญาณด้วยตัวเองว่าจะดำเนินการแค่ไหน

ส่วนผู้บริหารมหาวิทยาลัย มอบหมายให้รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษาดูแลและรายงานให้ทราบสถานการณ์ต่างๆเท่านั้น มหาวิทยาลัยไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือตรวจสอบว่านักศึกษาจะใช้ข้อความใด ให้อิสระทางความคิดกับนักศึกษา ซึ่งนักศึกษาเองรู้ขอบเขตของตนเองดี

ยันไร้ใบสั่งบล็อกหุ่น “บิ๊กป้อม–บิ๊กตู่”

พญ.อรพรรณ โพชนุกูล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มธ.กล่าวว่า ในงานฟุตบอลประเพณี มธ.จัดขบวนล้อการเมืองเป็นปกติอยู่แล้ว มธ.ไม่เคย ห้ามให้เสรีภาพนักศึกษาในการใช้ความคิดสร้างสรรค์ยืนยันว่ารัฐบาลเองไม่มีการส่งสัญญาณ ห้ามหรือล้อการเมืองในประเด็นใด โดยเฉพาะประเด็นนาฬิกาหรู จนถึงขณะนี้ไม่ทราบว่านักศึกษาจัดขบวนล้อการเมืองเรื่องใด ที่ผ่านมาไม่มีการรู้ล่วงหน้าจนกว่าจะถึงวันงาน ส่วนที่มีข่าวว่าฝ่ายความมั่นคงได้หารือผู้บริหาร มธ.ขอให้นักศึกษาไม่ล้อการเมืองในบางประเด็นและไม่ทำหุ่นล้อผู้นำ ไม่เป็นความจริง มีข้อเท็จจริงที่เป็นข้อตกลงร่วมกันของชาว มธ. ว่าต้องเคารพในคุณค่าของเสรีภาพทางวิชาการและสปิริตแห่ง มธ.ที่สั่งสมมายาวนาน และย้ำว่ากิจกรรมจะอยู่บนข้อตกลงอันสำคัญ คือไม่ปิดกั้นความเห็นและกระตุ้นเตือนให้สังคมเห็นปัญหาของสังคมและขบคิดร่วมกัน โดยจะอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย สิทธิเสรีภาพการแสดงออกภายใต้รัฐธรรมนูญ

ตราบใดที่พลังหนุ่มสาวและเยาวชนยังอยู่ในกฎหมาย การจัดแสดงต่างๆย่อมได้รับการคุ้มครอง ด้วยถือประโยชน์แห่งสาธารณะ ถือเป็นประเพณีการแสดงออกถึงจิตวิญญาณของ มธ.ที่เชื่อมั่นและยึดถือสูงสุด

จุฬาฯเน้นตีแผ่ปัญหาสังคม

ขณะที่นายวีระวุฒิ มารศรี นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ผู้รับผิดชอบเนื้อหาขบวนพาเหรดสร้างสรรค์สังคมของฝ่ายจุฬาฯ เปิดเผยว่า แนวคิดของงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ คือ ปลุกสปิริต อยากให้ทุกคนลุกขึ้นมาทำอะไรในสิ่งที่เป็นตัวเอง ที่มีกระแสว่ารัฐบาลสั่งห้ามไม่ให้มีหุ่นล้อผู้นำนั้น ยอมรับว่าในการประชุมจัดเตรียมงาน มีการพูดคุยเรื่องนี้จริง แต่เป็นการขอความร่วมมือ ไม่ให้ล้อเลียนการเมืองที่ตัวบุคคล รวมถึงมีการพูดถึงกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และการล้อการเมืองที่เกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯจริง แต่ไม่ได้สั่งห้าม แต่ขอให้เป็นการจัดทำขบวนล้อการเมืองในภาพรวม นิสิตจุฬาฯและนักศึกษาของ มธ.ได้พูดคุยกันในภาพรวม ไม่มีการก้าวก่ายในรายละเอียด ในส่วนของจุฬาฯจะเป็นขบวนสะท้อนสังคม ไม่เกี่ยวข้องกับการ เมืองโดยตรง แต่จะมีเรื่องของสังคม การศึกษาและเรื่องอื่นๆมาเกี่ยวข้องด้วย ถือว่าเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ได้มีการสั่งห้ามใดๆ

กสม.ยุติสอบ นศ.นั่งรถไฟไปราชภักดิ์

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) นายวัส ติงสมิตร ประธาน กสม.แถลงผลการตรวจสอบกรณีนักศึกษา 3 คน ยื่นคำร้องต่อ กสม. เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ขัดขวางไม่ให้เดินทางไปยังอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อทำกิจกรรม “นั่งรถไฟไปอุทยานราชภักดิ์ ส่องแสงหากลโกง” ว่า ที่ประชุม กสม.เห็นว่าเรื่องการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการสกัดกั้น กลุ่มนักศึกษาไม่ให้เดินทางเป็นการดำเนินตามกฎหมายความมั่นคงของรัฐสามารถทำได้ ส่วนการควบคุมตัวไปยังกองบัญชาการควบคุมกองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี คสช.ไม่ชี้แจงข้อเท็จจริงในกรณีที่ กสม.สอบถามไปสองครั้งว่า คสช.อาศัยอำนาจใดในการควบคุมตัวนักศึกษาที่เดินทางไปทั้ง 3 คน ดังนั้นเมื่อไม่ได้รับข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานจากหน่วยงานของทหารซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจ จึงมีมติให้ยุติเรื่องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการพิจารณาวินิจฉัย แต่เห็นควรให้มีข้อเสนอแนะในการป้องกันและแก้ไขการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิ์ไปยังกระทรวงกลาโหมและ คสช.และขอให้กระทรวง กลาโหม และ คสช.ให้ความร่วมมือต่อกระบวนการตรวจสอบการละเมิดสิทธิ์ของ กสม.ในอนาคตต่อไปด้วย

ชี้ขบวนพาเหรดการเมืองทำได้

นายวัส ยังกล่าวถึงการที่ห้ามนักศึกษาจัดขบวนล้อเรียนการเมืองเรื่องนาฬิกาหรู ผู้นำและทหาร ในการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 ว่า ขอพูดในนามส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับ กสม.ว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมที่ดำเนินมานาน มองว่าเป็นการล้อเลียนการเมือง ไม่ใช่กิจกรรมทางการเมืองหรือกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง มีผลแค่เพียงดูแล้วขำ ดูแล้วสะใจ แต่ไม่เป็นผลที่จะไป เปลี่ยนแปลงกฎหมายหรือเปลี่ยนรัฐบาลได้

“องอาจ” ติงยิ่งปิดกั้นสะท้อนกลับใส่ รบ.

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรัฐบาลคสช.สั่งเซ็นเซอร์ห้ามขบวนล้อการเมืองงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ล้อเลียนประเด็นนาฬิกาหรู ส่งทหารไปตรวจสอบกิจกรรมนักศึกษาก่อนแสดงว่า ผู้มีอำนาจควรระมัดระวังการใช้อำนาจ หากใช้มากเกินไปจนเกินขอบเขต จะกลายเป็นปัญหาตามมาได้ ขบวนล้อการเมืองของนักศึกษา 2 สถาบัน มีมาตลอดทุกยุคสมัยไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยหรือรัฐบาลจากการยึดอำนาจ เป็นเรื่องปกติตามประเพณีปฏิบัติจึงไม่ควรปิดกั้น ถ้าเข้าไปปิดกั้นหรือแทรกแซงจะถูกสังคมมองว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต ไม่เว้นแม้แต่นิสิตนักศึกษา หากปล่อยให้จัดไปจนจบรัฐบาล คสช.ยังได้รับรู้ความคิดความเห็นของนักศึกษา เยาวชนต่อปัญหาการเมืองและพฤติกรรมของผู้มีอำนาจ นำมาใช้ประโยชน์แก้ไขปรับปรุงให้สังคมพึงพอใจ แต่หากเลือกปิดกั้นจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ผลสะท้อนกลับจะเป็นมุมเมอแรงกลับมาสู่รัฐบาล คสช.เอง

โดนกันทุกรัฐบาลอย่าคิดมาก

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลอย่ากังวล อย่าอ่อนไหวมากเกินไป ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลก็ถูกล้อเลียนถือเป็นเรื่องปกติ ควรเปิดใจกว้างรับฟัง ยิ่งนายกฯประกาศตัวว่าเป็นนักการเมือง ถือเป็นบุคคลสาธารณะที่พึงรับฟังการวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนได้ ถ้ามองมุมบวกกรณีที่นายกฯระบุว่าอยากได้คนรุ่นใหม่ใส่ใจการเมือง ถ้าอยากได้ประชาธิปไตยที่มีคุณภาพควรเปิดพื้นที่ให้นิสิตนักศึกษาเยาวชนได้แสดงออกความคิดเห็นในทัศนคติของเขา นอกจากจะได้ความตื่นตัวสนใจทางการเมือง สนใจปัญหาบ้านเมืองนำไปสู่การใช้สิทธิเลือกตั้งเลือกนักการเมืองที่ดี คนดีเข้ามาบริหาร นิสิตนักศึกษาก็ต้องมีข้อจำกัดในการแสดงออกที่พอสมพอควร ไม่ใช่เลยเถิดด้วยเช่นกัน

อัด 4 ปี คสช.เหลวใครจะยอมให้ไปต่อ

ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า การที่ตำรวจดำเนินคดีกับผู้จัดกิจกรรมเดินมิตรภาพ กลุ่มทวงถามการเลือกตั้งและทำท่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่มารวมตัวกันชูป้ายสนับสนุน คสช.เช่นเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าเกือบ 4 ปี คสช.ล้มเหลวแก้วิกฤติความขัดแย้งของประเทศอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้ทำให้เกิดความปรองดองขึ้นเลย ซ้ำร้ายยังเป็นฝ่ายหนึ่งในความขัดแย้งเสียเองชัดแจ้งในประเด็นที่ว่า คสช.ควรอยู่ในอำนาจต่อไปหรือไม่ หรือใครควรเป็นรัฐบาล สังคมไทยยังไม่มีวิธีจัดการกับการเห็นต่าง การแสดงออกอย่างสันติยังถูกจับดำเนินคดี ยังใช้คำสั่งที่ขัดหลักนิติธรรม มีรัฐธรรมนูญก็เหมือนไม่มี แถมมีคนประกาศตนเป็นรัฏฐาธิปัตย์ การเลือกตั้งถูกเลื่อนไปเรื่อย ทวงถามก็ถูกจับดำเนินคดี ไม่มีวิธีการดูแลกับคนที่เห็นต่างอย่างสันติและเป็นธรรม มีแนวโน้มเป็นวิกฤติบานปลาย อยู่มาเกือบ 4 ปีแก้อะไรไม่ได้เลย ยังวางแผนอยู่ต่ออีกเป็นสิบปีใครจะยอม

“บิ๊กป้อม” ฉีกยิ้มชิ่งหนีสื่อรุมซัก

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่ถูกกระแสกดดันให้ลาออกจากปัญหาแหวนเพชรและนาฬิกาหรู หลังจากได้ประกาศว่า หากประชาชนไม่ต้องการ พร้อมจะไปจากตำแหน่ง จนทำให้โลกโซเชียลมีเดียทำโพลสำรวจความคิดเห็นกันอย่างคึกคัก โดยปรากฏว่า เสียงส่วนใหญ่ต่างระบุไม่อยากให้อยู่ต่อ ขณะที่มีประชาชนส่วนหนึ่งเดินทางไปให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตรที่กระทรวงกลาโหม เชียร์ให้อยู่ต่อนั้น เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตรเดินทางมาเป็นประธานแถลงแผนปฏิบัติการสนับสนุนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยทั้งก่อนและหลังเสร็จสิ้นงาน พล.อ.ประวิตรไม่ยอมให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ได้แต่ยิ้มและยกมือรับไหว้ผู้สื่อข่าวเท่านั้น แม้ผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามถึงกลุ่มประชาชนที่มาให้กำลังใจก็ตาม โดยทีมรักษาความปลอดภัยคอยกันผู้สื่อข่าว เปิดทางให้ พล.อ.ประวิตรเดินขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที

ชี้ผู้ถูกร้องไขก๊อกไม่กระทบคดี

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พล.ต.อ. วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากเลขาธิการ ป.ป.ช.ว่า พล.อ.ประวิตรทำหนังสือชี้แจงครั้งที่ 3 มาแล้วหรือไม่ แต่เลขาธิการ ป.ป.ช.รายงานก่อนหน้านี้ระบุว่า จะสอบพยานเสร็จในช่วงปลายเดือน ก.พ. แต่ยังไม่สามารถตอบได้ว่าเมื่อสอบปากคำพยานครบถ้วนแล้ว จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช.ได้ทันทีหรือไม่ อย่างที่บอกมันเร็วไม่ได้ ต้องให้โอกาสผู้ถูกร้องเรียนได้ชี้แจง จะต้องพิจารณาให้ครบถ้วนมีความชัดเจนก่อน การจะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับมีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ ถ้าจำเป็นต้องหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็ต้องดำเนินการ ส่วนกรณี พล.อ.ประวิตรประกาศพร้อมลาออกจากตำแหน่ง ถ้าประชาชนไม่ต้องการถือเป็นเรื่องการเมือง ไม่เกี่ยวกับการดำเนินการของ ป.ป.ช. เพราะ ป.ป.ช.ดำเนินการตามพยานหลักฐาน ถ้าลาออกจริงไม่ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคดี

ตร.ตลบหลังผัดฟ้องฝากขังม็อบ

เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ สน.ปทุมวัน ทีมทนายความจากศูนย์ทนายสิทธิมนุษยชน นำโดย น.ส.ภาวิณี ชุมศรี นำกลุ่มผู้ชุมนุมราว 30 คน จากจำนวน 39 คน อาทิ น.ส.ณัฏฐา มหัทนา นายอนุรักษ์ เจนตวณิช นายสงวน คุ้มรุ่งโรจน์ นายวรัญชัย โชคชนะ ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ในคดีฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุม กรณีนัดชุมนุม “ประชาชนอยากเลือกตั้ง แสดงพลังต้านสืบทอดอำนาจ คสช.” ที่ลานสกายวอล์ก เมื่อวันที่ 27 ม.ค. เข้าพบ พ.ต.ท.สมัคร ปัญญาวงศ์ รอง ผกก. (สอบสวน) สน.ปทุมวัน เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก มีผู้แทนจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนทั้งฮิวแมนไรท์วอทช์ และแอมเนสตี้ร่วมสังเกตการณ์ แต่กลับไม่ได้เป็นตามที่ทีมทนายคาดหมายไว้ เมื่อพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันพลิกเกมแจ้งทีมทนายทราบว่า ต้องทำประวัติและส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดที่เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาไปผัดฟ้องและฝากขังกับศาลแขวงปทุมวันทันที ส่งผลให้ทั้งหมดจะต้องขอยื่นประกันตัวต่อศาล

เครียดขอเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ น.ส.ภาวิณี แจ้งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุม บรรยากาศเริ่มตึงเครียด บางรายถึงกับร่ำไห้ประกาศจะยอมติดคุก ไม่ได้เตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัว ทีมทนายได้ขอมติเสียงส่วนใหญ่ขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมกับพนักงานสอบสวนออกไปก่อน เป็นวันที่ 8 ก.พ.จากนั้นจึงเข้าแจ้งความประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบ ทั้งนี้ น.ส.ณัฏฐากล่าวว่า ไม่ผิดคาดที่ถูกเล่นงานแบบนี้ เพราะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมบอกว่าจะดูแลเรื่องนี้เอง คงแค้นกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่แล้ว แต่แปลกใจไม่น่าจะเล่นงานชาวบ้าน เชื่อว่า คสช.พยายามเอาความกลัวสูญเสียอำนาจมาผลักให้ชาวบ้าน คงคิดว่าแกนนำจะฝ่อ แต่จริงๆกลับเติมพลังให้พวกเรา ยืนยันว่าวันที่ 10 ก.พ.จะจัดชุมนุมตามที่ประกาศไว้อย่างแน่นอน

แจ้งเพิ่มคดี ม.116 “วีระ–สมบัติ”

ต่อมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.เดินทางมายัง สน.ปทุมวัน โดย พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวว่า ตามที่ออกหมายเรียกผู้ต้องหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.การชุมนุมมารับทราบข้อกล่าวหา 39 ราย ทนายส่งเรื่องขอเลื่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหา 34 ราย อีก 5 ราย ไม่มาขอเลื่อนและไม่แจ้งสาเหตุ ส่วนใหญ่เป็นแกนนำ จึงสั่งการให้ออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาครั้งที่ 2 ในวันที่ 8 ก.พ.ส่วนนายสมบัติ บุญงามอนงค์ และนายวีระ สมความคิด ถูกให้ดำเนินคดีข้อหาตามมาตรา 116 เพิ่มอีกคดี และให้ขยายผลผู้ปรากฏอยู่ในภาพการชุมนุมอีก 66 คน ไม่ได้เร่งรัดตนเป็นคนสั่งเอง ไม่ใช่ดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ส่วนการชุมนุมวันที่ 10 ก.พ.ต้องขออนุญาตเจ้าพนักงานท้องที่ตาม พ.ร.บ.ชุมนุม และขออนุญาตฝ่ายความมั่นคงตามประกาศหัวหน้า คสช. มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดี

ยันสอบธุรกรรมโยงคดีฟอกเงิน

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวอีกว่า ได้ประสานไปยัง ปปง.เพื่อให้ตรวจสอบการทำธุรกรรมทางการเงินเกี่ยวกับการสนับสนุนช่วยเหลือ การเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลที่ออกมารวมตัวเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง รวมถึงกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย โดยทาง ปปง.ยังไม่ส่งรายงานข้อมูลกลับมา ซึ่งหากพบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติ หรือเข้าข่ายความผิดมูลฐานการฟอกเงิน หลักฐานจะถูกนำไปประกอบสำนวนคดี เพื่อดำเนินคดีเกี่ยวกับการฟอกเงิน และยืนยันว่าไม่เลือกปฏิบัติ หากพบการฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.และ พ.ร.บ.การชุมนุม โดยได้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม

รอดคุก 8 ก.พ.ออกหมายเรียกครั้งที่ 2

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากนั้นได้มีการเจรจาระหว่างพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน กับทีมทนาย โดยพนักงานสอบสวนแจ้งว่าจะขอสอบข้อมูลจากทางทนายและจะออกหมายเรียกให้ผู้ชุมนุมทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหาวันที่ 8 ก.พ.แทนการขอเลื่อนรับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ จนในที่สุดเวลาประมาณ 15.00 น.ทางทีมทนายและผู้ชุมนุมเดินทางกลับ โดยไม่มีการผัดฟ้องฝากขัง เนื่องจากพนักงานสอบสวนยืนยันว่าจะให้เป็นการออกหมายเรียกครั้งที่สอง ไม่ให้เลื่อนรับทราบข้อกล่าวหา

รวบกลุ่มแสดงละครไล่ “ประวิตร”

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สกายวอล์ก อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมประชาธิปไตย หรือ YPD รวม 4 คน นำโดยนายธัชพงศ์ แกดำ และนายธิวัฒน์ ดำแก้ว จัดการแสดงละครใบ้เชิงสัญลักษณ์ใช้ชื่อว่า ตามใจ “ป้อม” โดยทั้งหมดสวมหน้ากากคล้ายใบหน้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม พร้อมข้อความใต้ภาพว่า “Get Out” จากนั้นชูป้ายข้อความตำหนิการทำงาน คสช.เรื่อง ความโปร่งใส นายธัชพงศ์กล่าวว่า ไม่ได้มาชุมนุม ทางการเมือง แต่ต้องการแสดงสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ต่อไปจะจัดกิจกรรมชื่อว่า ต้าน โกงประจำทุกสัปดาห์ ขอฝากถึง พล.อ.ประวิตร ในฐานะชายชาติทหาร รับผิดชอบต่อคำพูดที่บอกว่าถ้าประชาชนไม่ต้องการจะออก ขณะนี้ประชาชนไม่ต้องการท่านแล้ว จึงมาแสดงจุดยืนเป็นตัวแทนประชาชนที่อยากให้ท่านออกหลังเสร็จสิ้นการทำกิจกรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พญาไท เชิญทั้ง 4 คน ไปพูดคุยที่ สน.ก่อนตั้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.ชุมนุมฯ แล้วจึงปล่อยตัวกลับ

ส่งตีความ ก.ม.ลูกสร้างเรื่องหรือสุจริต

อีกเรื่อง นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีรองนายกฯฝ่ายกฎหมายระบุยอมรับหากมีการส่งกฎหมายลูกในหมวดเลือกตั้งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ อาจต้องเลื่อนโรดแม็ปเลือกตั้ง ส.ส.ออกไปจากเดือน ก.พ.2562 อีกว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง เป็นไปได้มากที่การเลือกตั้ง ส.ส.อาจต้องเลื่อนกรอบเวลาออกไปอีก เพราะศาลรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลาศึกษาและพิจารณาวินิจฉัย แต่สาเหตุการส่งเรื่องหรือเนื้อหาสาระของ มาตราที่จะส่งไปให้วินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ต้องเผยแพร่รายละเอียดให้สังคมได้รับทราบว่าส่งไปเรื่องอะไร มาตราใด มีเนื้อหาสาระอย่างไร สังคมจะได้รู้ว่าส่งไปด้วยความสุจริตใจหรือสร้างประเด็นตามทฤษฎีสมคบคิดที่วางแผนไว้หรือไม่อย่างไร ถ้าสาระที่ยื่นตีความมีเหตุผลสังคมจะรับได้ แต่ถ้าน่าเคลือบแคลงสงสัยจะเกิดผลกระทบตามมาต่อ บรรยากาศการเมือง รัฐบาลและอาจถึงตัวนายกฯ แม้จะปฏิเสธก่อนหน้านี้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลื่อนโรดแม็ปเลือกตั้งจากการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ออกไปอีก 90 วันก็ตาม

กกต.คาด 6 ก.พ.หารือสอง ก.ม.ลูก

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รักษาการเลขาธิการกกต. กล่าวว่า สำนักงาน กกต.ได้รับร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. จาก สนช.เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้สำนักงานฯ กำลังเร่งประมวลเนื้อหาของร่างทั้ง 2 ฉบับว่ามีประเด็นใดไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญบ้าง คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุม กกต.เพื่อพิจารณาได้ในวันอังคารที่ 6 ก.พ. ส่วนที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับงบประมาณที่จะใช้ในการเลือกตั้ง จำนวน 5,800 ล้านบาท จากเดิม 3,000 ล้านบาท เพิ่มมาเป็น 2,800 ล้านบาทนั้น ขอชี้แจงว่างบประมาณที่ กกต.ตั้งไว้เป็นไปตามกฎหมาย งบประมาณที่เพิ่มขึ้นต้องนำมาใช้ในเรื่องการหาเสียง หน่วยเลือกตั้ง ผู้ตรวจการเลือกตั้ง การป้องกันการทุจริตการเลือกตั้ง เป็นต้น และค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้งก็จะมีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) คอยตรวจสอบจึงยืนยันว่าตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นไปตามกฎหมายแน่นอน

“บิ๊กกุ้ย” ไม่หวั่นไหวกอดเก้าอี้ ป.ป.ช.

พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องที่สนช.ยื่นให้ตีความการยกเว้นลักษณะต้องห้ามของกรรมการป.ป.ช.ตามร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ให้สามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้ว่า ที่ประชุม ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 1 ก.พ.มีมติให้ส่งรายงาน ความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่าการให้ ป.ป.ช.ดำรงตำแหน่ง ต่อไปไม่ขัดรัฐธรรมนูญ บทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้การดำรงอยู่ของกรรมการองค์กรอิสระขึ้นอยู่กับที่ประชุม สนช.ขึ้นกับดุลพินิจศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินอย่างไร ส่วนที่ฝ่ายการเมืองเรียกร้องให้ตนลาออกจากประธาน ป.ป.ช.เพื่อไม่ให้เกิดข้อกังขาเรื่องคุณสมบัตินั้น เป็นสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่เข้ามาถูกต้องตามรัฐธรรมนูญปี 50 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และมุ่งมั่นทำงานมาตลอด ถ้าไปหวั่นไหวกับทุกเรื่องคงไม่ได้ เพราะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ใครจะทำงาน ถ้าไม่หนักแน่นตรงนี้บ้านเมืองจะไปไม่ได้ อีกทั้งการสรรหาบุคคลใหม่ใช้เวลานาน ไม่รู้ว่าการสรรหาคนใหม่มาจะดีเลิศหรือไม่ แต่ถ้าทำผิดกฎหมาย มีกระบวนการทางกฎหมายดำเนินการอยู่แล้ว ถ้าเห็น ว่าตนทำไม่ดีให้ยื่นตามกระบวนการ ถ้าชี้ว่าผิดพร้อม หยุดปฏิบัติหน้าที่ รับโทษตามสิ่งที่ทำ ถ้าไม่ผิดต้องให้โอกาสทำงาน

“บิ๊กตู่” ยันไม่ทิ้งกัมพูชาไว้ข้างหลัง

เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล สมเด็จอัคคมหาพญาจักรี เฮง สัมริน ประธานสภาแห่งชาติกัมพูชา เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ โดย พล.อ.ประยุทธ์ อวยพรให้การจัดการเลือกตั้งสภาแห่งชาติสมัยที่ 6 ของกัมพูชาในปีนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สำเร็จลุล่วงด้วยดี ไทยพร้อมจะทำงานร่วมกับกัมพูชาเพื่อจะเติบโตไปด้วยกันในภูมิภาค ไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้านประธานสภาแห่งชาติกัมพูชาแสดงความขอบคุณประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนกัมพูชามาโดยตลอด ทั้งในระดับพระมหากษัตริย์ รัฐบาลและประชาชน

ถก กนช.จัดการน้ำยาว 20 ปี

ต่อมาเวลา 09.30 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เป็นครั้งแรก โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวก่อนการประชุมว่า แม้ว่าวันนี้ทำอะไรจะเป็นปัญหาไปหมด แต่ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ จากนั้น พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ ในฐานะกำกับดูแล สทนช.แถลงผลการประชุมว่า ที่ประชุมปรับกรรมการ กนช.จาก 33 คน เหลือ 24 คน และแต่งตั้ง 4 อนุกรรมการ 4 ด้าน จะมีงบฯประจำปี ปีละ 5-6 หมื่นล้านบาท

ปี 2561 จะใช้เพื่อจัดทำแหล่งน้ำขนาดเล็กเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำ การกระจายน้ำ การระบายน้ำ การซ่อมบำรุงขยายแหล่งน้ำขนาดเล็ก ส่วนโครงการขนาดใหญ่นายกฯได้สั่งจัดทำแผนงานยาวไปถึง 20 ปี ทั้งนี้ แผนงานขนาดใหญ่วงเงิน 1 พัน ล้านบาทขึ้นไป มีการนำเสนอมาทั้งหมด 44 โครงการ

อนามัยโลกปลื้ม “พี่ตูน” ก้าวคนละก้าว

จากนั้นเวลา 13.30 น. ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรี เยซุส ผอ.ใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ โดยนายกฯยืนยันว่าไทยจะสนับสนุนนโยบายขององค์การอนามัยโลก ทั้งหลัก ประกันถ้วนหน้า ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข สุขภาพของผู้หญิง เด็ก วัยรุ่น มุ่งเน้นให้มีมาตรการป้องกันปัญหาทางสาธารณสุข สนับสนุนให้ประชาชนออกกำลังกายสม่ำเสมอ ขณะที่ ผอ.ใหญ่องค์การอนามัยโลก ชื่นชมความสำเร็จการยุติปัญหาการถ่ายทอดเชื้อเฮชไอวี จากแม่สู่ลูก กามโรค หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และโรคเท้าช้าง และยังได้แสดงความประทับ ใจในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ของนายอาทิวราห์ คงมาลัยหรือตูน บอดี้สแลม โดยสนใจจะจัดกิจกรรมลักษณะนี้ที่สวิตเซอร์แลนด์เช่นกัน

ย้ำไม่หวังผลประโยชน์ไทยนิยม

ต่อมาเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนว่า โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ขอย้ำและทำความเข้าใจอีกครั้งว่ารัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังเพื่อผลประโยชน์อื่นใดเลย แต่เป็นการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ เข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา เรายังขาดกลไก ขับเคลื่อนสำคัญในระดับพื้นที่ จึงต้องสร้างการรับรู้ สร้างความเชื่อมโยงให้ประชาชนเข้าใจ จะได้เกิดความร่วมมือในลักษณะประชารัฐได้ชัดเจนขึ้นในระดับพื้นที่ ขอให้เข้าใจและร่วมมือกันด้วย ไม่ใช่มุ่งแต่โครงการที่รัฐบาลจะกำหนดลงไป อยากให้ทำงานสองทาง เกิดความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคประชาชน อยากให้รับรู้และเข้าใจว่าการทำงานของรัฐบาลตั้งใจเป็นอย่างยิ่งที่จะวางรากฐานวางระบบและแนวทางการปฏิรูป ไม่คิดว่าเป็นเรื่องง่ายและไม่ได้ต้องการให้ใครมาชื่นชมหรือสรรเสริญเยินยอ เพียงแต่ขอให้รับรู้และเห็นความตั้งใจ

นายกฯกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ มีการปรับปรุงและเพิ่มเติมช่องทางการสื่อสารระหว่างรัฐบาลกับประชาชน ดังนี้ 1.เวทีสื่ออยากรู้ รัฐบาลอยากเล่า ทุกเดือน 2.เวที Meet the press ทุกวันพฤหัสบดี 3.รายการ “เดินหน้าประเทศไทย” ทุกวัน 4.เฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าของสำนักโฆษกฯ สามารถฝากเรื่องราว คำถาม เสนอแนะเข้ามาได้ อะไรที่อยู่ในความสนใจ ไม่เข้าใจ จะอัดคลิปสัมภาษณ์พร้อมคำอธิบาย จากนายกฯ รองนายกฯ รัฐมนตรีหรือผู้บริหารหน่วยงาน ขอให้ติดตามได้ แลกเปลี่ยนความคิดกันได้

โต้สามี–ลูก “ปู” ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน

นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุถ้านายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี และนายศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือน้องไปก์ บุตรชาย อยู่ในบ้านของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ถูกยึดไว้ต้องจ่ายค่าเช่าว่า สะเทือนใจและเห็นใจอดีตนายกฯ เพราะถูกยึดบ้านทั้งที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดูข้อกฎหมายและแนวคำพิพากษาศาลฎีกาพบว่า กรณีถ้ามีการยึดบ้านของลูกหนี้ตามคำพิพากษา และเจ้าหนี้จะได้ค่าเช่านั้น ต้องเป็นกรณีในขณะหรือภายหลังยึดบ้านแล้วลูกหนี้ตามคำพิพากษา นำบ้านออกให้บุคคลอื่นเช่า เจ้าหนี้เรียกร้องค่าเช่านั้นได้ แต่กรณีนี้การยึดบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นการ ยึดทรัพย์โดยอาศัยคำสั่งทางปกครอง ก่อนที่ศาลจะ มีคำพิพากษา และข้อเท็จจริงเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่า บ้านดังกล่าวอดีตนายกฯร่วมพักอาศัยเป็นครอบครัว นายอนุสรณ์และน้องไปก์ไม่ใช่ผู้เช่า จึงไม่เป็นเหตุที่บุคคลทั้งสองจะต้องจ่ายค่าเช่าให้กับกระทรวงการคลัง คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวถือว่าเป็นการทำร้ายจิตใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์และคนในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง คำสัมภาษณ์ของนายวิษณุถือว่าไม่เป็นที่สุด ในกระบวนการขั้นตอนทางกฎหมายยังมีขั้นตอนที่ต้องต่อสู้กันอีกหลายขั้นตอน

ซัดเนติบริกรบิดเบือน ก.ม.ทำสับสน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ว่าด้วยค่าเช่าเศร้าใจที่สุด” เรื่องยึดทรัพย์ตามคำสั่ง คสช.หรือกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องไม่เคยมีในทางกฎหมาย ประหนึ่งเป็นกลยุทธ์นอกลู่นอกทาง ทางกฎหมายไม่ถือว่าเป็นการยึดทรัพย์ตามคำพิพากษาของศาล การพูดว่าคนในครอบครัวต้องเสียค่าเช่า ทั้งที่ไม่ใช่บ้านเช่า เป็นเรื่องน่าอนาถใจกับคนสั่งการจริงๆ เมื่อบ้านนั้นเขาไม่ได้นำออกให้เช่า ครอบครัวเขาอยู่ด้วยความเป็นเจ้าของในกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ที่บอกว่า “อยู่ได้ ต้องจ่ายค่าเช่า” เป็นการบิดเบือนทางกฎหมาย สร้างความสับสนให้ สังคมเข้าใจผิดในข้อกฎหมาย การจะคิดเอาค่าเช่าของเจ้าของทรัพย์ที่ยึดบังคับคดี จะเก็บค่าเช่านั้นมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ เขาต้องเอาทรัพย์สินออกให้เช่า ทางกฎหมายเรียกว่า ดอกผลนิตินัย ดังนั้นเจ้าของเดิมยังมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นอยู่ตราบเท่าที่ยังไม่มีการขายทอดตลาดเปลี่ยนมือไป อย่าเล่นการเมืองแล้วเสื่อม เพราะความดีที่มีในอดีตมันสูญสิ้นไปแล้ว ด้วยความเคารพ (คบไม่ได้)

“วิษณุ” ห่วง ก.ม.ฮั้วสร้างปมปัญหา

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวบรรยายโครงการอบรมหลักสูตร “นักบริหารยุทธศาสตร์ป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง” (นยปส.) รุ่น 9 หัวข้อ “นโยบายระดับประเทศและการปฏิรูปประเทศในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต” ตอนหนึ่งว่า จากนี้รัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐบาลมีหน้าที่ปฏิรูปประเทศ เดินตามยุทธศาสตร์ชาติและสร้างความสามัคคีปรองดอง แผนปฏิรูปประเทศจะประกาศใช้เดือน มี.ค. หน่วยราชการต้องปฏิบัติตาม ถ้าเตือนแล้วไม่ปฏิบัติตามคณะกรรมการปฏิรูปร้องไปยังคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติให้ส่ง ป.ป.ช.ตรวจสอบฐานจงใจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หน่วยราชการใดไม่ปฏิบัติตาม ถือว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเช่นกัน สำหรับร่าง พ.ร.บ.การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม แม้เจตนากฎหมายดี แต่อาจมีปัญหาเมื่อต้องตีความ เช่น การบัญญัติว่า “มิให้ เจ้าหน้าที่รัฐใช้ทรัพย์สินของทางราชการ” หมายถึง ใช้ของหลวงในทางส่วนตัวไม่ได้ ก่อให้เกิดการตีความ ว่า ข้าราชการเสียบปลั๊กชาร์จโทรศัพท์ถือว่าใช้ของหลวง ผิดหรือไม่ ซึ่งตีความแล้วว่าผิด จึงกำชับ สนช.ให้พิจารณารอบคอบ อาจมีการจ้องเอาผิดข้าราชการ พ.ร.บ.นี้จำเป็น แต่น่ากลัวหากคลุมเครือ

“ประวิตร” จี้เช็กสัญชาติต่างด้าว

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมแถลงแผนปฏิบัติการสนับสนุนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ และการดำเนินการออกใบอนุญาต ทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย (ตรีเทพ) ของคณะ กรรมการนโยบายการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว และการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน (กนร.) โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ตัวแทนหน่วยงาน เอกอัครราชทูตเมียนนา กัมพูชา และ สปป.ลาว องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ไอแอลโอ) และองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (ไอโอเอ็ม) เข้าร่วม โดย พล.อ.ประวิตรมอบนโยบายว่า ขอให้ทุกหน่วยงานร่วมมือทำให้สะดวก ลดขั้นตอน ระยะเวลา ต้องไม่มีทุจริตเรียกรับผลประโยชน์ ประสานร่วมมือกับประเทศต้นทาง ปรับระบบการทำงานเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่และเครื่องมือ เพื่อให้ทันกรอบเวลาวันที่ 30 มิ.ย. และขอบคุณทุกคนที่เสียสละ หากแก้ปัญหาค้ามนุษย์ได้สำเร็จ ไทยจะได้พ้นจากใบเหลือง

“บิ๊กอู๋” เร่งพิสูจน์ 8 แสนคนให้ทันเวลา

ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงานกล่าวว่า ยังเหลือแรงงานต่างด้าวอีก 8 แสนคน เป็นแรงงานกัมพูชา 4 แสนคน สปป.ลาว 1 แสนคนและเมียนมา 3 แสนคน รอพิสูจน์สัญชาติที่ได้
ขยายเวลาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิ.ย.61 โดยปรับแผนบูรณาการต้นทางร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ตำรวจ และกระทรวงแรงงาน เชื่อว่าจะทันตามเวลาที่กำหนด แต่ละจังหวัดมีตั้งศูนย์เคาน์เตอร์เซอร์วิสเพื่อให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาลงทะเบียน ขอวีซ่า เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.

นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวว่า อุปสรรคที่ทำให้การพิสูจน์สัญชาติล่าช้าคือ ไม่สามารถพิสูจน์แรงงานจากประเทศต้นทาง 8 แสนคนได้ และยังไม่มีฐานข้อมูลรวม สำหรับการพิสูจน์ทราบรายละเอียดของแรงงานบางส่วน จึงต้องเร่งจัดทำทะเบียนประวัติแรงงานต่างด้าวที่เข้าไทยอย่างผิดกฎหมายให้เป็นฐานข้อมูลเดียวกัน และต้องพิสูจน์สัญชาติแรงงานที่มีปัญหา 8 แสนคนให้เสร็จทันตามกรอบเวลา