ทําหุ่นคล้าย‘ผู้นํา’ก็ไม่ได้ นศ.มธ.โวยทหารบล็อก

คสช.ผวา คุมเข้มขบวนล้อการเมืองฟุตบอลจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ แอบสอดแนม นศ.มธ. ตีกรอบห้ามล้อ “นาฬิกาหรู-ผู้นำ-ทหาร” สั่งสแกนยิบหุ่นทุกตัวก่อนเข้าสนาม ปธ.กลุ่มล้อลั่นไม่ทำให้สังคมผิดหวังแน่ กห.เปิดประตูต้อนรับกลุ่มเชียร์ “บิ๊กป้อม” ยังเชื่อมั่นแต่ถูกการเมืองเล่น “บิ๊กป๊อก” ขอรูดซิปปากงดวิจารณ์ สมช.เด้งรับลูกมีกลุ่มจ้องทุบ รบ. พท.ร่อนแถลงสับรัฐไร้น้ำยา ซัดผู้นำไร้สัจจะก่อวิกฤติศรัทธาหมดชอบธรรมจี้คืนอำนาจ “มาร์ค” เห็นใจ “พี่ใหญ่” แต่ไม่วายแซะถ้าเคลียร์แต่แรกจบไปแล้ว “วิรัตน์” ขย่มรีบขจัดตัวถ่วง “องอาจ” แนะล้างสนิมเนื้อใน กรธ.แห่เบิร์ธเดย์ 80 ปี “มีชัย” ขอลากสังขารจนกว่าจะไม่ไหว “พรเพชร” ส่งร่าง 2 กฎหมายลูกถึง กรธ.-กกต.แล้ว “วิษณุ” แจง ยึดทรัพย์ “ปู” ไม่เอาถึงตาย ทนายจ่อขอทุเลาคำสั่ง

มรสุมการเมืองโหมกระหน่ำใส่รัฐบาล และคสช.หนักขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ถูกกระแสกดดันเรื่องนาฬิกาหรู ถึงกับประกาศกลางงานเลี้ยงนักข่าวสายทหารว่า หากประชาชนไม่ต้องการก็พร้อมจะไปจากตำแหน่ง

“บิ๊กตู่” สตาร์ตอัพทีมงานอีอีซี

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 1 ก.พ. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) ว่า ต้องทำคู่ขนานกันไป ทั้งลดปัญหาในพื้นที่ทำความเข้าใจประชาชนให้ได้ ให้เกิดการสนองตอบโครงการสำคัญของรัฐบาล มาตรการที่กำหนดลงไปต้องครอบคลุมประชาชนในพื้นที่ ผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ให้เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกัน ต่างประเทศคงไม่มีปัญหา เพราะหลาย ประเทศสนใจแจ้งความประสงค์มามาก ขอความ ร่วมมือส่วนราชการ ฝ่ายมั่นคง และเศรษฐกิจร่วมกันสนับสนุนเพื่อให้งานผ่านไปได้ด้วยดี ไม่สร้างปัญหาในอนาคต จะได้เกิดสิ่งใหม่ในประเทศ และเพิ่งทราบว่าร่างกฎหมายอีอีซีกำลังเข้าสู่การพิจารณาในชั้นกรรมาธิการของ สนช. ยืนยันทำทุกอย่างอยู่บนความหวังดี และเจตนาบริสุทธิ์ แต่หลายส่วนยังตีความเกินเลย ทำให้ทำงานยากขึ้น จึงต้องทำความเข้าใจในทุกขั้นตอนให้มากขึ้น

...

กห.เปิดประตูรับกลุ่มหนุน

ที่บริเวณหน้ากระทรวงกลาโหม กลุ่มตัวแทนชาวบ้านคลองลาดพร้าว ชาวบ้านตลิ่งชัน กลุ่มพ่อค้า อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และชาว จ.สมุทรปราการ ประมาณ 40 คน เดินทางมาให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม หลังประกาศว่าหากประชาชนไม่ต้องการก็พร้อมจะไปจากตำแหน่ง โดยมี พล.อ.รุ่งโรจน์ จำรัสโรมรัน ผู้ช่วย รมต.กลาโหม เป็นตัวแทนกล่าวต้อนรับว่าจะนำเรียน พล.อ.ประวิตรว่ามีประชาชนหลายจังหวัดมาให้กำลังใจ และขอบคุณทุกกลุ่มที่มาในวันนี้ ด้านกลุ่มประชาชนที่มาให้กำลังใจชี้แจงว่า ที่มาวันนี้ไม่ได้นัดแนะ หรือจัดตั้งกลุ่มกันมา แต่เชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประวิตรที่ทำประโยชน์ให้มากมาย แต่ที่ผ่านมามองว่าเป็นเรื่องการเมือง และอยากให้ท่านสุขภาพแข็งแรง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับภารกิจของ พล.อ.ประวิตร ตั้งแต่ช่วงเช้าให้การต้อนรับคณะนาย Song Young-moo (ซง ยอง-มู) รมว.กลาโหมเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเกาหลีใต้ โดยมีพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสมสามเหล่าทัพ จากนั้นช่วงบ่ายเป็นประธานการประชุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมเครือข่ายยาเสพติดทั่วประเทศครั้งใหญ่ ควบคู่กับการปราบปรามผู้มีอิทธิพล

“บิ๊กป๊อก” รูดซิปปากงดวิจารณ์

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ยังไม่ได้เจอกับ พล.อ.ประวิตร เรื่องดังกล่าวเป็นความคิดเห็น คงไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ความคิดเห็นของท่าน หรือความคิดเห็นใคร เดี๋ยวเกิดเป็นประเด็นขึ้นมา แต่ที่ พล.อ.ประวิตรพูดมา คงอยากถ่ายทอดออกมาว่าที่ผ่านมาท่านได้ทำงานอะไรไปแล้วบ้าง

สมช.รับลูกมีกลุ่มจ้องทุบ รบ.

พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ระบุว่ายังมีกลุ่มจ้องโจมตีรัฐบาลนั้น อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯและหัวหน้า คสช. ชี้แจงว่า เป็นช่วงที่รัฐบาลทำงานมานานพอถึงจุดหนึ่งมีความพยายามทำให้รัฐบาลอ่อนแอ ลดเครดิตความน่าเชื่อถือ และเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง กลุ่มการเมืองต่างๆจึงออกมาเพื่อประโยชน์ของตน บั่นทอนรัฐบาลก่อกระแสความวุ่นวายขึ้นมา เชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้พยายามเคลื่อนไหวต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ทางการเมืองจะมีการเคลื่อนไหวมากขึ้น ส่วนจะขยายไปสู่ความวุ่นวายหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ งานด้านการข่าวมีเจ้าหน้าที่ติดตามอยู่ตามกรอบกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินขบวน การแสดงความคิดเห็นต่างๆ

...

พท.ร่อนแถลงสับ คสช.ไร้น้ำยา

วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยออกคำแถลงระบุว่า หลัง คสช.เข้ายึดอำนาจการปกครอง คสช.และรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่กลับสร้างปัญหาสำคัญที่จะเป็นวิกฤติชาติในอนาคต ดังนี้ 1.ใช้อำนาจหัวหน้า คสช. ออกประกาศและคำสั่ง จำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชน 2.แต่งตั้งคนของตนทำหน้าที่ในองค์กรอิสระและองค์กรต่างๆ ทำให้ขาดความเป็นอิสระถูกชี้นำ 3.ใช้กลไกที่ตนสร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนการสืบทอดอำนาจ 4.ไม่เคารพและยึดมั่นในรัฐธรรมนูญ ล่าสุดพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ข่มขู่ผู้ที่ออกมาเรียกร้องให้คืนสิทธิเสรีภาพ โดยอ้างว่าเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เป็นถ้อยคำที่แสดงให้เห็นว่าไม่ยอมรับในการมีรัฐธรรมนูญ

ซัดผู้นำไร้สัจจะก่อวิกฤติศรัทธา

คำแถลงยังระบุอีกว่า 5.ไม่สามารถแก้ปัญหาสำคัญของประเทศ ล้มเหลวในการสร้างความสามัคคีปรองดอง เพราะ คสช.เป็นคู่ขัดแย้งเอง กระบวนการสร้างความปรองดองผิดพลาด นำแต่พวกพ้องเครือข่ายเข้ามาเป็นกรรมการ ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมได้ ไม่สามารถแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันได้ คนในรัฐบาลมีข่าวเกี่ยวข้องกับการทุจริตต่อเนื่อง สร้างกลไกในองค์กรอิสระปกป้องพวกพ้องและเครือข่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. มีปัญหาวิกฤติศรัทธาไม่สามารถนำพาประเทศต่อไปได้ เพราะไม่รักษาคำพูดในเรื่องต่างๆ เช่น เรื่องเลือกตั้ง ไม่มีความจริงใจที่จะคืนอำนาจให้ประชาชน ให้สัญญาไว้แต่ผิดคำพูดมาตลอด

...

หมดชอบธรรมต้องคืนอำนาจ

คำแถลงระบุว่า จากข้อเท็จจริงและพฤติกรรมที่กล่าวมาข้างต้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่า คสช. รัฐบาล และแม่น้ำ 5 สาย เข้าข่ายสมคบคิดใช้กลไกทางอำนาจ และกลไกตามรัฐธรรมนูญที่สร้างขึ้น เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันให้ได้อยู่ในอำนาจต่อไป มีการโกงกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของตนและพวกพ้อง ผิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อนานาชาติและประชาชน สิ่งเหล่านี้ทำให้ คสช. และรัฐบาลหมดความชอบธรรม 4 ปีของการยึดอำนาจ พิสูจน์ให้คนไทยและสังคมโลกเห็นอีก ครั้งว่า การรัฐประหารโดยล้มล้างการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยไม่อาจแก้ไขปัญหาประเทศได้ ตรงกัน ข้ามกลับสร้างปัญหาและผลกระทบในวงกว้าง ทางออกที่ดีที่สุดคือคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว

เย้ยยิ่งกดดันยิ่งเจอแรงต้าน

นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลตั้งข้อหาดำเนินคดีต่อกลุ่ม ประชาชน เอ็นจีโอ อาจารย์ และนักศึกษา ที่ออกมาแสดงความคิดเห็น เป็นการละเมิดและคุกคามสิทธิ เสรีภาพประชาชน ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญ การแสดงออกของกลุ่ม We walk และกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้กระทบกระเทือนสิทธิส่วนบุคคลใคร ทั้งการอยากให้ประเทศกลับคืนสู่วิถีประชาธิปไตย อยากเห็นการเลือกตั้งที่โปร่งใสยุติธรรม หรือกรณีแหวนเพชรแม่ นาฬิกาเพื่อน น่าจะเป็นประโยชน์หากรัฐบาลยอมรับและดำเนินการเปิดเผย จะสง่างามกว่าการใช้อำนาจข่มขู่คุกคาม และภายใต้รัฐธรรมนูญบุคคลย่อมมีเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น การที่รัฐบาลหรือ พล.อ.ประวิตรระบุว่ารัฐบาล คสช.เป็นรัฏฐาธิปัตย์นั้น ไม่ถูกต้อง เพราะความเป็นรัฏฐาธิปัตย์สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อวันที่ 6 เม.ย.2560 สังคมไทยมีลักษณะยิ่งกดแรงยิ่งมีความรุนแรงในการต้านกลับ จึงไม่เห็นด้วยกับที่รัฐบาลดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มประชาชนที่เรียกร้องตามกรอบรัฐธรรมนูญและกฎหมาย

...

“มาร์ค” เห็นใจ “บิ๊กป้อม” ถูกกดดัน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นใจ พล.อ.ประวิตร คนทำงานมักมีความรู้สึกว่าพยายามทำหลายสิ่งหลายอย่างที่เป็นประโยชน์แล้ว แต่หลายครั้งมีกระแสความไม่พอใจของสังคม เข้าใจความรู้สึกนี้ แต่หลายคนพยายามพูดมาตลอดว่า หากชี้แจงให้โปร่งใสเป็นระบบมาตั้งแต่ต้น คงไม่ลุกลามบานปลาย จนกลายเป็นสิ่งที่ย้อนกลับมารบกวนใจตัวเอง และรัฐบาลมากมายขนาดนี้ ในต่างประเทศหลายครั้งต้องมีการชี้แจง หรือแสดงความรับผิดชอบ เขาไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องถูกหรือผิด แต่เขามองว่าเมื่อกระแสสังคมไปถึงจุดหนึ่งแล้ว ต้องทำอะไรเพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้กลายมาเป็นอุปสรรคต่อการที่บ้านเมืองจะเดินหน้า หากจะหยุดยั้งเรื่องนี้คงยาก ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าต้องทำให้ชัดเจนโปร่งใส

สวนนายกฯไม่ได้มีแค่ 2 ทางเลือก

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ท้าทายว่าจะเอาแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบัน หรือย้อนกลับไปแบบเก่านั้น สรุปง่ายไป ประเทศมีทางเลือกที่ดีกว่าทั้ง 2 ทางนี้ แต่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำ และยังเป็นภารกิจหลักที่ คสช.ประกาศไว้ว่าเข้ามาเพื่อปูทางไปสู่สิ่งที่ดีกว่า แต่วันนี้กลับให้สังคมเลือกจะเอาแบบนี้หรือแบบเก่า ยังเชื่อว่าประเทศมีทางเลือกดีกว่านี้แน่นอน การแก้ปัญหาถ้าไม่ไปทบทวนดูว่าที่เกิดภาวะจนเป็นขาลงเช่นนี้ เกิดจากอะไร ต้องแก้ตรงไหน การจะไปแก้โดยวิธีอื่นมันยาก จะเบี่ยงเบนประเด็น หรือพยายามไปสร้างอะไรใหม่ๆขึ้นมา คงไม่ใช่ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกระทบกับความนิยมมีพื้นฐานอยู่แค่ 3 ตัว คือ 1.ภาวะเศรษฐกิจของประชาชน 2.ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ความไม่โปร่งใส และ 3.ความคาดหวังเรื่องการปฏิรูป ต้องไปแก้ที่ 3 ปมนี้ ถ้าคลาย 3 ปมนี้ได้ภาวะนี้จะผ่อนคลาย แต่ไม่ง่ายเพราะนักการเมืองเจอภาวะเช่นนี้มาเกือบทั้งนั้น

“นิพิฏฐ์” วอนศาลปลดชนวน ม.44

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อผู้นำไม่รักษาคำพูดประชาชนจะออกมาเรียกร้องและท้าทายมากขึ้น เพราะไม่กลัวคำสั่ง คสช. หากดำเนินคดีอย่างเคร่งครัดจะยิ่งมีแนวร่วมเพิ่มขึ้น เชื่อว่าหากยังไม่ยุติการท้าทายประชาชน จะมีการชุมนุมเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด จน คสช.ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เลิกท้าทายประชาชนแล้วเดินหน้ารักษาคำพูดทำตามโรดแม็ป อย่าออกนอกเส้นทางหรือใช้เทคนิคทางกฎหมายยืดอายุให้รัฐบาล แม้ คสช.จะมีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ แต่เมื่อมีรัฐธรรมนูญบังคับใช้แล้ว อำนาจนั้นต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญปัจจุบัน ดังที่เห็นได้จากศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองการทำกิจกรรมของประชาชนที่ถูกกล่าวหาว่าขัดคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ต่อจากนี้เชื่อว่าจะมีเรื่องให้ศาลต้องออกคำสั่งคุ้มครองมากขึ้น เชื่อว่าที่สุดทั้งศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นทางออกในการ กำหนดทิศทางประเทศว่าจะไปทางไหน โดยเฉพาะการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ที่เป็นชนวนทำให้เกิดความวุ่นวาย ศาลรัฐธรรมนูญควรวินิจฉัยการใช้อำนาจพิเศษว่าต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างไร

“วิรัตน์” จี้นายกฯรีบขจัดตัวถ่วง

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรค ประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสสังคมกดดันให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง ว่า ในอดีตรัฐบาลของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกฯ ที่เคยยืนยงคงกระพันเพราะไม่เอาคนมีชื่อเสียงไม่ดีมาร่วมงาน คำนึงถึงประโยชน์ชาติเป็นที่ตั้ง ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของพวกพ้อง กระแสสังคมทุกวันนี้เกือบจะเป็นเสียงเดียวกันว่าอยากให้นายกฯรีบตัดสินใจในสิ่งที่เห็นว่าเป็นตัวถ่วงรัฐบาล ไม่ว่าจะมีหนี้บุญคุณส่วนตัวกันแค่ไหนก็ตาม หวังว่านายกฯจะตระหนักในเรื่องนี้ ถ้าไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ ประชาชนคงไม่ให้โอกาส ถ้ายังยื้อกับกระแสสังคมต่อไปแบบนี้ ทำให้โอกาสที่อยากจะกลับมาเป็นนายกฯคนนอกลดลงไปเรื่อยๆ

“องอาจ” แนะล้างสนิมเนื้อใน

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายกฯต้องประเมินให้ได้ว่ากระแสต้านรัฐบาล และ คสช. สาเหตุของขาลงเกิดจากปัจจัยใด เมื่อพบสาเหตุแล้วควรไปแก้ให้ตรงจุด ตัวอย่างในอดีตทั้งในประเทศไทย รวมถึงทั่วโลก รัฐบาลขาลงมักเกิดจากปัจจัยภายในรัฐบาล มากกว่าปัจจัยภายนอก ถ้าพบสนิมเนื้อในตนแล้วกลับไม่แก้ไข จะบริหารประเทศเดินหน้าต่อไปได้ลำบากมากขึ้น หากทำเป็นไม่เห็นสาเหตุ ยิ่งเกิดความลำบากมากยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าพบสนิมเร็ว แล้วพยายามแก้ไข จะช่วยทุเลาเบาบางได้

ย้อน “ศรีวราห์” อย่าเลือกปฏิบัติ

นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทยโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ม็อบเชียร์ก็ผิดเหมือนกัน” กลุ่มมวลชนที่มาหน้ากระทรวงกลาโหม เชียร์ให้ พล.อ.ประวิตรอยู่ในตำแหน่งต่อไป เป็นการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับประชาชนที่ได้มาทวงสิทธิเลือกตั้งที่สกายวอล์ก แต่ถูก คสช.นำมาร้องทุกข์ให้ดำเนินคดี และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. รีบรับลูกทันควัน จึงขอให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ สั่งการให้ ผกก.สน.พระราชวัง ดำเนินคดีกับม็อบที่มาเชียร์ พล.อ.ประวิตร เพราะถือเป็นการชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน ขัดคำสั่งหัวหน้า คสช. และขัด พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และขอให้สอบสวนด้วยว่าใครอยู่เบื้องหลังม็อบ ใครเป็นท่อน้ำเลี้ยง ขอให้ สตช.รีบออกหมายเรียกด้วย ขอเตือนว่าอย่าเลือกปฏิบัติเด็ดขาด

คสช.ผวาคุมเข้มขบวนล้อการเมือง

วันเดียวกันที่กองบัญชาการล้อการเมือง หลังตึกกิจกรรมนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต กลุ่มนักศึกษาร่วมกันจัดทำหุ่นที่จะใช้จัดแสดงในขบวนพาเหรดล้อการเมือง ในงานฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 72 ที่จะจัดขึ้นที่สนามศุภชลาศัย วันที่ 3 ก.พ. โดยนายลัทธพล ยิ้มละมัย นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 ประธานกลุ่มอิสระล้อการเมืองแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า มีนักศึกษาลงทะเบียนเข้าร่วมขบวนพาเหรดล้อการเมืองแล้วกว่า 300 คน ปีนี้มีการจัดทำหุ่นล้อ 6 ตัว ยังคงรูปแบบเดิมคือ ล้อประเด็นที่สะท้อนถึงปัญหาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง แต่ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบไม่ทราบว่าเป็นทหารหรือตำรวจ เข้ามาแอบบันทึกภาพการทำกิจกรรม มาถามหาข้อมูลว่าจะทำหุ่นล้ออะไร และมีผู้อ้างว่าเป็นทหารโทร.มาขอเข้าไปตรวจหุ่นก่อน แต่ทางกลุ่มขอให้ไปเจรจากับทางสมาคมศิษย์เก่า มธ.ซึ่งเป็นผู้จัดงานแทน

ห้ามล้อ “นาฬิกา–ผู้นำ–ทหาร”

นายลัทธพลกล่าวว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ม.ค. มีเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงหน่วยหนึ่ง นัดหมายผู้บริหารสมาคมศิษย์เก่า มธ. และตัวแทนกลุ่มอิสระล้อการเมือง เข้าพูดคุยทำความเข้าใจ เบื้องต้นกรอบการล้อการเมืองปีนี้ คือ ห้ามไม่ให้ล้อเรื่องนาฬิกา ห้ามเอ่ยชื่อองค์กรตัวบุคคล ห้ามทำหุ่นที่มีลักษณะคล้ายผู้นำทหาร ผู้นำประเทศ และกังวลว่าจะมีนักกิจกรรม หรือนักศึกษาที่เคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้เข้ามาร่วมในกิจกรรม โดยเจ้าหน้าที่ทหารนัดหมายตรวจหุ่นล้อการเมืองทุกตัวก่อนเข้าสนามในเวลา 09.00 น.วันที่ 3 ก.พ. ก่อนเริ่มงาน ทีมงานไม่รู้สึกหนักใจเพราะการล้อจะทำตามขอบเขตที่ได้เสนอร่างแผนงานส่งไปให้ทางสมาคมศิษย์เก่าฯไปก่อนหน้านี้ทุกอย่าง แต่นอกเหนือจากนั้นเป็นสิทธิ์ของเรา และยืนยันว่าไม่มีการละเมิดสิทธิ์หรือตัดสินบุคคล หรือตัดสินใครว่าผิดแน่นอน

ลั่นไม่ทำให้สังคมผิดหวังแน่

“ยอมรับว่ากิจกรรมพาเหรดการล้อการเมืองปีนี้ถูกสังคมจับตามากเป็นพิเศษ กลุ่มล้อการเมืองจะขอทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ตามที่ถูกสังคมคาดหวัง ไม่ผิดหวังแน่ อะไรที่มีผลกระทบสังคมเราจะล้อ แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับข้อจำกัดของเจ้าหน้าที่ แต่การถูกปิดกั้นการล้อในขบวนพาเหรดนั้น ทำให้เหมือนประเทศที่เราอยู่ไม่ใช่ของประชาชน อะไรที่คิดกลับพูดไม่ได้ ปัญหาสะท้อนถึงรัฐบาลไม่ได้ แล้วจะมีรัฐบาลทำไม ถ้าจะมายึดหุ่นก็ยึดไป แต่คงต้องคุยกันยาว เพราะทางสมาคมศิษย์เก่าฯแจ้งไว้แล้วว่า ถ้าจะยึดต้องแจ้งสมาคมก่อน และห้ามไม่ให้ถูกเนื้อต้องตัว นศ.ที่ทำกิจกรรม” นายลัทธพลกล่าว

กรธ.เบิร์ธเดย์ “มีชัย” ครบ 80 ปี

ช่วงบ่ายวันเดียวกันที่รัฐสภา ก่อนการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นายสุพจน์ ไข่มุกด์ รองประธาน กรธ. เป็นตัวแทน กรธ.มอบกระเช้าดอกไม้ และอวยพรวันคล้ายวันเกิดล่วงหน้าให้กับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ที่จะอายุครบ80ปี ในวันที่ 2 ก.พ. นายสุพจน์นำกล่าวอวยพรว่า พวกเราไม่มีอะไรจะให้ ขอเป็นกำลังใจให้ ตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา มีโอกาสร่วมทำงานพบเห็นว่าท่านอุทิศทั้งตัวและใจทำงานให้ประเทศชาติ เราผูกพันกันมาร่วมกันทำงานในยามวิกฤติบ้านเมืองเพื่อให้ประเทศเดินได้ ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง และรับใช้ประเทศชาติจนกว่าจะหมดแรง ด้านนายมีชัยกล่าวว่า ขอบคุณทุกคนที่ได้ทำงานยากลำบากแสนสาหัสมาด้วยกัน เหนื่อยยากทั้งกายและใจ แต่เป็นการสาหัสเพื่อส่วนรวม ขอให้ทุกคนร่วมกันทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมและประเทศต่อไป

ขอตั้งคณะศึกษา ก.ม.ลูกก่อน

ต่อมานายมีชัยให้สัมภาษณ์ว่า กรธ.ได้รับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.แล้ว จะตั้งคณะทำงานมาพิจารณารายละเอียดแยกรายฉบับ ตอบไม่ได้ว่าจะทำความเห็นโต้แย้งนำไปสู่การตั้งกรรมาธิการร่วมหรือไม่ ต้องรอฟังความเห็นจากที่ประชุม กรธ.ก่อน สำหรับร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. ที่ สนช.แก้ไขขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายออกไป 90 วัน เหตุผลรับฟังได้ ส่วนร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่ สนช.แก้ไข อาทิ การลดจำนวนกลุ่มผู้มีสิทธิสมัครเหลือ 10 กลุ่มอาชีพ แก้ไขวิธีการเลือก อาจเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาและอธิบายถึงเจตนาของ กรธ. ต้องการให้ ส.ว.เป็นสภาของประชาชน และออกแบบกลไกไม่ให้เกิดการสมยอม ป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองแทรกแซงผ่านผู้สมัคร ส่วนการเลือกตั้งจะถูกล้มกระดานหรือไม่ คงไม่เป็นเช่นนั้น ยังตอบไม่ได้ แต่หากเกิดขึ้น สนช.ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

“พรเพชร” ย้ำไม่คิดคว่ำ 2 ก.ม.ลูก

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ส่งร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ให้ กรธ. และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว หากมีข้อโต้แย้งมาต้องตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายพิจารณาใน 15 วัน เชื่อว่าไม่ทำให้การเลือกตั้งเลยช่วงเวลาเดือน ก.พ.2562 เพราะเป็นขั้นตอนปกติ จะกระทบต่อเมื่อมีการคว่ำกฎหมายเกิดขึ้น จะเป็นปัญหา หรือหากส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาจะกระทบต่อวันเลือกตั้งเช่นกัน เป็นการยกตัวอย่าง เดี๋ยวจะกล่าวหาว่าชี้นำให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ หรือบอกว่าจะคว่ำกฎหมาย ไม่เกี่ยวกัน พูดมาหลายเดือนแล้ว สนช.ไม่คิดจะคว่ำอะไร

กมธ.ร่วมแก้เยอะมีปัญหาแน่

เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุมีการคว่ำร่าง กฎหมายลูก สนช.จะรับผิดชอบอย่างไร นายพรเพชรตอบว่า คว่ำหมายความว่าไม่เห็นด้วย แต่ร่างกฎหมายผ่านวาระ 3 ไปแล้ว ถ้า กรธ.ไม่ได้โต้แย้ง หรือโต้แย้งนิดหน่อย จะไปคว่ำได้อย่างไร แต่ถ้ามีเปลี่ยนแปลงมาจากร่างที่ผ่าน สนช.ไปแล้ว ก็เป็นประเด็นปัญหา เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะมีการคว่ำร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับนี้ ประธาน สนช.ตอบว่า ยังไม่ทราบปัญหา ยกตัวอย่างร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่ง กรธ.ไม่ได้โต้แย้ง แต่มีความเห็นในลักษณะให้ สนช.ควรส่งศาลรัฐธรรมนูญ สนช.ก็ส่ง และศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้แล้ว จะพิจารณาในวันที่ 5 ก.พ. โดยนายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน สนช. จะไปชี้แจง คาดว่าสัปดาห์ถัดไปศาลรัฐธรรมนูญคงวินิจฉัย

โต้ สนช.ไร้น้ำหนักล็อบบี้ กกต.

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกวิป สนช. กล่าวว่า กรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ให้ข่าวว่า สนช. โทร.ไปล็อบบี้ ให้ กกต.ทำความเห็นแย้งกฎหมายลูก ส.ส. ไม่ให้มีการจัดมหรสพหาเสียงตามเดิมนั้น ไม่รู้ว่าเรื่องที่นายสมชัยพูดเป็นจริงหรือไม่ ถ้ามีคนโทร.ไปจริงก็เป็นดุลพินิจของ กกต.ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ที่ผ่านมาเรื่องมหรสพมีสมาชิก สนช. รวมถึงตัวแทน กมธ.อภิปรายคัดค้าน แต่ต่อจากนี้ขึ้นอยู่กับมติของ กกต.ทั้งคณะว่าจะเห็นอย่างไร ถ้าเห็นว่าขัดหรือแย้ง หรือไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ก็ทำความเห็นแย้งเป็นมติ กกต. มาที่ประธาน สนช. เพื่อขอตั้ง กมธ.ร่วม 3 ฝ่าย ขอย้ำว่าเรื่องการล็อบบี้ตนไม่ทราบ สนช.กับรัฐบาล คงไปล็อบบี้ไม่ได้ ยิ่งก่อนหน้านี้ สนช.ไปเซ็ตซีโร่เขา ดังนั้นด้วยคำพูดของ สนช.คงไม่มีอิทธิพลต่อการโน้มน้าวความคิดของ กกต.แน่ๆ

“สมชัย” ท้าเหยงเช็กสายดูก็รู้

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ให้สัมภาษณ์ว่า กรณี สนช.ท้าให้เปิดเผยชื่อบุคคลที่โทร.มาขอให้ กกต.เสนอความเห็นแย้งเรื่องการจัดมหรสพหาเสียง ทั้งๆที่ผู้ที่โทร.มาเป็นตัวตั้งตัวตีสำคัญเสนอให้มีมหรสพเองนั้น ยืนยันว่ามีจริง เป็นคนที่รู้จักคุ้นเคยมานาน แต่คงไม่เหมาะสมที่จะเปิดเผยชื่อ เดี๋ยวจะเสียหายไปมากกว่านี้ เพราะประเด็นที่พูดคุยยังมีการขอร้องมากกว่านั้นอีก ไม่ได้ว่า สนช.ทั้งสภา เชื่อว่าคงพิจารณาเรื่องนี้โดยรอบคอบแล้ว และในฐานะหน่วยปฏิบัติพร้อมทำตามที่กฎหมายบัญญัติ แต่หากใครอยากรู้ชื่อให้ไปถามตำรวจ ขอเช็กข้อมูลในโทรศัพท์มือถือได้ว่า มีใครที่เป็น สนช.โทร.มาหาตนเมื่อวันที่ 29 ม.ค. คงทราบชื่อโดยไม่ยาก

“วิษณุ” ให้ สน.งบฯดูงบเลือกตั้ง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ กกต.ระบุจะใช้งบประมาณ 5,800 ล้านบาท ในการจัดการเลือกตั้งครั้งต่อไป ว่า เรื่องนี้ต้องส่งไปให้สำนักงบประมาณพิจารณา หากการเลือกตั้งเกิดขึ้น ก่อนเดือน ก.ย.2562 จะใช้งบประมาณปี 62 ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ประเมินงบประมาณที่จะใช้จัดการเลือกตั้งไว้ประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยใช้ฐานจากการ ออกเสียงประชามติครั้งล่าสุด แต่ กกต.มีสิทธิเสนอของบประมาณเพิ่มเติมเมื่อเห็นว่างบประมาณที่มีอยู่ไม่เพียงพอได้

เห็นข้อเสียจัดมหรสพมากกว่า

เมื่อถามว่า กกต.เห็นว่ามี 4 ประเด็นในร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. อาจขัดรัฐธรรมนูญ นายวิษณุตอบว่า ไม่มีใครตอบได้ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ นอกจากศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อมีข้อสงสัยต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ในอดีตเคยให้พรรคการเมืองจัดมหรสพตอนหาเสียง แต่เมื่อเห็นว่ามีปัญหาจึงยกเลิกไป ต่อมา สนช.เห็นว่าควรจะมีขึ้นมาอีกไม่ให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเงียบเหงา ที่สุดขึ้นอยู่กับการ พิจารณาของกรรมาธิการร่วม ส่วนที่มีการวิจารณ์กัน ว่าการจัดมหรสพจะทำให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างพรรคการเมืองนั้น ที่ผ่านมามีกรณีเช่นนี้ จึงต้องยกเลิกไป แม้จะเป็นผลดีที่รณรงค์ให้คนอยากมาใช้สิทธิ แต่ก็เปิดทางให้ทุจริตคอร์รัปชัน แจกเงิน แจกทอง การจัดมหรสพมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ส่วนตัวเห็นว่ามีข้อเสียมากกว่า

กกต.เล็งโต้แย้งสองประเด็น

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รักษาการเลขาธิการ กกต. กล่าวในงานประชุมผู้บริหารสำนักงาน กกต. เพื่อเผยแพร่ความรู้รัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งว่า คาดว่า 1-2 วันนี้ จะได้รับร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ทางสำนักงานฯต้องจัดทำประเด็นโต้แย้งเสนอต่อที่ประชุม กกต. เบื้องต้นมีประเด็นเรื่องระยะเวลาการลงคะแนน ระหว่าง 07.00 น. ถึง 17.00 น.รวมทั้งเรื่องการจัดมหรสพ เพราะถือเป็นการจูงใจ ทำให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ การปฏิรูปการเลือกตั้งต้องการให้พรรคการเมืองใช้ทุนน้อยที่สุด แต่กลับให้จัดมหรสพได้ ถือว่าขัดกับโจทย์สำคัญ ทั้งนี้การเลือกตั้งครั้งหน้า กกต.จะใช้งบประมาณจำนวน 5,800 ล้านบาท จากเดิม 3,000 ล้านบาท ในส่วนที่เพิ่มขึ้น 2,800ล้านบาท เพื่อให้รัฐสนับสนุนลงมาช่วยผู้สมัครในการหาเสียง ทำให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือกจากนโยบายพรรคมากกว่า

“พงศ์เทพ” อัดกลัวหมดอำนาจ

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายก-รัฐมนตรีและแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่า หากร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ผ่านขั้นตอนกรรมาธิการร่วมแล้วยังมีประเด็นสงสัย มีผู้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ อาจทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปอีก ว่า เราเห็นตั้งแต่การคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณแล้ว นายบวรศักดิ์ยังบอกเองว่าเขาอยากอยู่ยาว หลังจากนั้นชุดร่างของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ใช้เวลาร่างนานกว่าที่ควรจะเป็น และยังถ่วงร่างกฎหมายลูกที่สำคัญต่อการเลือกตั้งทั้ง 4 ฉบับเอาไว้จนวันสุดท้าย จากนั้นออกคำสั่ง คสช.สารพัด ทำให้การเดินหน้าสู่การเลือกตั้งยืดออกไป รวมถึงคำให้สัมภาษณ์ทั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร พูดในลักษณะจะยืดการเลือกตั้งออกไป แทนที่จะบอกว่าจะยึดตามที่ประกาศไป ส่อให้เห็นว่าจะอยู่ในอำนาจให้นานที่สุด ทั้งหมดอยู่ในกลไกแม่น้ำของคสช.ทั้งสิ้น ถ้าเลือกตั้งเร็วก็หมดอำนาจเร็ว ไม่ผิดจากที่คาดหมาย

“อ๋อย” ชี้แท็กติกครองเกมยาว

นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่ คสช.และแม่น้ำ 5 สายกำลังทำคือ เลื่อนเลือกตั้งออกไปให้นานที่สุด กำหนดเนื้อหาให้เป็นประโยชน์ต่อการได้นายกฯคนนอก จุดหมายคือทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ให้มั่นใจ ส.ว.เกือบทั้งหมดอยู่ในมือ คสช. และพวก ทั้งหมดคือยุทธศาสตร์เดียวกัน แค่แบ่งบทกันเล่น เป็นแท็กติกที่กำหนดไว้แต่ต้นแล้ว ดังนั้น พรรคการเมืองไม่ควรให้ความสำคัญว่าจะเลือกตั้งวันไหน แต่ควรให้ความสำคัญกับแผน คสช.ที่จะอยู่ในอำนาจไปอีก 10-20 ปี อันตรายกับประเทศมาก

ปชป.กระทุ้งยิ่งเลื่อนยิ่งเสื่อม

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลใช้มาตรา 44 ออกคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 และ สนช.แก้ไขร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายออกไป 90 วัน จึงไม่มีอะไรแปลกใจหากจะมีการจัดเตรียมประเด็นส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความเพิ่มอีกขั้นตอนหนึ่ง เพราะมีเรื่องแปลกๆออกมาเป็นระยะ เสียงสังคมต่างเรียกร้องให้เดินตามโรดแม็ป หากเลื่อนเวลาออกไปย่อมกระทบต่อรัฐบาล คสช.ในด้านลบมากขึ้น เครดิตรัฐบาลจะยิ่งเสื่อมลง ล่าสุดการแสดงออกโดยการเดินมิตรภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาล คสช.ยังสั่งให้ตำรวจจับกุมดำเนินคดี แม้ศาลปกครองกลางจะมีคำสั่งคุ้มครอง คนส่วนหนึ่งคงมองว่ารัฐบาล คสช.บ้าอำนาจ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ และองคาพยพ คสช.ทั้งหมด

แจงยึดทรัพย์ “ปู” ไม่เอาถึงตาย

อีกเรื่องนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการยึดทรัพย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังศาลปกครองยกคำร้องขอทุเลาคำสั่งยึดทรัพย์ในคดีจำนำข้าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์สามารถมอบหมายให้ทนายยื่นขอทุเลาคำสั่งได้ ส่วนการยึดบ้านต้องดูว่าเป็นชื่อใคร ถ้าเป็นสินสมรสสามารถยึดได้เฉพาะส่วนหนึ่ง ส่วนจะสามารถขายทอดตลาดได้หรือไม่นั้น ถ้าพิจารณาแล้วเห็นว่าทำได้ก็ทำเลย ถ้าเป็นสินสมรสก็ไม่ควรทำ หรืออาจมีเรื่องคดีตามมาก็อย่าเพิ่งทำ กรมบังคับคดีพิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่ควรขาย เพราะอาจร้องขอให้ทุเลาคำสั่งยึดทรัพย์อีก ยืนยันทุกฝ่ายทำอย่างพอสมควร ไม่ใช่จะเอาเป็นเอาตาย เมื่อถามว่า เมื่อกรมบังคับคดีอายัดบ้านแล้วคนในครอบครัว น.ส.ยิ่งลักษณ์สามารถอยู่อาศัยต่อไปได้หรือไม่ นายวิษณุตอบว่า อยู่อาศัยได้แต่ต้องขออนุญาตหรือเสียค่าเช่า ไม่ใช่อยู่ในฐานะเจ้าของบ้าน

ทนายจ่อยื่นขอทุเลาคำสั่งอีก

นายนพดล หลาวทอง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ทีมทนายจะยื่นขอทุเลาการบังคับคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์อีกครั้งต่อศาลปกครองเร็วๆนี้ เนื่องจากเห็นว่ามีทรัพย์หลายรายการที่จำเป็นต้องขอทุเลา โดยเฉพาะบ้านพักในซอยโยธินพัฒนา 3 ที่ขณะนี้สามีและบุตรชายของอดีตนายกฯยังคงพักอาศัยอยู่ หากขายทอดตลาดออกไป จะไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ และยากแก่การเยียวยาในภายหลัง ที่สำคัญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เคยมีพฤติการณ์ยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหรือดำเนินการใดๆในการสร้างภาระผูกพันกับทรัพย์สินดังกล่าว

คลังส่งข้อมูลไปตามหน้าที่

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังมีหน้าที่ติดตามทรัพย์และสืบทรัพย์ เพื่อให้รายงานข้อมูลและส่งไปกรมบังคับคดีติดตามทรัพย์ ที่ผ่านมาส่งข้อมูลไปแล้วหลายสิบเรื่องทั้งที่ดิน สมุดเงินฝาก และการถือครองหุ้น โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ได้มีการถ่ายรูป บอกพิกัดและกำหนดทิศทางที่ชัดเจน กระทรวงการคลังไม่ได้ตอกย้ำอะไร เพราะถือเป็นหน้าที่ต้องดำเนินการ ตนขอรับผิดชอบเรื่องการติดตามทรัพย์สิน และหากมีความคืบหน้าจะส่งรายงานและเอกสารให้กรมบังคับคดีดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนข้อมูลที่ส่งให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์เป็นจำนวนเท่าไหร่ จำไม่ได้ รวมเป็นมูลค่าของทรัพย์สินด้วย

“บิ๊กตู่” รำลึกสงครามเกาหลี

วันเดียวกันเวลา 13.30 น. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายซง ยอง-มู รมว.กลาโหมสาธารณรัฐเกาหลี เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างหารือว่า ปีนี้ครบรอบ 60 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันตั้งแต่สมัยสงครามคาบสมุทรเกาหลี ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กัน โดยมีกองพัน “พยัคฆ์น้อย” ของหน่วยทหารไทยร่วมรบ นับเป็นเกียรติและความภาคภูมิใจ เพราะเคยเป็นผู้บังคับการกองพันดังกล่าว ขอชื่นชมนโยบายการเผยแพร่วัฒนธรรมเกาหลี จนกระแสเกาหลีได้รับความนิยมในไทยอย่างมาก ขณะที่นายซง ยอง-มู กล่าวว่า คนเกาหลีไม่เคยลืมทหารไทยที่เข้าร่วมรบ ชื่นชมนายกฯที่เป็นผู้นำโดดเด่นในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ฝ่ายได้แลกเปลี่ยนมุมมองต่อสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี โดยไทยเชื่อมั่นว่าจะแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี

หนุ่มใหญ่บุกมอบคุกกี้ให้นายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล มีชายหญิงคู่หนึ่ง ขับรถตู้โฟล์คสวาเกน สีบอร์นเงิน ทะเบียน อง 299 กรุงเทพมหานคร เขียนข้อความติดหน้ารถว่า “ผมมาเป็นกำลังใจให้ท่านนายกฯ ขอให้สู้ต่ออย่ายอมแพ้” พยายามขับรถเข้ามาในทำเนียบฯ ทางสะพานชมัยมรุเชฐ แต่ถูกเจ้าหน้าตำรวจกันตัวไว้ และนำตัวไปยังศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่ง ก.พ.) จากการพูดคุยทราบว่าชายคนดังกล่าวชื่อนายสมเกียรติ สุขะจิระ ต้องการมาให้กำลังใจ พร้อมมอบคุกกี้ให้นายกฯจำนวน 1 กล่อง จากนั้นจึงเดินทางกลับ

“ร้องเพลงชาติแห่งความเงียบ”

ต่อมาเวลา 17.30 น. ที่ลานพาร์กพารากอน ศูนย์การค้าสยามพารากอน กลุ่มมวลชนนำโดย น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา ร่วมจัดกิจกรรมยืนตรงร้องเพลงชาติแห่งความเงียบ พร้อมนำผ้าปิดปากแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องให้รัฐบาลและ คสช.หยุดตั้งข้อหาปิดปากประชาชน “เงียบ สงบ อึดอัด” กระทั่งเวลา 18.00 น. น.ส.ณัฏฐาและมวลชนใช้สก๊อตเทปปิดปาก และยืนเคารพธงชาตินาน 30 นาที พร้อมชูสามนิ้วทำสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ ต่อต้านคอร์รัปชัน และทำสัญลักษณ์สื่อถึงสันติภาพ น.ส.ณัฏฐากล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าวสามารถทำได้ตามสิทธิรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ทราบว่าที่ต้องปิดปาก 30 นาที อึดอัดมากแค่ไหน เพราะประเทศไทยถูกปิดปากเงียบมานาน 4 ปีแล้ว และแสดงเชิงสัญลักษณ์ที่ คสช.ตั้งข้อกล่าวหาโดยไม่เป็นธรรมกับกลุ่มผู้ชุมนุมบนสกายวอล์ก แต่วันนี้มีกลุ่มม็อบไปให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตรถึงกระทรวงกลาโหม ถือเป็นการชุมนุมเช่นกันมีการตั้งข้อกล่าวหาหรือไม่

ศาลยกฟ้องยิงเอ็ม 79 ใส่ กปปส.

อีกเรื่อง ที่ศาลอาญา ศาลมีคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายชัชวาล หรือชัช ปราบบำรุง นายทวีชัย หรือชัย วิชาคำ นายสุนทร ผิผ่วนนอก หรือป๋าทร และนายสมศรี หรือเยอะ มาฤทธิ์ จำเลยที่ 1-4 ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและข้อหาอื่น โดยอัยการฟ้องว่าเมื่อวันที่ 8 ก.พ.2557 จำเลยทั้งสี่กับพวกมีอาวุธปืนเอ็ม 79 จำนวน 1 กระบอก และลูกปืนขนาด 40 มม. อีกหลายลูก และอาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม. ยิงเข้าใส่กลุ่ม กปปส. ขณะชุมนุมอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ศูนย์ราชการ มีคนเจ็บหลายราย ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในที่เกิดเหตุและพยานแวดล้อมยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ จึงเป็นเพียงการคาดเดา เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน ไม่มีประจักษ์พยาน จึงพิพากษายกฟ้อง

ประชาธิปไตยไทยอันดับที่ 107

ช่วงค่ำ หน่วยข่าวกรองเศรษฐกิจ หรืออีไอยู ของนิตยสารอีโคโนมิสต์อังกฤษ เผยแพร่รายงานจัดอันดับดัชนีประชาธิปไตยประจำปี 2560 สำรวจความเป็นประชาธิปไตยใน 165 ประเทศทั่วโลก โดยวัดจากกระบวนการเลือกตั้ง และความเป็นพหุนิยม ประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล การมีส่วนร่วมทางการเมือง วัฒนธรรมการเมือง และเสรีภาพพลเรือน ผลปรากฏว่าประเทศไทยถูกจัดในกลุ่มกึ่งประชาธิปไตย (Hybrid Regime) ได้คะแนนรวม 4.63 จาก 10 คะแนน อยู่ในอันดับที่ 107 ของโลก เทียบในภูมิภาคอาเซียน ฟิลิปปินส์ มีคะแนนดีที่สุด อยู่อันดับ 51 มาเลเซียอันดับ 59 อินโดนีเซียอันดับ 68 สิงคโปร์อันดับ 69 ชาติเหล่านี้อยู่ในกลุ่มประชาธิปไตยแบบมีข้อบกพร่อง (Flawed democracy) ขณะที่เมียนมา กัมพูชา จีน เวียดนาม สปป.ลาว ถูกจัดใน กลุ่มประเทศปกครองแบบเบ็ดเสร็จ (Authoritarian) ส่วนชาติที่มีความเป็นประชาธิปไตยอันดับ 1 คือ นอร์เวย์ อันดับต่ำสุดคือ เกาหลีเหนือ

“ศรีวราห์” สั่งแจ้งความเอาผิดดะ

พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า มวลชนที่มารวมตัวชูป้ายให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ บริเวณหน้ากระทรวงกลาโหม ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ มาตรา4 ประกอบมาตรา 10 เบื้องต้นสั่งการให้ตำรวจ สน.พระราชวัง ร้องทุกข์กล่าวโทษและดำเนินการตามกฎหมายแล้ว