คอยน์เช็ค หนึ่งในบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลที่ใหญ่สุดในญี่ปุ่น สุดเซ็ง โดนแฮกเกอร์มือดีเข้ามาเจาะระบบอินเทอร์เน็ต โจรกรรมเงินดิจิทัลจากเครือข่ายของบริษัทไปได้มหาศาลถึง 1.6 หมื่นล้านบาท จนต้องหยุดพักการฝาก-ถอนเงินสกุลดิจิทัลทุกระบบ ยกเว้นบิตคอยน์

เมื่อ 28 ม.ค.61 สื่อต่างประเทศรายงานว่า บริษัท คอยน์เช็ค (Coincheck) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ถูกแฮกเกอร์มือดีเข้ามาเจาะระบบคอมพิวเตอร์ โจรกรรมเงินดิจิทัลไปได้มหาศาลถึง5,800 ล้านเยน หรือราว534 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 16,700 ล้านบาท) จนถือเป็นการขโมยเงินดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดในโลก

เว็บไซต์ เดอะ มิร์เรอร์ รายงานว่า หลังจากทางบริษัทคอยน์เช็คโดนโจรกรรมเงินดิจิทัลครั้งใหญ่ ทำให้ต้องระงับการฝาก-ถอนเงินดิจิทัลทุกสกุลทันที ยกเว้นเงินดิจิทัล BITCOIN (บิตคอยน์) ขณะที่ทางบริษัทคอยน์เช็คยังอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหายของเงินดิจิทัล สกุล NEM ซึ่งถือเป็นเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าในตลาดซื้อขายใหญ่เป็นอันดับที่ 10

นายโคอิจิโระ วาดะ ประธานบริษัท คอยน์เช็ค แถลงข่าวในกรุงโตเกียว โดนแฮกเกอร์ขโมยเงินดิจิทัลไปได้ 5,800 ล้านเยน
นายโคอิจิโระ วาดะ ประธานบริษัท คอยน์เช็ค แถลงข่าวในกรุงโตเกียว โดนแฮกเกอร์ขโมยเงินดิจิทัลไปได้ 5,800 ล้านเยน

...

ข่าวแจ้งว่า ถ้าการโจรกรรมสะท้านโลกครั้งนี้ได้รับการยืนยันว่าเป็นความจริง จะถือเป็นการขโมยเงินดิจิทัลที่ซื้อขายกันทางออนไลน์ครั้งใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว หลังจากเมื่อปี 2557 บริษัท MtGOX  ซึ่งเป็นบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินดิจิทัลอีกบริษัทในญี่ปุ่นถึงกับต้องปิดตัวลง หลังยอมรับว่าโดนขโมยเงินดิจิทัลจากระบบคอมพิวเตอร์ไปถึง 400 ล้านดอลลาร์

ตามรายงานของบีบีซี ระบุว่า การขโมยเงินดิจิทัลนั้นถูกคาดว่าจะนำไปเก็บไว้ ‘hot wallet’ (กระเป๋าเงินร้อน) ในอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินสกุลนี้ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ตรงข้ามกับ‘กระเป๋าเย็น’ ซึ่งเงินจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีการเชื่อมต่อออนไลน์

ด้านบริษัทคอยน์เช็ค ระบุว่า ที่ผ่านมาทางบริษัทได้มีที่อยู่ในระบบดิจิทัลว่าเงินถูกส่งไปเก็บไว้ที่ใด และทางบริษัทกำลังดำเนินการว่าจะสามารถชดเชยคืนแก่บรรดานักลงทุนได้อย่างไร.