วอนช่วยหนุ่มน้อยนักเรียน ม.2 ที่อุดรธานี เรียนดี แต่มีแม่พิการตัดขา ส่วนพ่อทิ้งไปไม่ได้ส่งเสียดูแล ต้องรับจ้างกรีดยาง ขุดมัน หาเงินไปโรงเรียน ครูบอกลูกศิษย์เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน กีฬาก็เก่ง อยากให้ได้เรียนต่อ จะได้มาดูแลแม่ในยามแก่เฒ่า... 


ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 61 หลังได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเสถียร จุติมา ครูฝ่ายกิจการนักเรียน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการอุดรธานี (บ้านผือพิทยาสรรค์) อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ว่ามีเด็กนักเรียนเรียนดี ความประพฤติดี แต่ยากจน แม่พิการ พ่อทิ้ง ต้องรับจ้างกรีดยางหาเงินไปโรงเรียนและเลี้ยงแม่ เป็นที่น่าเวทนาของชาวบ้านและครู จึงเดินทางไปที่โรงเรียนดังกล่าว 

เมื่อไปถึงพบ น.ส.ภัควลัญชญ์ อำเคน ครูประจำชั้น ม.2/10 เปิดเผยว่า เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เดินทางไปเยี่ยมบ้านนักเรียน พบว่า ด.ช.กฤษฎา สีดาจิตร อายุ 14 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 2 บ้านใหม่ ต.เมืองพาน อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี มีฐานะยากจน แม่พิการ พ่อหนี ต้องอาศัยอยู่กับญาติ แม่ไม่มีรายได้ จึงต้องออกรับจ้างกรีดยาง และทำงานทุกอย่างที่ชาวบ้านจ้าง เพื่อหาเงินไปโรงเรียน แต่ลูกศิษย์เป็นคนดี ตั้งใจเรียน กีฬาก็เก่ง โรงเรียนช่วยเหลือได้ในบางส่วน จึงอยากให้ลูกศิษย์ได้เรียนต่อ เพื่อจะได้มีอนาคตที่ดี เพื่อดูแลแม่ที่ป่วยและพิการได้ 

...

จากนั้น ด.ช.กฤษฎา ได้พาไปหานางรุจี แสงมณี อายุ 39 ปี แม่ ด.ช.กฤษฎา ซึ่งป่วยเบาหวาน และพิการตัดขาข้างขวา นั่งรอลูกชายอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับเปิดใจว่า เมื่อก่อนสามีพาตนและลูกเดินทางไปทำงานที่ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อหาเงินมาสร้างบ้านใหม่แทนหลังเก่าที่ได้รับมรดกจากแม่ ที่บ้านหนองกบ ต.เมืองพาน ซึ่งเป็นบ้านไม้เก่า โดยสามีทำงานขับรถจับจ้าง ส่วนตนทำงานโรงงานปลาทู กระทั่ง ด.ช.กฤษฎา เรียนถึงชั้น ป.6 ตนคิดว่าถึงจะทำงานอย่างไร ก็ไม่มีเงินเก็บไปสร้างบ้าน เพราะต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน จึงชวนสามีกลับมาอยู่บ้านเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2559

นางรุจี กล่าวอีกว่า เมื่อพาครอบครัวกลับมา พบว่าบ้านที่ได้รับมรดกจากแม่ผุพังเนื่องจากปลวกกิน นายมาโนช แสงมณี อายุ 45 ปี พี่ชายของตน จึงชวนให้มาอยู่ด้วย โดยให้ตนและครอบครัวอาศัยอยู่ห้องชั้นล่าง และนำ ด.ช.กฤษฎา ไปสมัครเข้าเรียนชั้น ม.1 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมพัฒนาการอุดรธานี ซึ่งสามีได้ทำงานรับจ้าง ส่วนตนมีอาการป่วยโรคเบาหวาน ทำงานอยู่บ้าน กระทั่งวันที่ 17 ธันวาคม 2559 สามีได้เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทาง บอกตนว่าอยู่ไม่ได้ จะกลับไปอยู่บ้านเกิด จ.ยโสธร เพื่อไปหางานทำ ส่งเงินมาให้ลูกเรียนหนังสือ ตนไม่ได้ว่าอะไร คิดว่าสามีคงจะรู้สึกอึดอัดที่ต้องมาอาศัยบ้านญาติ จึงตามใจสามี 

ผู้เป็นแม่ กล่าวด้วยว่า หลังจากที่สามีกลับไป จ.ยโสธร สัปดาห์แรกได้โทรกลับมาบอกว่าคิดถึงลูก จากนั้นสามีก็หายเงียบไป ไม่ติดต่อมาอีกเลย ตนต้องออกไปทำงานรับจ้างหาเงินให้ลูกไปโรงเรียน แต่โชคร้ายยังเดินไปเหยียบฟืนที่ติดไฟ ทำให้เป็นแผลที่ฝ่าเท้าขวา แพทย์รักษาพบว่าแผลติดเชื้อ ต้องตัดขาตั้งแต่ต่ำกว่าหัวเข่าทิ้ง เพื่อไม่ลุกลามและรักษาชีวิต เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 ตนต้องเป็นคนพิการ ต้องรับเงินค่าพิการเดือนละ 800 บาท ไม่มีรายได้อื่นอีกเลย 

นางรุจี เล่าต่อไปว่า แม้ครอบครัวจะขาดแคลน แต่ลูกก็ไม่เคยเกเร จะออกไปรับจ้างกรีดยาง หยอดน้ำกรด เก็บขี้ยาง ทำไร่มันสำประหลัง ทำนา ตามที่ชาวบ้านจ้าง จะได้เงินวันละ 50-100 บาท เพื่อไปโรงเรียน หลังเสร็จงานลูกจะไปเล่นเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน เพราะมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักฟุตบอล ส่วนเงินคนพิการ 800 บาท ได้แบ่งไว้ให้ค่ารถโรงเรียนเดือนละ 400 บาท แต่ก็ไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าและสิ่งของเครื่องใช้ใหม่ให้ลูกเลย 

"รู้สึกสงสารและห่วงลูกมาก อยากให้ลูกมีอนาคต อยากให้เรียนหนังสือสูงๆ อยากมีบ้านให้ลูกอยู่ แต่เราพิการจึงไม่สามารถส่งเสริมลูกได้ แต่ลูกก็ไม่เคยบ่นน้อยใจ ยังออกไปรับจ้างกรีดยาง หาเงินไปโรงเรียน ตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีไม่เคยเกเร เพราะใฝ่ฝันว่าอยากจะเป็นตำรวจ” นางรุจี เล่าทั้งน้ำตา 

...

ส่วน นายมาโนช แสงมณี อายุ 45 ปี พี่ชายนางรุจี และลุง ด.ช.กฤษฎา เปิดเผยว่า ตนรู้สึกสงสารน้องสาวมากที่ต้องพิการ แถมสามียังทิ้งไปอีก แต่ภูมิใจในตัวหลานชายมาก เพราะหลานเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน ไม่ดื้อ ไม่เกเร อีกทั้งยังไม่เคยดูดาย ช่วยทำนา กรีดยาง และไร่มันสำปะหลังทุกอย่าง ตนไม่ใช่คนร่ำรวยแต่ก็สามารถดูแลน้องสาวและหลานได้ตามอัตภาพ อยากให้หลานมีอนาคตที่ดี เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งของแม่ต่อไป

ส่วนผู้มีจิตอันเป็นกุศล ต้องการช่วยเหลือ ด.ช.กฤษฎา เด็กยากจนแต่เรียนดีเพื่อให้มีอนาคตได้ โดยสามารถโอนเงินช่วยเหลือ ที่บัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาศูนย์การค้าเอ็น อาร์ คอมเพล็กซ์ (บ้านผือ) ชื่อบัญชี ด.ช.กฤษฎา สีดาจิตร เลขที่บัญชี 408-731580-2.