เป็นที่ประจักษ์ชัดและเป็นนโยบายรัฐบาลที่เน้นด้านการท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างมหาศาล และเม็ดเงินกระจายสู่ท้องถิ่นอย่างทั่วถึงแท้จริง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดงานเปิดตัวยิ่งใหญ่ปลายปีที่แล้ว “2561 ปีท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋อย่างยั่งยืน” ประชาสัมพันธ์เชิญชวนคนไทยเที่ยวในประเทศให้มากยิ่งขึ้น เงินจะได้ไม่ไหลออกนอกประเทศ
ขณะที่ ททท. พลิกกลยุทธ์การตลาด โปรโมตเมืองท่องเที่ยวหลักควบคู่ไปกับเมืองท่องเที่ยวรอง เพื่อเปิดตลาดท่องเที่ยวจังหวัดต่างๆให้มากยิ่งขึ้น และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ด้วย
...
จ.บึงกาฬ เป็น 1 ใน 55 เมืองท่องเที่ยวรอง ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจไว้อวดไม่แพ้เมืองอื่นๆ เริ่มโปรโมตในช่วงอากาศหนาวมาถึงต้นปี ล่าสุด นายกรกต ธำรงวงศ์สวัสดิ์ รอง ผวจ.บึงกาฬ ได้สานนโยบายเป็นประธานเปิดกิจกรรม “มหัศจรรย์บัวริมบึง@หนองเลิง” ที่ ต.ดอนหญ้านาง อ.พรเจริญ เชิญชวนนักท่องเที่ยวเข้าไปชม ทะเลบัวแดง ที่สวยงามภายในอาณาเขตกว่า 700 ไร่
นายกรกต เผยว่า หนองเลิง แห่งนี้เป็นแหล่งของบัวริมบึง เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่ประมาณ 3,065 ไร่ เต็มไปด้วยทัศนียภาพที่สวยงามตามธรรมชาติ และยังเป็นแหล่งอาศัยของปลาน้ำจืดนานาพันธุ์ ปัจจุบันเทศบาล ต.ดอนหญ้านาง มองเห็นประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจให้ท้องถิ่น จึงพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
นอกจากนี้ยังช่วยให้แหล่งน้ำแห่งนี้ได้รับการพัฒนาจนเกิดความสมดุลทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นบนบกและในหนองน้ำ
เส้นทางไปเที่ยวชมบัวแดงที่สวยงามโดดเด่นแห่งนี้ เดินทางได้โดยรถยนต์ตรงไปที่ อ.พรเจริญ จากนั้นเลี้ยวไปทาง อ.โซ่พิสัย จ.หนองคาย ประมาณ 15 กิโลเมตร ถึงจุดหมายปลายทาง ไปชมความงดงามของบัวแดงในช่วงเช้าตลอดฤดูหนาว นอกจากนี้ยังมีนกหลากหลายชนิดอยู่ในธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์
หากสนใจไปเที่ยวชมสอบถามรายละเอียดได้ก่อนที่เทศบาล ต.ดอนหญ้านาง โทรศัพท์ 0-4202-0444 และ 0-4202-0510
จ.บึงกาฬ เมืองรองแห่งนี้ยังมีสถานที่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบสไตล์การท่องเที่ยวแบบฮาร์ดคอร์ ปีนป่ายเขาและชะโงกผา พอให้เหงื่อตกซิกๆ ที่ ศูนย์จัดการกลุ่มป่าสงวนแห่งชาติที่ 154 ภูมิประเทศเป็นขุนเขาสูงตระหง่าน ชาวบ้านจึงเรียกขานว่า “ภูสิงห์” ในท้องที่บ้านโนนไทรทอง หมู่ที่ 8 ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ
ช่วงหนาว เจ้าหน้าที่จัดเตรียมสถานที่และจุดกางเต็นท์ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวเข้าไปเยี่ยมชมความงดงามของธรรมชาติภายในเขตป่าสงวน ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู
จุดชมวิวสำคัญประกอบด้วย จุดชมวิว “ถ้ำฤาษี”, จุดชมวิว “หินสามวาฬ” พร้อมทั้งยังมีบ้านพัก และเต็นท์ไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เตรียมเต็นท์สำหรับการค้างแรมมาด้วย
นายทรัพย์สิน จงดี ป่าไม้ จ.บึงกาฬ ในฐานะหัวหน้ากลุ่มป่าสงวนแห่งชาติที่ 154 กล่าวว่า ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่จนถึงขณะนี้ ศูนย์จัดการกลุ่มป่าสงวนแห่งชาติที่ 154 หรือ ภูสิงห์ ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมและพักค้างแรมไม่ขาดสาย เจ้าหน้าที่คอยให้การต้อนรับ และมีบ้านพักไว้อำนวยความสะดวก หรือสนใจกางเต็นท์พักแรมก็ทำได้บริเวณจุดที่เจ้าหน้าที่กำหนดไว้ให้
ยกเว้นบริเวณจุดชมวิว “หินสามวาฬ” มีสภาพเป็นป่าดิบ ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้และสัตว์ป่ายังอุดมสมบูรณ์ จึงยังไม่อนุญาตให้กางเต็นท์พักแรม เพราะอาจไม่ปลอดภัยจากสัตว์มีพิษ จากอุบัติเหตุ จากไฟป่าและอื่นๆ
แต่ใครต้องการกางเต็นท์พักแรมใกล้ๆ ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่ไว้ให้กางเต็นท์บริเวณก่อนขึ้นจุดชมวิว “หินสามวาฬ” ใกล้สำนักงานศูนย์จัดการกลุ่มป่าสงวนแห่งชาติ ที่ 154 ซึ่งมีธรรมชาติสวยงามและอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้กัน
ผู้สนใจสามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ป่าไม้ หรืออาสาป่าไม้ชาวบ้านได้ นอกจากจะได้รับความสะดวกและปลอดภัยแล้ว ยังมีส่วนร่วมช่วยอนุรักษ์พื้นที่ให้คงสภาพธรรมชาติไว้ไม่ให้เป็นป่าเสื่อมโทรม ที่สำคัญจะสามารถควบคุมแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ใช้ระบบนำทาง GPS ซึ่งมักตั้งค่าว่า “ภูสิงห์” เป็นไกด์บอกทาง ขอให้เปลี่ยนมาใช้คำว่า บ้านโคกก่อง ต.โคกก่อง อ.เมืองบึงกาฬ หรือถนน บก 3007 จากนั้นให้สังเกตป้ายบอกทางตามถนนเพื่อจะได้ไม่หลงทางไปถึงยังจุดหมายอย่างปลอดภัย
นายทรัพย์สิน จงดี บอกด้วยว่า ในช่วงเดือนมกราคม 2561 นี้ หากนักท่องเที่ยวที่สนใจมาพักผ่อนที่ “ภูสิงห์” เพื่อความสะดวกและปลอดภัย ควรเตรียมตัวไว้สำหรับการเดินป่าและอุปกรณ์กันหนาวกันแดดให้พร้อม หากไปกลับวันเดียวสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนขึ้นภูสิงห์ได้
แต่หากมาเป็นหมู่คณะ หรือต้องการให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านยานพาหนะ และอื่นๆ ขอให้ประสานมาก่อน หรือสอบถาม โทร.08-8563-8852 ป่าไม้จังหวัดบึงกาฬ,โทร.09-6813-2041 อส.ปม.หนูนา หรือ โทร.08-8536-2717 ทนายเด่น กิติชัย
นี่แหละ จ.บึงกาฬ หนึ่งเมืองรองที่กำลังฉายแววความโดดเด่น ตามโครงการเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัดเที่ยวแล้วสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาทแม้รัฐบาลจะสูญเสียรายได้การจัดเก็บภาษีประมาณ 200 ล้านบาทก็ตาม
แต่ไม่สำคัญเท่าสิ่งที่ได้มานั่นคือ ผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ จากการสร้างรายได้ให้ประชาชนในท้องถิ่น จะได้ไม่เกิดความเหลื่อมล้ำทางด้านเศรษฐกิจอีกต่อไป และช่วยกระตุ้นให้การท่องเที่ยวในจังหวัดรองเกิดการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ไม่ควรมองข้ามไปในอนาคต....!
มงคล เสียงใส