เรื่องราวของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ที่เป็นเรื่องเป็นราวอยู่ในเวลานี้ ถ้าวิเคราะห์จากเหตุการณ์ ในวันถ่ายรูปหมู่ ครม.ชุดประยุทธ์ 5 แล้วเชื่อว่า ตัว พล.อ.ประวิตร เอง ก็ไม่คาดไม่ฝันว่า เรื่องจะใหญ่โตได้ขนาดนี้
เพียงแค่เสียงเย้าแหย่จากบรรดากระจอกข่าวที่สนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร ลากยาวไปในสังคมออนไลน์ จากนั้นทั้งฝ่ายค้านฝ่ายแค้น รุมถล่ม พล.อ.ประวิตร กันถึงขนาดไปร้องเรียนกับ ป.ป.ช. ซึ่งถ้าวันนั้น พล.อ.ประวิตร รู้ว่าจะมีเหตุการณ์เหมือนวันนี้ ก็คงจะไม่ใส่แหวนที่แม่ให้ยืมใส่ในวันนั้นพอดี ซึ่งแหวนวงดังกล่าวเป็นมรดกตกทอดจากพ่อเอามาใส่เป็นสิริมงคลในวันสำคัญ และในจำนวนพี่น้องสามคนยังไม่รู้ว่าจะตกเป็นสมบัติของใครด้วยซ้ำหรือแม้แต่ นาฬิกา ที่เพื่อนรักซึ่งเป็นนักธุรกิจดังให้หยิบยืมมาชั่วครั้งชั่วคราว จะกลายเป็นทุกขลาภและเป็นเหยื่อของสังคมออนไลน์จนต้องรีบเอาไปคืนแทบไม่ทัน
จะด้วยเป็นเหตุบังเอิญ หรือเป็นจังหวะของสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันก็ตาม แต่วันนี้ พล.อ.ประวิตร ซึ่งถือว่าเป็นพี่ใหญ่ของรัฐบาลชุดนี้ ก็ตกเป็นจำเลยสังคมไปแล้ว สิ่งที่ พล.อ.ประวิตร จะทำได้ในวันนี้คือการพิสูจน์ตัวเองกับ ป.ป.ช. และพิสูจน์ตัวเองกับสังคมให้ได้
ไม่แปลกที่ พล.อ.ประวิตร มักจะเป็นเหยื่อของสังคมและสังคมออนไลน์มาโดยตลอด เพราะถ้าโจมตี พล.อ.ประวิตร ได้ก็เท่ากับโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และดิสเครดิต รัฐบาล คสช. ได้ พล.อ.ประวิตร เป็นพี่ใหญ่ของน้องๆ พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ใหญ่ในรัฐบาล ถ้า พล.อ.ประวิตร มีอันเป็นไปจาก ครม.หรือ คสช. รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมสั่นสะเทือน และแรงสั่นสะเทือนที่ว่าก็จะเกิดอาฟเตอร์ช็อก เป็นวิกฤติของรัฐบาลชุดนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
...
วิบากกรรมออนไลน์ที่เกิดกับ พล.อ.ประวิตร อาจจะทำให้เกิดกระแส หรือเป็นสีสันของสังคมออนไลน์ เป็นเหยื่อทางการเมือง เป็นช่องทางการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล
แต่โดยรวมแล้วชาวบ้านได้อะไร
ทั้งหมดนี้เพราะสังคมไม่ได้สร้างมาตรฐานการตรวจสอบและให้ความเชื่อถือกับองค์กรตรวจสอบในมาตรฐานเดียวกัน แต่จะเลือกตัดสินเอาตามความรู้สึกและกระแสของสังคมชี้นำ
หน้าที่การตรวจสอบการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ของ ป.ป.ช. ที่มีขั้นตอนและวิธีการ จึงต้องอธิบายให้สังคมได้ทราบถึงข้อเท็จจริงที่ชัดเจน
จะถูกจะผิดก็ต้องอธิบายให้เป็นมาตรฐาน
เมืองไทยเป็นสังคมของการวิพากษ์วิจารณ์ แม้ยังไม่มีข้อเท็จจริงหรือระบุความผิดชัดเจน อาศัยแค่ความรู้สึกก็ตัดสินลงโทษไปเรียบร้อยแล้ว คำพิพากษาของสังคมจึงไม่ต่างจากศาลเตี้ย สังคมไทยก็เลยกลายเป็นเหยื่อของสื่อและกระบวนการไม่ปรารถนาดี ประเทศไทยที่ไม่สงบสุขสับสนวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะเป็นสังคมที่ชอบฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่มีระเบียบวินัย ยกมือขึ้นบังแดดแค่ไม่กี่วินาทีกลายเป็นวิกฤติรัฐบาลทันที
มีแค่ที่นี่ที่เดียว ไทยแลนด์โอนลี่.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th