ป.ป.ป.ฟันคดีฟอกเงินทอนวัด ลูกศิษย์หอบ4แสนค้ำ-แต่วืด ถอดจีวรนุ่งชุดขาวเข้าเรือนจำ

สึกโดยปริยาย หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ไม่ให้ประกันตัวพระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าคณะอำเภอชนแดน และเจ้าอาวาสวัดลาดแค จ.เพชรบูรณ์ ในคดีฟอกเงินทอนวัด เจ้าหน้าที่ พศ.และตำรวจเกลี้ยกล่อมอยู่นาน เจ้าตัวจึงยอมสละสมณะเพศเปลี่ยนเป็นชุดนุ่งขาวห่มขาวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ผบก.ป.ป.ป. แฉวันจับกุมผู้ต้องหาพบหลักฐานเพิ่งซื้อรถยนต์ให้สีกาเป็นผู้ครอบครอง ด้าน “บิ๊กป้อม” ปฏิเสธความสัมพันธ์ไม่ได้สนิทสนมผู้ต้องหารายนี้เป็นพิเศษ ยืนยันรู้จักแบบพระทั่วไป

จากกรณีตำรวจกองปราบฯจับกุมตัวพระครูกิตติพัชรคุณ หรือนายสมเกียรติ ขันทอง อายุ 53 ปี เจ้าคณะอำเภอชนแดน และเจ้าอาวาสวัดลาดแค ต.ลาดแค อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.2596/2560 ลงวันที่ 27 พ.ย.60 ฐานกระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ก่อนคุมตัวไปฝากขัง ศาลอาญาอนุญาตให้ประกันตัว 2 แสนบาท ภายใต้เงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ ต่อมาตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ป.ป.ป.) ตามไปอายัดตัวต่อในคดีทุจริตเงินทอนวัด เตรียมคุมตัวไปฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ท่ามกลางกระแสข่าวพระครูคนดังกล่าวมีความสนิทสนมกับสมาชิกรัฐบาลบางคน

ความคืบหน้า ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและ ประพฤติมิชอบบกลาง ถนนนครไชยศรี ซอยสีคาม เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 1 ธ.ค. พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ป.ป.ป.พร้อมพนักงานสอบสวน บก.ป.ป.ป. นำตัวพระครูกิตติพัชรคุณ หรือนายสมเกียรติ ขันทอง อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฟอกเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติ หรือเงินทอนวัด มายื่นคำร้องฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 1-12 ธ.ค. เนื่องจากการ สอบสวนยังไม่เสร็จสิ้นต้องสอบปากคำพยานเพิ่มเติมและตรวจสอบเส้นทางการเงิน รวมทั้งประวัติการต้องโทษของผู้ต้องหา

...

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนยังทำหนังสือคัดค้านการประกันตัวด้วย เนื่องจากพบพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับสำนวนคดีทุจริตเงินทอนวัดอีก 12 คดีอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รวมทั้งสำนวนคดีฟอกเงินนั้นมีอัตราโทษสูงเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี ระหว่างชั้นสืบสวนพบผู้ต้องหาเดินทางออกนอกประเทศหลายครั้ง ขณะพนักงานสอบสวนมีหมายเรียกผู้ต้องหาก็ไม่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา ทั้งยังเกรงว่าผู้ต้องหาจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ภายหลังศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างศาลพิจารณาการฝากขังอยู่นั้น มีกลุ่มศิษยานุศิษย์ของพระครูกิตติพัชรคุณ เดินทางมายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 400,000 บาท กระทั่งเวลา 14.30 น. ศาลพิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์ รวมทั้งคำคัดค้านของพนักงานสอบสวนและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เตรียมส่งคำอุทธรณ์และเอกสารประกอบของฝ่ายผู้ต้องหาไปยังศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาการปล่อยตัวชั่วคราวตามขั้นตอนอีกครั้ง

ด้าน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ป.ป.ป. เปิดเผยว่า นำผู้ต้องหามาฝากขังศาลตามความผิดคดีฟอกเงิน หลังพบพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับคดีเงิน ทอนวัดรวม 12 คดี ใน 12 วัด มูลค่าความเสียหาย 28 ล้านบาท พนักงานสอบสวน บก.ป.ป.ป.สรุปสำนวน ส่งให้ ป.ป.ช. แต่มี 2 คดีที่ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้ ปปง. ดำเนินการฐานฟอกเงินหลังพบพฤติกรรมมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดที่เป็นข้าราชการของ พศ. ทั้งนี้ในวันที่มีการจับกุมผู้ต้องหาพบหลักฐานการนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดไปซื้อรถยนต์ให้หญิงสาวบุคคลที่ 3 เป็นผู้ครอบครอง นอกจากนี้ ยังพบสมุดเช็คธนาคารอีกหลายเล่ม ชั้นนี้ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธและขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น

มีรายงานเพิ่มเติมว่า หลังศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวพระครูกิตติพัชรคุณ ไปควบคุมไว้ที่ห้องเวรชี้ ซึ่งเป็นที่กักชั่วคราวบริเวณใต้ถุนศาล เพื่อรอการส่งตัวไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระหว่างนั้นมีคณะกรรมการจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 3 คนพร้อม พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป.และ พ.ต.อ. จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผกก.4 บก.ป.มาร่วมเจรจาทำความเข้าใจให้ถอดผ้าไตรจีวรเพื่อเป็นการสึกก่อนเข้าเรือนจำตามกฎข้อบังคับ แต่ผู้ต้องหารายนี้ไม่ยอมกระทั่งการเจรจาผ่านไปนานกว่า 1 ชั่วโมง เจ้าตัวจึงยอมสละสมณเพศ เปลี่ยนเป็นชุดนุ่งขาวห่มขาว ก่อนถูกคุมตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พร้อมผู้ต้องหารายอื่นในเวลา 17.00 น.

อีกด้าน ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพถ่ายระหว่างพระครูกิตติพัชรคุณ หรือนายสมเกียรติ ขันทอง ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีกระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี เข้าอวยพร พล.อ.ประวิตร ที่บ้านพักเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของ พล.อ.ประวิตร แสดงออกถึงความสนิทสนมว่า ตนไม่ได้สนิทสนมกับพระครูคนดังกล่าว เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาตนเคยเดินทางไปทำบุญตามปกติ เรื่องนี้ใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่มีการแอบอ้างว่าเคยฝากหญิงสาวคนสนิทของพระครูรูปนี้เข้ารับราชการทหารด้วยนั้น ยืนยันว่าไม่มี

“ผมรู้จักท่านแบบพระทั่วไป ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยไปสร้างอาคารให้พระในวัดสำหรับใช้สวดมนต์และสวดพระอภิธรรม ซึ่งก็ผ่านมานานกว่า 10 ปีแล้ว ผมไปทำบุญตามปกติ ไม่มีอะไรพิเศษ” พล.อ.ประวิตรกล่าว