องอาจปชป.-ตั้งข้อสังเกต มุ่งกระชับอำนาจให้สมคิด พท.เย้ยยังรักษาพวกพ้อง คนแรงงานขานรับอดุลย์

ครม.ประยุทธ์ 5 เตรียมถวายสัตย์ฯทำหน้าที่ เป็นทางการ30พ.ย. “วิวัฒน์” ว่าที่ รมช. เกษตรฯคึกคักพร้อมทำงานเต็มที่ ด้าน รมต. หลุดเก้าอี้รำพึงสั่งลา “กอบกาญจน์” ฝากสานต่อกีฬา-ท่องเที่ยว “ปนัดดา” ภูมิใจแล้วได้แทนคุณแผ่นดิน “ออมสิน” บอกคือสุดยอดของชีวิต ครม.ใหม่ทหารออก 3 เข้า 1 เพิ่ม รมต.เศรษฐกิจสางปัญหากระตุก เชื่อมั่น เผย “บิ๊กตู่” ปลื้ม “ไพรินทร์” ชงชื่อเอง ด้าน ปชป.เย้ยปรับ ครม.ขายผ้าเอาหน้ารอด ผิดฝาผิดตัว ชี้เป้าเกษตรฯ-คมนาคม ได้คนไม่เหมาะกับงาน “เสี่ยตือ” อวยภาพรวมดีขึ้น ได้ลูกสด กระชุ่มกระชวย แนะ “สมคิด” ตรองบทเรียนขบเหลี่ยมทำงาน ฟากผู้นำแรงงานเปิดใจรับ “อดุลย์” มากกว่า รมต.ทหาร

คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประยุทธ์ 5 ได้รับการโปรดเกล้าฯเรียบร้อยแล้ว มีรัฐมนตรีหน้าใหม่เข้าสู่ ครม. 10 ราย ขณะที่รัฐมนตรีถูกปรับพ้น ครม. 9 ราย รวมกับ รมว.แรงงานที่ออกไปก่อนหน้านี้อีก 1 ราย พร้อมสลับย้ายอีกหลายตำแหน่ง ถือเป็นการปรับ ครม.ครั้งใหญ่ ตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ โดยมีการปรับลดรัฐมนตรีที่เป็นทหาร พร้อมเพิ่มเติมรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ

ครม.ใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ 30 พ.ย.

เมื่อวันที่ 25 พ.ย. นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร ว่าที่รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ว่า ตนพร้อมทำหน้าที่ และใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ในการทำงาน การเข้ารับหน้าที่ในครั้งนี้จะทำให้งานด้านการเกษตรที่ตนทำอยู่ สามารถระดมการมีส่วนร่วมได้หลายภาคส่วนมากยิ่งขึ้น ตนมีความตั้งใจที่จะเข้ามาทำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามที่ได้รับการประสานและมอบหมายให้มาดูเรื่องนี้ จะทำเรื่องนี้ให้สุดความสามารถ ส่วนเรื่องการแบ่งงาน เบื้องต้น รมว.เกษตรและสหกรณ์ได้เตรียมนัดหารือร่วมกันแล้ว อย่างไรก็ตาม การเข้ารับหน้าที่อย่างเป็น ทางการ ต้องรอภายหลังการเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ขณะนี้ได้รับการประสานให้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ในวันที่ 30 พ.ย.นี้

...

“กอบกาญจน์” เขียนคำอำลาอาลัย

ขณะที่นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อดีต รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ที่พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ได้เขียนความในใจ 2 หน้ากระดาษ หลังปรับ ครม.ประยุทธ์ 5 ว่า เป็นสามปีที่มีคุณค่ามากที่ได้รับใช้ชาติ ร่วมกับทุกหน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาคม พัฒนาการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพ เติบโตอย่างยั่งยืน ส่วนกีฬาคือความสุขและศักดิ์ศรีของคนไทย พัฒนาให้เติบโตสู่ระบบสากล บนความยั่งยืน กีฬาไทยสู่ความเป็นเลิศ มวยไทยสู่โอลิมปิก กีฬาเพื่อคนทั้งมวล ให้คนไทยออกกำลังกายและเล่นกีฬามากขึ้น ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ความโปร่งใสในกีฬา เพื่อให้กีฬาพัฒนาคน ที่ตำราสอนไม่ได้ และที่เงินซื้อไม่ได้ คือ วินัย ความอดทน ความเพียร รู้แพ้รู้ชนะ สุขภาพกาย สุขภาพใจ ให้กีฬาช่วยสร้างชาติให้เข้มแข็งต่อไป ยังเชื่อเหลือเกินว่า “ท่องเที่ยวและกีฬา” เป็นเรื่องของคนถึงคน ใจถึงใจ ไม่มีการเมือง ไม่มีความเหลื่อมล้ำ เป็นภาษาสากล ที่ทำให้คนเข้าใจมากขึ้น คนเข้าใจตัวเองมากขึ้น และคนรักกันมากขึ้น อยากให้คนไทยพัฒนาร่วมกัน สร้างประเทศที่เติบโตอย่างมั่งคงและยั่งยืนด้วยมือของพวกเรา โดยช่วงท้ายนางกอบกาญจน์ได้เขียนว่า “สู้ สู้ สู้ค่ะ” พร้อมวาดรูปมือชูสองนิ้ว ลงชื่อ “น้องกอบกาญจน์”

“ปนัดดา” ภูมิใจสนองคุณแผ่นดิน

ด้าน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล อดีต รมช.ศึกษาธิการ 1 ใน 9 รัฐมนตรีที่ถูกปรับออกจากตำแหน่งพ้น ครม. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Panadda Diskul ว่า “กระผมมีความภาคภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยใต้ร่มพระบารมี มีความสำนึกในบุญคุณอันใหญ่หลวงของแผ่นดินไทย ที่ได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วยความจงรักภักดีตราบจนเกษียณอายุราชการ กระผมขอกราบขอบพระคุณในความปรารถนาดี และจะขอรำลึกถึงน้ำใจไมตรีจิตอันดีงามของทุกท่านตลอดไป”

“ออมสิน” รำพึงคือสุดยอดแห่งชีวิต

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงหน้าตา ครม.ชุดใหม่ว่า ขอไม่ออกความเห็น เพราะถือว่าออกมาแล้วคงไม่เหมาะที่จะพูดอะไร แต่ขอแสดงความยินดีและขอให้ ครม.ใหม่ประสบความสำเร็จในทุกสิ่งที่ปรารถนา สำหรับงานที่ตนเคยรับผิดชอบนั้น จะมีนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ อดีต รมว.ยุติธรรม ซึ่งได้รับโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯเข้ามาดู ไม่น่าเป็นห่วงอะไร เพราะเป็นงานเก่าที่นายสุวพันธุ์เคยดูมาแล้ว ส่วนตนถือว่าช่วงชีวิตหนึ่งได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ทำงานเพื่อประเทศชาติ ถือว่าสุดยอดแล้ว จากนี้ก็จะพักผ่อน ปลูกต้นไม้ต้นไร่ไปเรื่อยเปื่อย คิดอยู่ว่าจะเขียนหนังสือ เพราะชีวิตตนไม่ธรรมดา บางเรื่องบางราวไม่นึกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

ครม.ใหม่ทหารออกมากกว่าเข้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการปรับ ครม.ประยุทธ์ 5 ที่มีรัฐมนตรีพ้นจาก ครม. 9 คน และตั้งใหม่เข้ามา 10 คน มีรัฐมนตรีที่เป็นทหารออก 3 คน ได้แก่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯ และ พล.อ.อุดมเดช สีตุบุตร รมช.กลาโหม ขณะที่รัฐมนตรีที่เป็นทหารมีเข้ามาเพียงคนเดียวคือ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล อดีตปลัดกระทรวงกลาโหมและอดีตสมาชิก สนช. เป็น รมช.กลาโหม โดยรัฐมนตรีที่แต่งตั้งใหม่ทั้งหมด ได้กรอกเอกสารข้อมูลประวัติการทำงาน เมื่อวันที่ 17-18 พ.ย. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯเมื่อวันที่ 22 พ.ย.

เพิ่ม รมต.เศรษฐกิจสางปัญหา

ผู้สื่อข่าวรายงานการปรับ ครม.ครั้งนี้ ในส่วนของรองนายกฯถูกปรับออก 2 คน แต่มีการโยก พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ จาก รมว.เกษตรและสหกรณ์ มาเป็นรองนายกฯเพียงคนเดียว ทำให้รองนายกฯเดิมที่มี 6 คนเหลือเพียง 5 คน ขณะที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง นั่งรองนายกฯควบ รมว.ยุติธรรม โดยไปเพิ่มเก้าอี้รัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจ คือ รมช.อุตสาหกรรม และ รมช.เกษตรและสหกรณ์อีก 1 ตำแหน่ง ทำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีรัฐมนตรีทั้งหมด 3 คน เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาสินค้าพืชผลการเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ถือเป็นปัญหาใหญ่ของรัฐบาลในเวลานี้

“บิ๊กตู่” ปลื้ม “ไพรินทร์” ชงชื่อเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการในคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่มาเป็น รมช.คมนาคมนั้น นายกฯเป็นคนเลือกรัฐมนตรีรายนี้ด้วยตัวเอง เพราะเห็นว่าเป็นคนเก่ง เดิมทีจะให้ขึ้นเป็น รมว.คมนาคมแทนนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เพราะมองว่าโครงการใหญ่ๆ ที่กระทรวงคมนาคมรับผิดชอบเป็นไปด้วยความล่าช้า อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยนายกฯเห็นว่านายอาคมเป็นคนซื่อสัตย์ เลยให้อยู่ตำแหน่งเดิม และให้นายไพรินทร์มาช่วยขับเคลื่อนงานในกระทรวง

ปชป.รอส่องผลงาน ศก.ทีม “สมคิด”

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับ ครม.ประยุทธ์ 5 ว่า ภาพรวมเป็นการปรับ ครม.เพื่อก่อให้เกิดความหวัง นายกฯคำนึงถึงเสียงเรียกร้องของสังคม ที่อยากเห็นการปรับ ครม.เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาพืชผลการเกษตรตกต่ำ เศรษฐกิจระดับฐานราก โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปลี่ยนรัฐมนตรีใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนตัวเฉพาะบุคคลไม่เพียงพอ ถ้าไม่เปลี่ยนแนวคิดคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ที่น่าสนใจคือทีมงานด้านเศรษฐกิจ โดยการนำของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มีการกระชับอำนาจในการบริหารจัดการเข้ามาอยู่ในเครือข่ายของนายสมคิดเกือบทั้งหมด น่าจะทำให้การขับเคลื่อนแก้ปัญหาประเทศดีกว่าที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างไรก็มีแนวคิดและวิธีการปฏิบัติหลายอย่างที่ทีมเศรษฐกิจอาจจะต้องปรับเปลี่ยน หวังว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้กับเวลาทำงานที่เหลือประมาณ 1 ปี จะทำให้ประชาชนมีความคาดหวังมากกว่าผิดหวัง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจระดับฐานราก ถ้าทีมงานเศรษฐกิจชุดนี้ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ คงไม่สามารถไปโทษใครได้อีกแล้ว

เย้ยผิดฝาผิดตัว-ขายผ้าเอาหน้ารอด

นายประมวล เอมเปีย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เห็นรายชื่อ ครม.ประยุทธ์ 5 แล้ว ไม่ได้ สร้างความหวัง หรือเรียกฟื้นความเชื่อมั่นได้ อยากจะเรียกว่าเป็นรัฐบาลกบในกะลามากกว่า ปรับ ครม.แบบขายผ้าเอาหน้ารอด ไร้วิสัยทัศน์ เพราะใช้คนไม่ถูกกับงาน เช่น กรณีนายกฤษฎา บุญราช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้มาเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ ทั้งที่ทำงานราชการฝ่ายปกครองมาทั้งชีวิต ถามว่ามาเป็น รมว.เกษตรฯ ท่านจะเข้าใจ เข้าถึงและแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรตกต่ำต่อเนื่องได้อย่างไร รวมทั้งปัญหาเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และระบบชลประทานที่เกี่ยวเนื่องกับการเกษตร ที่สุดก็ต้องใช้ข้าราชการประจำในกระทรวงอยู่ดี ที่ผ่านมาก็เห็นผลงานแล้วว่าเป็นอย่างไร แทนที่จะเอาคนที่มีประสบการณ์ด้านการเกษตรมาเป็น แม้จะได้นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร และนายลักษณ์ วจนานวัช เป็นรมช.เกษตรฯ ก็ยังคิดว่าต้องตามแก้ปัญหาหนัก เพราะสินค้าเกษตรเกือบทุกตัวตกต่ำหมด สำหรับนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ที่ได้เป็น รมช.คมนาคม อดีตเคยเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และกรรมการ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เป็นที่รู้จักในวงการพลังงาน ถามว่าจะรู้ลึกในเรื่องกระทรวงคมนาคมมากน้อยเพียงใด

สนองคุณเจ้าสัวไม่เห็นหัวประชาชน

นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์-โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ต้องปรับท่ามกลางความเสื่อมสุดๆ ทุกด้านของรัฐบาลทหาร เป็นการปรับเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ไม่ใช่ปรับเพื่อความอยู่รอดของประชาชน นักวิชาการที่ถูกดึงเข้าร่วม เพื่อให้ภาพพจน์ของรัฐบาลดูดี นักการเมืองที่เข้าร่วมก็จะเป็นสะพานให้ พล.อ.ประยุทธ์เดินข้ามไปสู่การเป็นนายกฯต่อสมัยหน้า หรือแม้แต่อดีตข้าราชการที่เข้าร่วมก็ต่างเคยเป็นลูกน้อง พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงเครือข่ายเพื่อน จปร. วปอ. เพราะทั้งชีวิตรู้จักเท่านี้ จึงเป็นยุคของพรรคทหาร ข้าราชการ และนายทุนอย่างแท้จริง ซ้ำยังใช้ต้นทุนที่ประชาชนเคยศรัทธาทหารจนหมดสิ้น พอๆกับที่ใช้งบประมาณของแผ่นดิน สิ้นเปลืองมากที่สุดในการจัดซื้ออาวุธของเหล่าทัพ ท่านให้เกียรติเจ้าสัวมาก เจ้าสัวก็สนองคุณท่านมาก แต่รัฐบาลไม่ได้สนองคุณผู้เสียภาษีอากรของคนทั้งประเทศ รัฐบาลชุดนี้จึงเปรียบเสมือนทองชุบที่รอวันลอกออกมาให้ประชาชนได้เห็น

รัฐบาลยึดอำนาจปรับกี่ครั้งก็ไม่ดี

นายสัมพันธ์ ตั้งเบญจผล อดีต ส.ส.สุโขทัย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้จะปรับ ครม.กี่ครั้ง จะเอาคนเก่งมีความสามารถเข้ามากี่คน แต่ถ้ามาจากการรัฐประหารยึดอำนาจ และอยู่บริหารนานกว่าวาระของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็คิดว่าแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ เพราะรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตย นานาชาติไม่ยอมรับ วันนี้สังคมเรียกร้องให้ปรับทีมเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาฐานรากให้ชุมชน แต่ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล คสช. ยังยืนยันที่จะแก้ปัญหาระดับมหภาค เอื้อให้กลุ่มทุนใหญ่ได้ประโยชน์ นโยบายช็อปช่วยชาติ หรือบัตรคนจน สุดท้ายผู้ได้ประโยชน์กินรวบคือนายทุน ส่วนชาวบ้านหนี้สินเพิ่มขึ้นควบคู่กับปัญหาหนี้นอกระบบ และปัญหาสังคมที่ตามมา

“สมศักดิ์” อวยปรับใหม่ไฉไลกว่าเดิม

ด้านนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงโฉมหน้า ครม.ประยุทธ์ 5 ว่า รัฐมนตรีใหม่หลายคนได้รับการคาดหวัง มีภาพพจน์ที่สังคมยอมรับ ถือว่าถูกฝาถูกตัว ตรงกับความรู้ความสามารถและตรงกับงานที่ทำมาในอดีต อาทิ นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา จะทำให้ภาพของ ครม.ใหม่มีความสดขึ้น อย่างน้อยก็ดีกว่าในอดีตที่ผ่านมา

ถ้าปรับแล้วไม่ดีขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คงไม่ปรับ และการปรับ ครม.ครั้งนี้ถือว่าปรับใหญ่ เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาลได้ระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรที่เป็นปัญหาของรัฐบาล จะโทษกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อย่างเดียวไม่ได้ เพราะเป็นเพียงต้นทางของการผลิต จะต้องทำงานกับหลายกระทรวง โดยเฉพาะกระทรวงด้านเศรษฐกิจ แต่บทเรียนที่ผ่านมา แทนที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ จะรับผิดชอบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วยกลับไม่ใช่ ทั้งที่เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของงานด้านเศรษฐกิจ ฉะนั้น ควรแบ่งงานให้ชัดเป็นด้านๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง จะได้ไม่เกิดปัญหาเหมือนในอดีต

ชทพ.สะกิดเตือนคนคาดหวังสูง

นายนิกร จำนง แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การปรับ ครม.รอบนี้เห็นภาพชัดเจนว่าต้องการปรับกระทรวงที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจ เพื่อให้เศรษฐกิจฐานล่างขยับสอดรับกับนโยบายเศรษฐกิจในภาพรวม ที่ผ่านมาประเทศเจอปัญหาว่า ตัวเลขทางเศรษฐกิจดี แต่เงินในกระเป๋าของเกษตรกร หรือประชาชนไม่มี จึงเป็นเรื่องท้าทายต่อการทำงานของ ครม.ชุดใหม่เป็นอย่างยิ่ง เพราะเชื่อว่าประชาชนมีความคาดหวังสูง ส่วนรัฐมนตรีบางคนที่เคยทำงานร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนานั้นไม่ขอวิจารณ์ สำหรับการปรับ ครม.โดยลดสัดส่วนทหาร เป็นภาคพลเรือนมากขึ้น อาจส่งผลดีที่ประชาชนอาจจะชอบ เพราะลดโทนจากสีเขียวเข้ม เป็นสีเขียวอ่อน ตนมองว่าการปรับ ครม.รอบนี้อาจเป็นการปรับครั้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่การเลือกตั้งในปี 2561 ซึ่งการทำผลงานจะเป็นแต้มต่อให้รัฐบาล คสช.หรือไม่นั้น คงไม่เกี่ยวข้องในทางตรง แต่ในทางอ้อมอาจเป็นไปได้

คนแรงงานเชื่อมือ “อดุลย์” กว่าทหาร

นายชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงาน (คสรท.) กล่าวว่า เชื่อว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน คนใหม่ จะเข้าใจงานด้านแรงงานมากกว่าอดีต รมว.แรงงาน 2 คน ก่อนหน้านี้ที่เป็นทหาร ซึ่งไม่มีประสบการณ์หรือความถนัดด้านแรงงาน ส่งผลให้งานไม่ค่อยคืบหน้า ฟังแต่คำแนะนำจากข้าราชการ ไม่ทำงานเชิงรุกเน้นแก้เฉพาะจุด โฟกัสแต่เรื่องต่างด้าวและการค้ามนุษย์ ไม่ทำงานภาพรวม ที่มีทั้งการละเมิดสิทธิแรงงาน ค่าจ้างไม่เป็นธรรม ถูกเอารัดเอาเปรียบ เป็นต้น ตนคิดว่า พล.ต.อ.อดุลย์เคยทำงานด้านการปกครองและด้านสังคมใกล้ชิดประชาชนมากกว่า แต่ก็ไม่คาดหวังอะไรมากนัก เพราะการเข้ามารับหน้าที่แค่ 1 ปี ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก ก็ขอฝากให้ทำงานเต็มที่ อย่าฟังข้าราชการมากเกินไป และอยากให้ปฏิรูปกระทรวงแรงงานเหมือนที่เคยอยากจะปฏิรูปตำรวจสมัยเป็น ผบ.ตร. อย่าปล่อยให้ข้าราชการทำงานแบบรอคำสั่งอย่างเดียว ส่วนเครื่องสแกนม่านตาที่กรมการจัดหางานจะจัดซื้อ ต้องกล้าที่จะทำให้ชัดเจน อย่าปล่อยให้มีนอกมีในให้คนสงสัย ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์เข้าปฏิบัติหน้าที่ ผู้นำแรงงานจะขอเข้าพบเพื่อขอรับทราบนโยบายการทำงาน หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมอีก

พท.เย้ย “บิ๊กตู่” สลัดพวกพ้องไม่ได้

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการปรับ ครม.ประยุทธ์ 5 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ พยายามรักษาความ เป็นทีมของพวกพ้อง โดยการปรับย้ายสลับบางตำแหน่งให้ไปอยู่ในจุดที่คิดว่าทำงานได้ ทำให้ภาพรวมออกมาดูอีหลักอีเหลื่อ และที่สำคัญลำพังแค่การปรับ ครม.อย่างเดียวใช่ว่าจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้ ต้องดูที่นโยบายภาพรวมด้วยว่าจะทำให้ฟันเฟืองทั้งหมดขับเคลื่อนได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หวังว่าจะแก้ปัญหาต่างๆได้บ้าง แต่ตัวเลขจีดีพีที่ดีขึ้นนั้น ตัวเลขที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจยังไม่ถึงประชาชนรากหญ้าทั้งหมด

ไม่เพียงพอกระตุกความเชื่อมั่น

ด้านนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ นายกฯพยายามลดภาพทหารออกไป โดยดึงคนที่เคยทำงานและมีผลงานมาแล้วมานั่งในตำแหน่งสำคัญ เพื่อทำให้ภาพรวมดีขึ้น แต่ก็ยังเห็นว่านายกฯยังคงยึดติดกับพวกพ้องน้องพี่อยู่ เห็นได้จากการโยกย้ายสลับบางตำแหน่ง ส่วนตัวเชื่อว่าการปรับ ครม.เพียงอย่างเดียวโดยไม่ปรับนโยบายภาพรวมด้วย จะไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ และยังไม่เพียงพอต่อการเรียกความเชื่อมั่นให้กับประเทศ รัฐบาลควรเร่งออกนโยบายลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน เช่น การยกระดับสินค้าการเกษตร ไม่ใช่ออกนโยบายที่เอื้อคนรวยอย่างเดียว รัฐบาลต้องเร่งยกระดับรายได้คนส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นเกษตรกรให้ได้ สิ่งสำคัญที่จะเรียกความเชื่อมั่นให้กับประเทศ คือ ความเป็นประชาธิปไตย จุดนี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งทำให้ชัดเจนด้วย

พท.จวก สนช.ต่ออายุศาล รธน.

นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ สนช.ผ่านความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย วิธีพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญว่า การที่ สนช. กำหนดให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 4 คน ที่ขาดคุณสมบัติตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ยังคงดำรงตำแหน่งต่อไปจนครบวาระ และให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 5 คน ที่ครบวาระแล้ว อยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการประชุมสภาฯนัดแรกนั้น ถือเป็นการออกกฎหมายที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน เลือกปฏิบัติ และไม่ชอบธรรมอย่างยิ่ง เนื่องจาก รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด การจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปได้ก็เฉพาะเพื่อรอให้ผู้ที่ได้รับการสรรหาใหม่เข้ามารับหน้าที่เท่านั้น เพื่อความต่อเนื่องในการทำหน้าที่ แต่การไปกำหนดให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ขาดคุณสมบัติอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ แล้วให้ผู้ที่ครบวาระอยู่ต่อไปจนกว่าจะมีการประชุมสภาฯ นัดแรกโดยไม่รู้ว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อใดเช่นนี้ เท่ากับเป็นการต่ออายุโดยไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน

สมคบคิด—รับใบสั่งผู้มีอำนาจ

นายชูศักดิ์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ฟังเหตุผลที่อธิบายแล้วรับไม่ได้จริงๆ เช่น การที่บอกว่าการจะตรากฎหมายไปปลดศาลนั้นทำไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปลด แต่เป็นเรื่องขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญแท้ๆ นอกจากนี้เมื่อกฎหมายดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้ว จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้อย่างไร ในเมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ประโยชน์จากกฎหมายนี้ จึงไม่อาจจะพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้ จะเป็นปัญหาอย่างแน่นอน จึงอยากจะดูว่า กรธ.เจ้าของร่างที่ให้เซ็ตซีโร่ จะเห็นอย่างไร ศาลรัฐธรรมนูญจะกล้าหาญที่จะมีมติเรื่องนี้หรือไม่ และในที่สุดอาจมองเห็นกระบวนการสองมาตรฐานเลือกปฏิบัติได้อย่างชัดเจนอีกเรื่องหนึ่ง ฝากให้ดูว่าการออกกฎหมายในลักษณะผิดเพี้ยนเช่นนี้ เกิดจากการสมคบคิดกันหรือไม่ หรือเกิดจากการรับใบสั่งของผู้มีอำนาจเพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่

แฉล้วงเงิน อปท.ปูฐานการเมือง

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ มีนโยบายนำเงินสะสมของท้องถิ่น ซึ่งมีอยู่ประมาณเกือบสองแสนล้านบาท ให้ท้องถิ่นไปจัดทำโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวและพัฒนาอาชีพในชุมชนว่า หลักเกณฑ์การใช้เงินดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน จำเป็นเร่งด่วน การที่จะขอมติ ครม.เพื่อแก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยเอื้อต่อการใช้เงินดังกล่าว เท่ากับทำลายหลักการเดิมที่ได้กำหนดไว้ และเป็นการไปทุบกระปุกล้วงเอาเงินสะสมท้องถิ่นมาใช้ตามนโยบายที่ขาดการตรวจสอบ ทำให้สังคมเริ่มสงสัยว่าเพื่อปูพื้นฐานทางการเมืองหรือไม่

รำลึก 9 ปี พธม.ไม่มีไม่หนีไม่จ่าย

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีครบรอบ 9 ปี พันธมิตรยึดสนามบินว่า กรณีนี้สร้างความเสียหายหลายแสนล้านบาท แกนนำต้องชดใช้ 522 ล้านบาทเศษ แต่ยึดหลัก ไม่มีไม่หนีไม่จ่าย แล้วประเทศจะไปเรียกค่าเสียหายจากใคร ส่วนคดีอาญาก็ไม่ทราบว่าดำเนินคดีไปถึงขั้นไหนแล้ว พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะอดีต ผบ.ทบ. ระบุว่าเห็นต่างได้แต่ต้องไม่ใช้ความรุนแรง แต่ขณะที่เป็น ผบ.ทบ.ได้ทำอะไรบ้างเพื่อระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายกับบ้านเมือง จริงหรือไม่ที่รัฐบาลในขณะนั้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงป้องกันไม่ให้มีการยึดสนามบิน แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ปฏิบัติตาม ทั้งนี้สังคมไทยควรยึดหลักร่วมกัน 5 ข้อ คือ 1.ต้องไม่ใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ม็อบต้องไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ 2.การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลควรเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 3.การชัตดาวน์ประเทศ ระบบราชการ ก่อจลาจลขัดขวางการเลือกตั้งต้องไม่เกิดขึ้นอีก 4.ฝ่ายความมั่นคงต้องปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล 5.ไม่ว่ากรณีใดๆต้องไม่ใช้ความรุนแรงในการ แก้ไขปัญหา