ในยุคสมัยที่คนกลัวฤทธิ์เดชผี อาจารย์วิชาไสยศาสตร์ มีวิชาสะกดผี และอาวุธที่ใช้สะกดผี ก็ใช้หลักหนามบ่งหนาม คือต้องไปหาเอาจากวัสดุหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับเรื่องผี

แสน  วิชาชาญ  เขียนเรื่องนี้ไว้ในหนังสือ  ตำนานหวยแห่งเมืองสยาม  (สำนักพิมพ์  รศ.229)  อาวุธที่จะใช้สะกดผี  เรียกว่าตะปูขนัน

เหล็กที่ใช้ทำตะปูขนัน คือเหล็กที่สัปเหร่อใช้เขี่ยหรือพลิกศพให้ถูกไฟขณะเผา อาจารย์ไสยศาสตร์จะเอาไปตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ แล้วเอาไปเผาไฟแล้วนำไปตีเป็นรูปตะปู

เสร็จแล้วก็เริ่มปลุกเสกด้วยไสยเวทดำอันร้อนแรง...จนแน่ใจว่าได้ที่

ผีตายโหงสมัยก่อนใช้วิธีฝังในหลุม เมื่อเชื่อกันว่าดุร้ายชอบไปหลอกหลอนผู้คน หมอผีที่มีตะปูขนันในมือ ก็จะไปขุดศพขึ้นจากหลุม แล้วตอกตะปูขนันลงไปที่หน้าผาก จนมิดถึงหัวตะปู

มีเรื่องเล่าชวนขนหัวลุกต่อมาว่า ผีบางตนก็ดุมาก ขณะถูกตอกศพก็ลืมตาได้ มือที่ถูกสัปเหร่อมัดตราสังไว้แน่นหนา ก็ขยับขึ้นมาสู้กับหมอผี

เล่ากันจริงจังว่า ผีบางตน เจ็บปวดจากฤทธิ์ตะปูขนัน ถึงขั้นร้องโอดโอยโหยหวล

เมื่อมีความเชื่ออิทธิฤทธิ์ผีกันถึงขั้นนี้ ความเชื่อก็เผื่อแผ่ไปถึงพระพุทธรูป

องค์ที่ร่ำลือกันว่าให้หวยแม่น

คนที่เชื่อเลือกที่จะเชื่อด้วยว่า พระพุทธรูปท่านก็อยู่ของท่าน แต่ความขลังหลายประการนั้นเกิดขึ้นจากเทพยดาอารักษ์ ที่ปกปักรักษาองค์พระ

เทพยดา ในทัศนะของหมอผี ก็คือหัวหน้าผี มีฤทธิ์เดชมากกว่า เมื่อพระพุทธรูปให้หวยแม่น ขุนบาลล่มจมไปหลายราย เรื่องมันก็ต้องมีการสะกดพระพุทธรูป

หมอผีอาคมขลังจึงต้องถูกจ้างมาทำการ ด้วยการแอบเข้าไปเอาตะปูขนันตอกที่พระโอษฐ์ (ปาก) พระ และเนื่องจากเทพยดามีฤทธิ์มากกว่า จึงต้องตอกอย่างน้อยสามดอก

แสน วิชาชาญ มีตัวอย่างหลายวัด ที่ยืนยันว่ามีพระพุทธรูปหลายองค์ถูกตอกขนัน องค์ดังที่สุด คือหลวงพ่อวัดไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม

หลวงพ่อวัดไร่ขิง เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทองสมัยอยุธยา เดิมอยู่วัดศาลาปูน ต่อสมเด็จพระพิมลธรรม (อาจ อาสโภ) มอบหมายให้ญาติโยม อัญเชิญไปเป็นพระประธานในวิหารวัดไร่ขิง

ต่อมามีผู้คนไปขอหวยหลวงพ่อกันมาก คนที่ไม่ไปขอหลวงพ่อก็ไปเข้าฝันบอกเลข เอาไปแทงถูกกันบ่อยๆ จนขุนบาลจ้างหมอผีเอาตะปูขนันไปตอกที่พระโอษฐ์ท่านสามดอก

หมอผีแอบไปตอกเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ มารู้เอาอีกทีก็เมื่อหลวงพ่อ ทนแรงกระเทือนไม่ได้   แตกร้าวไปทั้งพระพักตร์   ในช่วงเวลาที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า   กรมพระยาวชิรญาณวโรรส   จะเสด็จมาตรวจวัดพอดี

สมเด็จพระมหาสมณเจ้าฯเสด็จกลับ ทางวัดก็รีบให้ช่างมาซ่อมแซมพระพักตร์ พระพักตร์ที่ซ่อมใหม่ออกมาตามฝีมือช่างสมัยใหม่ ไม่เหมือนพระพักตร์เดิม ซึ่งเป็นรูปไข่งดงามตามศิลปะสมัยอยุธยา

นี่เป็นเรื่องราวความเชื่อของผู้คนสมัยเก่าเขานะครับ   สมัยนี้คงไม่มีใครบ้าแอบเอาตะปูไปตอกพระโอษฐ์พระกันอีกแล้ว หากจะมีความอยากตอกปากกันบ้าง ก็คงอยากตอกปากนักการเมือง

นักการเมืองไม่ใช่ผี ไม่ใช่เทวดา ถ้าจะมีการตอกกันจริงๆ ก็คงจะตอกกันด้วยเงิน ฟังข่าวถึงขั้นมั่นหมายจ่ายกันหัวละ 5 ล้าน ถึงวันแต่ง (เลือกตั้ง) เขาว่ากันว่าหัวละตั้ง 40-50 ล้าน

ตอกกันด้วยเงินขนาดนี้ จะให้พูดมากพูดน้อย หรือไม่ให้ พูดเลยก็สั่งได้ ไม่ต้องไปจ้างหมอผีให้เมื่อย.

...

กิเลน ประลองเชิง