วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 18 นาฬิกา 47 นาที สำนักพระราชวังได้ออกประกาศแจ้งให้ประชาชน ชาวไทยทราบว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราชบรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคต ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ เมื่อเวลา 15 นาฬิกา 52 นาที ของวันเดียวกันนี้
สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี
คํ่าวันนั้นถนนทุกสายมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาล ศิริราช เมื่อคลื่นมหาชนเดินทางมาสวดมนต์เนืองแน่น และหลายคนนำพระบรม ฉายาลักษณ์ชูขึ้นเหนือศีรษะ
ร่วมส่งเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 สู่สวรรคาลัย ด้วยหยาดนํ้าตาท่วมท้นใบหน้า
ในขณะที่พสกนิกรทั่วประเทศต่างร่ำไห้ เสียใจอย่างสุดซึ้ง บรรยากาศเศร้าสงบ และความเงียบเหงาเกิดขึ้นทั่วทั้งแผ่นดินไทย
รัฐบาลประกาศให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคมเป็นต้นไป และให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่รัฐ ไว้ทุกข์มีกำหนด 1 ปี สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้พิจารณา ดำเนินการตามความเหมาะสม
และนี่คือส่วนหนึ่งของพาดหัวข่าวในเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากคํ่าคืนอันแสนยาวนานของ ปวงชนชาวไทยผ่านไป
ทหารเรือร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีทั้งน้ำตา / พัทยางดบันเทิงปิดร้านทั้งเมือง / เหล่า ผู้นำโลกร่วมส่งสารแสดงความเสียใจ “ในหลวง” สวรรคต / ผบ.ตร.สั่งตำรวจทุกนายไว้ทุกข์ 1 ปี-งดงานรื่นเริงทุกประเภท 30 วัน / สถานบันเทิงเมืองชัยนาท พร้อมใจปิดให้บริการ น้อมถวายบังคมในหลวงสวรรคต
ข้าราชการเชียงใหม่จัดดอกไม้สีขาวแต่งซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์น้อมถวายบังคม / ชาวสระบุรี-เมืองกาญจน์ร่ำไห้ ฟังแถลงการณ์ในหลวงสวรรคต / นักกีฬาของพระราชาร่วมน้อมถวายบังคม “ในหลวง”
คนไทยในบอสตัน เชิญร่วมน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ณ จัตุรัสภูมิพล / ชาวสุราษฎร์ฯ ร่ำไห้หนัก “ในหลวงสวรรคต” / ชาวไทยในจอร์เจียร่วมจุดเทียนถวายบังคมส่ง “ในหลวง” เสด็จสู่สวรรคาลัย
จุฬาราชมนตรีแถลงชาวไทยมุสลิมโทมนัส สยามสูญเสียครั้งใหญ่ เชิญร่วมอาลัย / อัศจรรย์เกิดปรากฏการณ์ “หมอกธุมเกตุ” คล้ายเมื่อครั้ง ร.5 เสด็จสวรรคต / ฝูงนกบินรอบพระบรมมหาราชวัง พสกนิกรหลั่งไหลเตรียมถวายบังคม ฯลฯ
รุ่งเช้าวันที่ 14 ตุลาคม เจ้าหน้าที่เร่งปรับปรุงถนนรอบพระบรมมหา ราชวังรับการเคลื่อนขบวนพระบรมศพจากโรงพยาบาลศิริราช ประชาชนยังปักหลักเนืองแน่นจับจองที่นั่งเฝ้ารอการเคลื่อนขบวนพระบรมศพ...
ภาพคลื่นมหาชนสวมชุดดำเต็มพื้นที่สองข้างทางเฝ้าขบวนพระบรมศพ
เวลา 16.33 น. เริ่มเคลื่อนขบวนอัญเชิญพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จากโรงพยาบาลศิริราชสู่พระบรม มหาราชวัง ประชาชนที่รอเฝ้าต่างพนมมือยกมือไหว้ด้วยน้ำตาอาบหน้า หลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย
แม้ขบวนรถพระบรมศพจะเคลื่อนไปจนละสายตา แต่ก็ยังไม่ทำให้ความเศร้าสุดสะเทือนใจคลายลง...หลายคนนำพระบรมฉายาลักษณ์มากอดไว้แนบอกแสดงถึงความอาลัยและเคารพรักอย่างสุดซึ้ง...หลายคนร้องไห้จนเป็นลมฟุบตัวลงกับพื้น
ร่ำไห้...ราวกับดวงใจจะหลุดลอยไป
เวลา 17.00 น. ขบวนรถอัญเชิญพระบรม ศพเคลื่อนมาถึงพระบรมมหาราชวัง เข้าทางประตูวิเศษไชยศรี อัญเชิญพระบรมศพขึ้นบรรทมที่พระแท่น เข้าสู่พิธีการสรงน้ำพระบรมศพ ... พนักงานประโคมมโหระทึก สังข์ แตรฝรั่ง แตรงอน ปี่กลองชนะ ปี่พาทย์ ทหารกองเกียรติยศถวายความเคารพ วงดุริยางค์บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารปืนใหญ่ยิงถวายพระเกียรติ นาทีละ 1 นัดตลอดเวลา
พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม-18 ตุลาคม ด้วยพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมและประโคมย่ำยาม ตามมาด้วยพระราชพิธีทรง บำเพ็ญพระราชกุศลสัตมวาร (7 วัน)...พิธีบำเพ็ญพระราชกุศลปัณรสมวาร (15 วัน)...พระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (50วัน) ...พิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสตมวาร (100 วัน)
จะผ่านไปกี่วัน...กี่คืน ความโศกเศร้าไม่จางหาย
บริเวณท้องสนามหลวงตั้งแต่ช่วงเช้ามืดประชาชนจากทั่วทั้งประเทศยังคงเดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง ด้วยความอาลัยและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นวันส่งท้ายปี 2559 ก็ไม่ได้ทำให้พสกนิกรที่ต้องการแสดงความจงรักภักดีลดน้อยลง
ประชาชนยังคงเดินทางมาเข้าแถวถวายสักการะพระบรมศพอย่างเนืองแน่น...และยิ่งทวีจำนวนมากขึ้นทุกวัน
“ปีแห่งการไว้อาลัย” ความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำให้น้ำตาแห่งความอาลัยไหลนองแผ่นดินไทย “พระราชาที่เป็นพ่อของทุกคนในแผ่นดิน”...พระราชาที่ไม่ใช่แค่ประมุขประเทศ หากแต่เป็นพระราชาของคนไทยในบริบทของสังคมแบบไทยๆที่มีความพิเศษเฉพาะไม่เหมือนประเทศอื่น
ดังพระราชกรณียกิจที่ปรากฏต่อทุกสายตาตลอดเวลา 70 ปีแห่งการครองราชย์ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงถือปากกา กางแผนที่ สะพายกล้องบุกป่า ฝ่าดง ขึ้นเขา ลงห้วย เสด็จ พระราชดำเนินไปในถิ่นทุรกันดาร ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้ นำมาซึ่งโครงการพระราชดำริแก้ปัญหาชาวบ้านทั้งเรื่อง...ดิน...น้ำ
นับแล้วกว่า 4,500 โครงการ ทรงทุ่มเทพระวรกายเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของราษฎร ทรงเป็นราชันอย่างแท้จริง...เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของประเทศชาติและประชาชนชาวไทย
ความสูญเสียแฝงไปด้วยอารมณ์ว้าเหว่...
อีกหนึ่งเรื่องราวที่ถูกบันทึกไว้ นักท่องเที่ยวชาวไต้หวันได้แสดงความอาลัย ถวายแด่พระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เขียนใส่กระดาษโน้ตส่งข้อความแสดงความอาลัยยื่นไว้ให้กับลูกเรือสายการบินการบินไทย เนื้อหาในกระดาษระบุว่า
“ถึงลูกเรือการบินไทย ขอแสดงความ เสียใจกับการสูญเสียครั้งใหญ่ ในการเสด็จสวรรคตของพ่อ ผู้ทรงมีพระเมตตาแผ่ไพศาล พระองค์จะสถิตอยู่ในดวงใจของพวกเราครับ ผมรักพระมหากษัตริย์ ขอพรใดๆดลบันดาลให้พระองค์ ทรงจุติเป็นเทพบนสรวงสวรรค์...”
ขณะที่ แจ็ค หม่า ประธานกลุ่มบริษัท อาลีบาบา ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ของประเทศจีน ยกย่องในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นกษัตริย์ที่น่าเคารพนับถือที่สุดในโลก กล่าวแสดงความอาลัย ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่สถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า ผมเสียใจที่ได้ทราบข่าว พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเป็นบุคคลที่น่าเคารพนับถือที่สุดในโลก พระองค์ทรงเป็นที่รักและ เคารพของพวกเราทุกคน และของผมด้วยเช่นกัน ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ผมเดินทางไปประเทศไทย มากกว่า 10 ครั้ง ทุกครั้งที่ไปประเทศไทยผมเห็นผู้คนรักและเทิดทูนพระองค์ เพราะเรารู้ว่าพระองค์ได้ทรงทำสิ่งต่างๆมากมายเพื่อประเทศไทย เพื่อเอเชีย และเพื่อโลกของเรา เพื่อสร้างสันติภาพ และทำให้ผู้คนในทุกศาสนาประพฤติและปฏิบัติดีตามความเชื่อในศาสนาของตน
“ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ผมรู้จักประเทศไทย พระองค์ทรงช่วยให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจน ทรงให้เกียรติผู้อื่น ผมคิดว่าพระองค์จะทรงเป็นที่เคารพรักและเทิดทูนของปวงชนต่อไปอีกนานเท่านาน ผมเชื่อว่าความเชื่อ ความปรารถนาและความฝันของพระองค์จะถูกสานต่อโดยประชาชนของพระองค์และโดยพวกเรา เพื่อดวงวิญญาณเสด็จสู่สวรรคาลัย....ผมเสียใจที่เราได้สูญเสียพระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช”
และอีกหลายๆเรื่องราวสุดซึ้ง! บังเกิดขึ้น ทั่วประเทศ “ตาชื่น” วัย 63 ปี ชายพิการหลังค่อมที่มักจะนั่งขอทานอยู่ใน อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ถือเงิน 100 บาท ที่ได้มาจากการขอทานไปซื้อเสื้อดำมาสวมใส่ ก็เพื่อแสดงความอาลัยแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 และยังปฏิเสธแม่ค้าที่จะให้ฟรี เขากล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า...“พอทราบว่าพระเจ้า อยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต ด้วยความ จงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน จึงนำเงินที่ขอทานได้ไปซื้อเสื้อดำใส่...เสียใจมากๆที่พระเจ้าแผ่นดินสวรรคต”
หากยังจำกันได้ช่วงปลายปีที่แล้ว ชาวบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมหนัก แม้ว่าจะเป็นทุกข์ทำให้เดือดร้อน แต่ก็ยังไม่ทุกข์เท่ากับการสูญเสียพ่อของแผ่นดิน นายสัมฤทธิ์ สมใจ อายุ 53 ปี ชาวตำบลชุมแสงสงคราม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า น้ำที่ท่วมบ้านกับนาในขณะนี้ถือว่าเป็นความทุกข์ที่เกิดตามธรรมชาติจนเกิดความเคยชินแล้ว...แต่เมื่อทราบข่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต รู้สึกเสียใจมาก
“ถ้าจะเปรียบเทียบกับความทุกข์ที่ถูกน้ำท่วม มันเปรียบเทียบกันไม่ได้เลย การสูญเสียในหลวงเป็นความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก”
365 วันสวรรคต...โศกสลดไม่จางหาย พสกนิกรชาวไทยทุกคนก็คงรู้สึกถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปิ่มๆจะขาดใจไม่ต่างกัน
@@@@@
ศิลปิน : เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
ภาพ : พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย
ขนาด 100 x120 ซม. สีอะคริลิกบนผ้าใบ
แรงบันดาลใจ : “ผมร่างภาพมากมายหลายภาพเพื่อคัดเลือกหาภาพท่ีผมพอใจท่ีสุด ผมวาดกายทิพย์ของพระองค์ท่านมิใช่กายเนื้อ และใช้ครุฑสี่องค์แทนพรหมวิหารสี่ของพระองค์ท่าน วิมานสิบหลังด้านบนและดอกบัวทิพย์สิบดอกด้านล่างแทนทศพิธราชธรรม ลวดลายทองท่ีแทนสัญลักษณ์เลขเก้าไทยท่ีมีภาพของพระองค์ท่านอยู่ในวงกลมหมายถึงดวงจิตของพระองค์ท่านท่ีกำลังขยับลอยขึ้นสู่สวรรคาลัย”
@@@@@
คิดถึง “พ่อ” คุณคิดถึงอะไร?
คิดถึง “พ่อ” คุณคิดถึงอะไร?...คำถามที่ตั้งไว้ในเฟซบุ๊กเพจ “ศูนย์ข้อมูลข่าวสารงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช”
แม้ว่าจะเป็นโลกออนไลน์แต่เสียงสะท้อนที่เป็นคำตอบผ่านตัวหนังสือก็แสดงถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อพระองค์ไม่เสื่อมคลาย
...คิดถึงตอนเสด็จเยือนสุโขทัยมาแล้วถึง 7 ครั้ง
...คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำไว้ให้คนไทยค่ะ
...คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงทำเพื่อคนไทย... (เหมือนกันเลยค่ะ)
...ซุปเปอร์แมน
...คิดถึงภาพพระองค์ท่านทรงงานท่ามกลางประชาชน พร้อมแผนที่แผ่นใหญ่ กล้อง ดินสอ
...ความรัก
...ความเป็นห่วงลูกๆเสมอ
...คิดถึง “พ่อ” ผู้มีแต่คำว่าให้ คำว่าเสียสละ เพื่อลูกๆได้อยู่ดีกินดีในผืนแผ่นดินที่พ่อดูแลรักษาไว้ให้ลูกหลานได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข คิดถึง “พ่อ” ...พระราชกรณียกิจ เพราะตั้งแต่จำ
ความได้จะได้ยินคำว่าข่าวพระราชกรณียกิจทุกวัน...น้อมนำคำสอนของพ่อมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ทุกวัน...รักพ่อหลวง
...เห็นภาพแล้วร้องไห้