วันนี้ขอเล่าเรื่อง นครเซี่ยงไฮ้ ต่ออีกวันครับ ไปนครเซี่ยงไฮ้ครั้งนี้ ผมถือโอกาสไปเยี่ยมชม  ธนาคารกรุงเทพ    (ประเทศจีน)    ซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็น ธนาคารต่างชาติในจีน เมื่อปีที่แล้ว เพื่อขอฟังข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจการเงินในจีน ซึ่งผมต้องขอขอบคุณ คุณโทนี ชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ที่กรุณาจัดให้

ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) ได้รับใบอนุญาตเป็นธนาคารต่างชาติในจีนเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2009 ตั้งอยู่ในอาคารเก่าคลาสสิกสวยงาม อายุกว่าร้อยปี ย่าน เดอะบัน ริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่ ซึ่งเป็นย่านที่ได้รับการเรียกขานว่า ปารีสตะวันออก อยู่ตรงข้ามกับ หอไข่มุก ดินแดนส่วนนี้ว่ากันว่าเคยเป็นที่ตั้ง อาณาจักรง่อก๊ก ของ ซุนกวน หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่แห่ง สามก๊ก

ธนาคารกรุงเทพ ถือเป็น ธนาคารไทยแห่งแรก ที่ออกไปบุกเบิกลงทุนข้ามชาติ ตั้งสาขาธนาคารท้องถิ่นในต่างประเทศ โดยจัดตั้ง ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) ขึ้นในประเทศจีน มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สาขานครเซี่ยงไฮ้ และ ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศมาเลเซีย) ไม่รวมสาขาธนาคารกรุงเทพในอีกหลายสิบประเทศ

ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 4,000 ล้านหยวน 20,000 ล้านบาท ปัจจุบันมี 4 สาขา คือ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซียะ-เหมิน เสิ่นเจิ้น ในอนาคตจะเปิดเพิ่มเป็น 20 สาขา ที่น่าทึ่งคือ มีเด็กหนุ่ม วัย 36 อย่าง คุณสุวัธชัย สองวานิช เป็นซีอีโอรับผิดชอบโอเปอเรชั่นในจีนทั้งหมด

คุณสุวัธชัย บอกว่า การทำธุรกิจแบงก์ในจีนค่อนข้างยาก มีธนาคารต่างชาติเปิดสาขาในจีนถึง 194 แห่ง จาก 46 ประเทศ แต่กลับมีส่วนแบ่งตลาดน้อยมาก สิ้นปี 2009 มียอดสินเชื่อรวม 720,400 ล้านหยวน ประมาณ 3.6 ล้านล้านบาท แต่คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดเท่ากับ ร้อยละ 1.7 เท่านั้น เห็นความยิ่งใหญ่ของจีนหรือยัง

...

แม้รายได้ต่อหัวคนจีนจะต่ำกว่าไทยเล็กน้อย แต่คนจีนกลับต้องเสียภาษีสูงกว่าไทยถึงเท่าครึ่ง ปี 2009 ที่ผ่านมา คนจีน มีรายได้เฉลี่ย 3,677 ดอลลาร์สหรัฐฯ คนไทย มีรายได้เฉลี่ย 3,939 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่างกัน 262 ดอลลาร์ฯ

แต่ คนจีนเสียภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ  17  เท่ากับยุโรปหลายประเทศ ส่วน คนไทยเสียภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ  7  ต่างกันถึง  10  เปอร์เซ็นต์

ภาษีมูลค่าเพิ่มที่สูง ทำให้ รัฐบาลท้องถิ่นจีนมีเงินไปพัฒนาความเจริญให้ประชาชน ทั้ง ที่อยู่อาศัย ถนนหนทาง รถไฟใต้ดิน รถไฟความเร็วสูง รถไฟท้องถิ่น ทำให้ "คนจีนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น" อย่างเห็นได้ชัด และสามารถ "มองเห็นอนาคต" ของตัวเองและลูกหลานได้ล่วงหน้าเป็นสิบๆปี อย่างที่ผมเล่าไปเมื่อวานนี้

แต่คนไทยเสียภาษีมูลค่าเพิ่มน้อยกว่ามาก ทำให้การพัฒนาบ้านเมืองช้า เพราะรัฐบาลไม่มีเงินลงทุน งบประมาณก็ติดลบ คนไทยทุกวันนี้มองไม่เห็นอนาคตตัวเองด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าบ้านเมืองตัวเองจะพัฒนาไปทางไหน ขณะที่คนจีนสามารถพูดได้เป็นฉากๆ ปีหน้าปีโน้นบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร

นี่คือข้ออธิบายที่ดีว่า การเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต่ำ ไม่ได้ หมายความว่าจะทำให้คุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้น ตรงกันข้าม กลับทำให้คุณภาพชีวิตคนไทยแย่ลง เพราะรัฐไม่มีเงินไปพัฒนาบ้านเมือง เพื่อยกคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น จีนเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าไทยมาก ทั้งๆที่คนจีนมีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าคนไทย แต่คุณภาพชีวิตคนจีนกลับดีกว่าคนไทย เพราะรัฐมีเงินไปพัฒนาคุณภาพชีวิตคนจนให้ดีขึ้นได้ เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้

นี่คือ ตัวเลขผกผัน ระหว่าง ความคิด กับ ความจริง

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้เอง ครม.ไทย  เพิ่งเห็นชอบ ให้รัฐบาลกู้เงินจากจีน 400 ล้านดอลลาร์ฯ  เพื่อนำไป  ซื้อหัวรถจักรดีเซลใหม่ 50 คัน ทดแทนของเก่าที่มีอายุกว่า 45 ปีแล้ว เงินที่เหลือนำไปปรับปรุงระบบรางที่ล้าหลัง ขณะที่จีนมี รถไฟฟ้าความเร็วสูง ตั้งแต่ 200, 250, 350 กม.ต่อชั่วโมง วิ่งทั่วประเทศ มี รถไฟแม่เหล็ก วิ่งเร็วที่สุดในโลก 431 กม.ต่อชั่วโมง ทั้งๆที่ 30 ปีที่แล้ว จีนยังล้าหลังไทยอยู่เลย ถ้าคนไทยไม่รู้จักคิดใหม่ ก็คงต้องล้าหลังไปเรื่อยๆ.

"ลม เปลี่ยนทิศ"